รัฐสภา 9 ก.พ. –สนช.รับหลักการร่างพ.ร.บ.นโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ หวังให้การกำหนดนโยบาย การบริหารจัดการการท่องเที่ยวเป็นรูปธรรม ยั่งยืน ขณะที่รมว. ดีอีแจงกระทู้ เตรียมรวมกฎหมายเกี่ยวกับการสื่อสารเข้าด้วยกันให้มีมาตรฐานสากล
การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วันนี้(9 ก.พ.) มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณากระทู้ถามนายกรัฐมนตรี เรื่องการดำเนินการเกี่ยวกับกิจการอวกาศของรัฐบาล ที่พล.ร.อ.ทวีวุฒิ พงศ์พิพัฒน์ สมาชิกสนช. เป็นผู้ตั้งคำถามต้องการทราบว่ารัฐบาลมีความคืบหน้าการยกร่างพระราชบัญญัติกำกับกิจการอวกาศ พ.ศ… และร่างพระราชบัญญัติองค์การอวกาศแห่งชาติ พ.ศ… อย่างไร และมีนโยบายที่จะรวมร่างพระราชบัญญัติเข้าด้วยกันหรือไม่ รวมทั้งรัฐบาลมีแนวทางเร่งรัดการรักษาสิทธิเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมและเอกสารข่ายงานดาวเทียมของตำแหน่งวงโคจรดาวเทียมไทยคม 4 ,5และ6 ที่กำลังจะหมดสัญญาสัมปทานในปี 2564 อย่างไร
นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตอบกระทู้แทนนายกรัฐมนตรี ว่า การยกร่างพระราชบัญญัติกำกับกิจการอวกาศ พ.ศ… และร่างพระราชบัญญัติองค์การอวกาศแห่งชาติ พ.ศ… ขณะนี้เสร็จสิ้นแล้ว แต่เนื่องจากภาครัฐเห็นว่าควรให้รวมร่างพระราชบัญญัติทั้ง 2 ฉบับเข้าด้วยกัน เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายยุทธศาสตร์อวกาศแห่งชาติ 20 ปี ขณะนี้จึงอยู่ระหว่างการยกกฎหมายเข้าด้วยกัน อีกทั้งในอนาคตรัฐบาลจะรวมกฎหมายที่เกี่ยวเนื่องกับการสื่อสารของประเทศไทยเข้าด้วยกันเพื่อให้เป็นเอกภาพและมาตรฐานสากล
“ส่วนนโยบายการบริหารจัดการดาวเทียมสื่อสารในอนาคต รัฐบาลมีนโยบายกำหนดให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ โดยใช้นโยบายเปิดตลาดสำหรับดาวเทียมสื่อสารเชิงพาณิชย์ 2 ระยะ คือการเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันและระยะเปลี่ยนผ่าน ส่วนการบริหารจัดการสัมปทานดาวเทียมไทยคม 6 หลังสิ้นสุดสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารในประเทศ ได้ศึกษาไว้ 2 แนวทาง คือ การดำเนินนโยบายเปิดตลาดระยะยาวสำหรับกิจการดาวเทียม โดยการอนุญาตแบบมีเงื่อนไขเพื่อประโยชน์ของประเทศ ซึ่งมีข้อดีคือจะทำให้เกิดการแข่งขัน และภาครัฐไม่ต้องจัดเตรียมงบประมาณบริหารจัดการ แต่ข้อเสียอาจทำให้ภาครัฐไม่ได้รับรายได้ ส่วนอีกแนวทาง คือ นโยบายเพื่อการเปลี่ยนผ่าน โดยจะทำสัญญาใหม่กับผู้ประกอบการรายเดิม ข้อดีจะทำให้ภาครัฐได้รับส่วนแบ่งรายได้ ข้อเสียแต่จะมีภาระงบประมาณและไม่มีการแข่งขัน ส่งผลให้ขาดประสิทธิภาพในการประกอบกิจการ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าการดำเนินการใด ๆ ภาครัฐจะดำเนินการโดยยึดรัฐธรรมนูญเป็นหลัก และคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนโดยรวม” นายพิเชฐ กล่าว
จากนั้นที่ประชุมได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัตินโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ… ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ โดยนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ชี้แจงหลักการของร่างกฎหมายว่า เนื่องจากการกำหนดนโยบายและการบริหารการท่องเที่ยวเป็นกลไกลการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศให้เป็นรูปธรรม สอดคล้องกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน จึงจำเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัตินโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ.2551 โดยเพิ่มเติมองค์ประกอบและหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ คณะกรรมการพัฒนาการท่องเที่ยว และคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยให้ประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม และสอดคล้องกับหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ด้านสมาชิกสนช. อภิปรายสนับสนุนหลักการของร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ เนื่องจากจะเป็นประโยชน์ต่อการบริหารจัดการการท่องเที่ยว โดยเห็นว่าการปรับโครงสร้างของกระทรวงถือเป็นเรื่องสำคัญและถือเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เพื่อผลักดันให้การท่องเที่ยวพัฒนามากยิ่งขึ้น พร้อมเสนอแนะให้พัฒนาการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ส่วนองค์ประกอบของคณะกรรมการฯ ควรเพิ่มผู้แทนในแต่ละกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การกำหนดนโยบายพัฒนาการท่องเที่ยวของไทยเกิดประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน สร้างงานและสร้างรายได้ให้ประเทศ
ทั้งนี้ ภายหลังจากที่ประชุมอภิปรายอย่างกว้างขวางแล้ว มีมติรับหลักการวาระแรกด้วยคะแนน 162 เสียง ไม่เห็นด้วยไม่มี และงดออกเสียง 3 เสียง กำหนดระยะเวลาแปรญัตติภายใน 7 วัน มีระยะเวลาการดำเนินงาน 30 วัน.-สำนักข่าวไทย
