รร.รามาการ์เด้นส์ 12 ก.พ. – รองนายกรัฐมนตรีหวังนำโมเดลญี่ปุ่นยกระดับเกษตรกรไทย ผ่านสหกรณ์ องค์กรภาคเกษตรเป็นกลไกหลัก แนะปลูกพืชผสมผสาน ลดความเสี่ยง มุ่งขยับราคา 3 สินค้าหลัก ข้าว ยางพารา ปาล์ม ดูแลครบวงจร ประกาศชัดงบปี 62 มุ่งดูแลชุมชนเศรษฐกิจฐานราก
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างร่วมงานสัมมนาขับเคลื่อนงานของสภาเกษตรกรแห่งชาติ” ในการส่งเสริมและพัฒนาความเข้มแข็งแก่เกษตรกรและองค์กรเกษตรกร ว่า จังหวัดโออิตะเป็นจังหวัดฐานะยากจนสุดของญี่ปุ่น เมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดร่วมกับสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร พัฒนาเกษตรแบบผสมผสานเชื่อมโยงข้อมูลทุกสหกรณ์ในประเทศสำรวจตลาดต้องการสินค้าใดใช้รูปแบบการตลาดเป็นตัวนำใช้เทคโนโลยีพัฒนาเกษตรเดี๋ยวนี้จังหวัดฟูกูโอกะ โออิตะ กลายเป็นเมืองเทคโนโลยีเกษตรแปรรูปน้ำมะนาว ชาชงชื่อดังที่สุดในญี่ปุ่น สตอร์เบอรี่ทำไอศครีม จากนั้นสหสกรณ์นำผลผลิตทางเกษตรจำหน่ายที่พักริมทางเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวชุมชน สหกรณ์ค้าขายผ่านออนไลน์ สามารถสร้างรายได้ 600-700 ล้านบาทต่อปี นับว่าการเชื่อมโยงข้อมูลช่วยเหลือผ่านองค์กรทางการเกษตร ทำให้อาชีพเกษตรกรมีรายได้ดีขึ้นเป็นอาชีพภาคภูมิใจ
นายสมคิด กล่าวว่า นอกจากสหกรณ์ สภาเกษตรกรแล้ว รัฐบาลยังต้องการสร้างสมาร์ทฟาร์มเมอร์ เป็นผู้นำเกษตรกรในชุมชน ซึ่งขณะนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สร้างหัวขบวนได้แล้ว 7,000 ราย เพื่อให้คนรุ่นใหม่ใช้ความรู้ เทคโนโลยี มาพัฒนาการผลิต ช่องทางการตลาด เพื่อใช้ E-Commerce ขายไปยังต่างชาติ เพราะแนวโน้มกระแสโลกค้าขายผ่านออนไลน์มากขึ้น ขณะที่รัฐบาลเร่งติดตั้งอินเทอร์เน็ตบอร์ดแบรนด์ไปถึงทุกหมู่บ้าน กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมกันดูแล เพื่อส่งเสริมตลาดประชารัฐเกิดขึ้นทั้งประเทศ ยอมรับว่าปาล์มราคา 4 บาทต่อกิโลกรัม เริ่มเป็นที่พอใจของเกษตรกร ยางพาราต้องดูแลเพิ่ม เพื่อลดพื้นที่ปลูกยาง 11 ล้านไร่ หวังผลักดันไม่ให้ต่ำกว่า 50 บาทต่อกิโลกรัม ข้าวราคาเป็นที่พอใจ รัฐบาลจึงต้องการดูแลราคาสินค้าเกษตรทั้ง 3 ประเภทให้เข้มแข็งและต้องปลูกพืชผสมผสานอื่นเพิ่ม เพื่อลดความเสี่ยง และยังสั่งการให้ ธ.ก.ส.พิจารณาอัตราดอกเบี้ยเงินกู้กับเกษตรกรให้เหมาะสม ยอมรับมีต้นทุนทางการเงิน
นายสมคิด กล่าวเพิ่มเติมว่า ช่วงเดือนมีนาคม เมษายน งบกลางปี 100,000 ล้านบาท จะเริ่มออกสู่ระบบเมื่อผ่านการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ผ่านกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 35,000 ล้านบาท กระทรวงมหาดไทย 20,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโกดังเก็บสินค้าเกษตร การลดพื้นที่ปลูกข้าวนอกเขตชลประทาน และรัฐบาลยังจัดงบประมาณปี 2562 มุ่งพัฒนาเกษตรกรเป็นสำคัญ การมอบหมายให้ ธ.ก.ส. และธนาคารออมสินเป็นพี่เลี้ยงสถาบันการเงินประชาชน เมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้แล้ว เพื่อให้เป็นแหล่งทุนและการสะสมเงินออม เพื่อต้องการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง พึ่งพาตนเองได้ในระยะยาว เมื่อนายกรัฐมนตรีประกาศนโยบายไทยนิยม เพื่อต้องการรับฟังความเห็นจากชาวบ้าน หวังออกนโยบายช่วยแก้ปัญหาและพัฒนาได้อย่างตรงจุด ในช่วง 1 ปีจากนี้ไปจะลงพื้นที่ประชุม ครม.ให้ได้ 36 จังหวัดกระจายลงไปแต่ละภาค มุ่งใช้ศาสตร์พระราชาช่วยเหลือชุมชน เห็นตัวอย่างญี่ปุ่นยังช่วยเหลือเกษตรกร อนุรักษ์วิถีชีวิต จนดึงนักท่องเที่ยวเข้าไปถึงพื้นที่สร้างรายได้จำนวนมาก จึงต้องการให้เกษตรกรไทยเร่งปรับตัวพัฒนาสินค้าเกษตรผ่านการช่วยเหลือของสหกรณ์ องค์กรด้านเกษตร. – สำนักข่าวไทย