“นกแอร์” ขอโทษ เครื่องยนต์ดับลงฉุกเฉินที่สกลนคร

สกลนคร 19 ก.พ.-สายการบินนกแอร์แถลงขอโทษ เหตุเครื่องบิน สกลนคร-กรุงเทพ เครื่องยนต์ดับกลางอากาศ 1 เครื่อง กัปตันตัดสินใจร่อนลงจอดฉุกเฉิน จนทำให้เที่ยวบินล่าช้า


เหตุการณ์ภายในเครื่องบินนกแอร์ เที่ยวบิน DD9407 สกลนคร-กรุงเทพฯ ที่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Tanawat Ampunant ซึ่งนั่งด้านซ้ายติดกับปีกและเครื่องยนต์ถ่ายเอาไว้ โดยจะเห็นเครื่องยนต์ใบพัดที่ปีกด้านซ้ายไม่ทำงาน ขณะที่แพนไปยังเครื่องยนต์ใบพัดด้านขวายังทำงานตามปกติ และมีควันออกมา ซึ่งกัปตันตัดสินใจนำเครื่องกลับไปลงจอดที่สนามบินสกลนคร ทั้งที่เพิ่งทะยานขึ้นจากสนามบินเพียง 1-2 นาทีเท่านั้น โดยมีเปลวไฟพุ่งออกจากท่อไอเสีย 2 ครั้ง แล้วเครื่องยนต์ก็ดับไป สร้างความตกใจให้กับผู้โดยสาร ต่างลุ้นด้วยใจระทึก ขณะที่เจ้าหน้าที่บนเครื่องได้ให้คำแนะนำ และควบคุมสถานการณ์ให้อยู่สภาวะปกติตามแผนนิรภัยการบิน 


ทันทีที่ล้อแตะพื้นและจอดได้อย่างเรียบร้อย ก็เรียกเสียงปรบมือจากผู้โดยสารด้วยความชื่นชมกัปตันดังขึ้นอย่างมิได้นัดหมายเลยทีเดียว ที่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างดีเยี่ยม ส่วนด้านล่างยังมีทีมกู้ภัยของท่าอากาศยานสกลนคร เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้น ส่วนสาเหตุมาจากระบบควบคุมเครื่องยนต์มีปัญหา ทำให้หยุดทำงานระหว่างไต่ะระดับ จากนั้นสายการบินนกแอร์ได้ให้ผู้โดยสานนั่งรถตู้เดินทางไปยังสนามบินนครพนม เพื่อเดินทางด้วยเครื่องบินสายการบินนกแอร์ Boing 737-800 เข้ากรุงเทพฯ  ส่วนเครื่องบินลำดังกล่าว ยังจอดไว้ที่ลานจอด สนามบินสกลนครเพื่อรอช่างมาตรวจสอบแก้ไข สำหรับเครื่องบินลำนี้เป็น รุ่น Q-400 Nextgen ขนาด 86 ที่นั่ง จากประเทศแคนาดา  ในปี 2559 ใช้งานมาราว 2 ปี กรณีเครื่องยนต์ดับไป 1 เครื่องจาก 2 เครื่องยนต์ ก็ยังสามารถบินต่อได้ แต่ต้องลงจอดฉุกเฉิน   


ล่าสุดสายการบินนกแอร์แถลงขออภัยอย่างสูง ในความล่าช้าของเที่ยวบิน DD 9407 ซึ่งกำหนดเดินทางจากท่าอากาศยานสกลนคร ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์  เวลา 15.10 น. มายังท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง เวลา 16.35 น. มีผู้โดยสารทั้งหมด 84 คน เนื่องจากต้องปฏิบัติตามขั้นตอนทางด้านความปลอดภัย หลังจากกัปตันของเที่ยวบินดังกล่าว ได้พบปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของระบบเครื่องยนต์ จึงได้ตัดสินใจนำเครื่องกลับลงจอดที่ท่าอากาศยานสกลนครทันทีอย่างปลอดภัย เพื่อทำการตรวจสอบและแก้ไขอย่างละเอียดโดยทีมงานฝ่ายช่างผู้เชี่ยวชาญของสายการบิน

การที่เครื่องยนต์ของเครื่องบินดับไป 1 เครื่องนั้น  เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ สำหรับเครื่องบินในไทยแม้จะยังไม่ได้ตรวจสอบตัวเลขที่ชัดเจน  แต่ก็เกิดขึ้นปีสองปีครั้ง  โดยไม่เลือกว่าจะเป็นสายการบินไหน  แต่ขึ้นอยู่กับการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ ซึ่งตามปกติจะมีมาตรฐานของทางราชการที่กำหนดการดูแลเครื่องยนต์ในขั้นต่ำไว้  เครื่องบินทุกสายการบินจะต้องผ่านมาตรฐานนี้ แต่ถ้าสายการบินใดดูแลเกินมาตรฐานที่กำหนดไว้ ก็สามารถทำได้ ในส่วนของนักบิน  มีกฎระเบียบให้กัปตัน และนักบินผู้ช่วย  ต้องฝึกบินกับเครื่อง simulator ในกรณีเครื่องยนต์ดับนี้ 6 เดือนต่อครั้ง หากสอบไม่ผ่าน  จะไม่ปล่อยให้ขึ้นบิน กรณีเครื่องบินที่มี 4 เครื่องยนต์จะทำการฝึกแบบเครื่องยนต์ดับ 2 เครื่องด้วย  ซึ่งการฝึกกับเครื่อง simulator กับเหตุการณ์จริง  จะมีความแตกต่างกันมาก โดยเหตุการณ์จริงจะมีความตื่นเต้นกว่ามาก เพราะฉะนั้นการที่เครื่องยนต์ดับไป 1 เครื่อง และยังแลนดิ้งได้  ถือเป็นมาตรฐานที่นักบินทุกคนจะต้องทำได้

ส่วนกรณีที่เครื่องยนต์ดับทุกเครื่องยังไม่มีการฝึก เพราะเท่ากับไม่มีเครื่องยนต์เหลือเลย ต้องอาศัยประสบการณ์ของนักบินล้วนๆ แต่หากเครื่องยนต์ดับหมดทุกเครื่อง ไม่ได้หมายความว่าเครื่องจะดิ่งตกลงในทันที เพราะแม้เครื่องบินจะมีน้ำหนักมาก แต่ก็มีความเร็วสูงมาก ดังนั้นจึงสามารถร่อนไปได้  เหมือนเครื่องร่อน แต่จะร่วงลงมาเร็วกว่ามาก และสร้างความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินไม่มากก็น้อย

เคยมีกรณีที่เครื่องยนต์ดับหมด  แล้วนักบินสามารถนำเครื่องลงจอดโดยผู้โดยสารทุกคนปลอดภัยมาแล้ว คือเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2009 สายการบิน ยูเอส แอร์เวย์ เที่ยวบิน 1549 เครื่องรุ่น แอร์บัส เอ320-214 บินออกจากนิวยอร์ค ไปซีแอตเทิล ขณะกำลังขึ้นไต่ระดับความสูงได้ชนกับฝูงนกเป็นจำนวนมาก  ทำให้เครื่องยนต์ดับทุกเครื่อง นักบินได้ประสานงานถูกต้องตามขั้นตอนทุกอย่าง แต่ไม่สามารถนำเครื่องไปยังจุดหมายได้ ต้องตัดสินใจ นำเครื่องแลนดิ้งลงในแม่น้ำฮัดสัน ได้อย่างปลอดภัย ไม่มีผู้เสียชีวิตแม้แต่คนเดียว นักบินคนนี้ชื่อ Sully ซึ่งโดนตั้งกรรมการสอบอย่างหนัก ในที่สุดก็ได้ผ่านพ้นไปได้ และได้รับการยกย่องเป็นฮีโร่ เรื่องนี้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ชื่อ Sully ฉายเมื่อเดือนกันยายน 2016 นำแสดงโดย ทอม แฮงส์ นั่นเอง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ กำลังพลเจ็บ 2 นาย

กทม. 24 ก.ค.-ด่วน! เหตุปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ ทบ. เผยทหารกัมพูชา เปิดแนวรบเพิ่มที่ ผามออีแดง เขาพระวิหาร ส่วนทหารไทยงัดปืนใหญ่ตอบโต้ กำลังพลเจ็บ 2 นาย เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ระบุเพิ่มเติมว่า เวลา 0920 น. กองทัพบกพบการปะทะเพิ่มเติมตลอดแนวพื้นที่ผามออีแดง ปราสาทเขาพระวิหาร พบฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธทุกชนิดและ BM21 ส่วนฝ่ายไทยเข้าปะทะตามแผนพร้อมตอบโต้ปืนใหญ่สนาม 09.20 น. เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ 2 นาย จากอาวุธยิงสนับสนุน ในพื้นที่บริเวณกลุ่มปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ที่มีการปะทะจำนวน 6 พื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร(ห้วยตามาเรีย/ภูมะเขือ) ช่องอ่านม้า ช่องจอม.-313.-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

“บิ๊กต่าย” อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็น ตร.

ตร. 23 ก.ค. – ผบ.ตร. อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษากรณีที่ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ซึ่งหนึ่งในรุ่นพี่ที่เป็นจำเลย ปัจจุบันรับราชการตำรวจในภาคอีสาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่อยากจะสื่อสารในประเด็นที่ 1 ตนอยากพบพ่อและแม่ของน้องเมยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้พูดคุยให้เข้าใจในการปฏิบัติของตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ 2 กรณีที่คู่กรณีเป็นตำรวจ เราต้องมองย้อนไปในขณะที่เกิดเหตุ มองถอยหลังกลับไป คู่กรณีรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสถานะตำรวจ ฉะนั้นแล้วตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 การดำเนินการทางวินัยจะดำเนินได้เฉพาะกับผู้ที่อยู่ในสถานะตำรวจ ซึ่งขณะนั้นคู่กรณีถือว่าอยู่ภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนการพิจารณาทางวินัยตำรวจของคู่กรณี ตนได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ นำไปประกอบการพิจารณา เนื่องจากวินัยและอาญาจะสามารถเชื่อมกันได้ในข้อเท็จจริงบางส่วน […]

ข่าวแนะนำ

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านหนักสุดเป็นประวัติการณ์

น่าน 24 ก.ค. – ยังน่าห่วง น้ำท่วมเขตเศรษฐกิจและตัวเมืองน่าน หนักสุดเป็นประวัติการณ์ บางจุดท่วมสูงถึงชั้น 2 ของบ้าน ประชาชนติดอยู่ในบ้านกลางน้ำ ยิ่งค่ำยิ่งลำบาก .-สำนักข่าวไทย

ไทม์ไลน์เหตุปะทะเดือด “ไทย-กัมพูชา”

24 ก.ค. – ไล่เรียงไทม์ไลน์เหตุปะทะเดือดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้นในวันนี้ (24 ก.ค.) มีที่มาที่ไปอย่างไร พลันที่ชุดลาดตระเวน กองพันทหารราบที่ 14 เหยียบกับระเบิดที่ช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อเย็นวานนี้ (23 ก.ค.) ทำให้ทหาร 1 นาย บาดเจ็บสาหัสขาขาด อีก 4 นาย บาดเจ็บ ซ้ำรอยเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดจนขาขาดในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ ทำให้สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตึงเครียดถึงขีดสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยกระดับมาตรการตอบโต้สั่งปิดด่าน 4 แห่ง คือ ช่องอานม้า, ช่องสะงำ, ช่องจอม และช่องสายตะกู พร้อมปิดสถานที่ท่องเที่ยว 2 แห่ง คือ ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควายทันที 07.35 น. วันนี้ (24 ก.ค.) ความรุนแรงเริ่มชัดเจนขึ้น เมื่อทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม รายงานว่าได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ […]

ไม่พลาดเป้า! เอฟ-16 ทิ้งบอมบ์รอบ 2 กลับฐานปลอดภัย

24 ก.ค.- ทอ.เปิดปฏิบัติการ ส่งเอฟ-16 ทิ้งบอมบ์ฝั่งกัมพูชาไม่พลาดเป้า กลับฐานแล้วอย่างปลอดภัย เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 24 ก.ค.68 กองทัพอากาศ เปิดปฏิบัติการ ส่ง F-16 รอบ 2 ของวันนี้ 4 เครื่อง ในการโจมตีทางอากาศตอบโต้กองทัพกัมพูชา ในจุดสำคัญ ทางทิศใต้ของปราสาทตาเมือนธม ไม่พลาดเป้า โดยล่าสุด 17.00 น. F-16 ทั้ง 4 เครื่อง กลับฐานบิน ปลอดภัย หลังสนับสนุน เปิดปฏิบัติการ “ยุทธบดินทร์” -สำนักข่าวไทย