กลุ่มการเมืองสนใจตั้งพรรค แห่ถามแนวทางปฎิบัติกับ กกต.

กกต. 9 ก.พ.- กลุ่มการเมืองสนใจตั้งพรรค แห่ถามแนวทางปฎิบัติจดแจ้งจัดตั้งพรรคกับ กกต. พร้อมเสนอให้ กกต. เป็นตัวแทนประสาน คสช. ปลดล็อคทางการเมือง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (9 ก.พ.) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้จัดการจัดประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินกิจการแก่พรรคการเมือง ครั้งที่ 1/2561 เรื่องกระบวนการและขั้นตอนการเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมือง ซึ่งจะชี้แจงแนวทางการจัดตั้งพรรคการเมือง กระบวนการและขั้นตอนเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมือง หลักการของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 และคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560  มีกลุ่มการเมืองที่สนใจจะจัดตั้งพรรคการเมืองเข้าร่วมกว่า 114 กลุ่ม ประมาณ 291 คน และมีผู้เข้าร่วมสังเกตการณ์จำนวนมาก  รวมกว่า 400 คน   

ทั้งนี้ กลุ่มการเมืองต่างๆ  ต่างสนใจสอบถาม  โดยคำถามส่วนใหญ่เป็นเรื่องรายละเอียดการจัดตั้งพรรค    และหลายกลุ่มเรียกร้องให้ กกต. เป็นคนประสานงานกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)  เพื่อให้พรรคการเมืองที่จัดตั้งขึ้นใหม่ สามารถประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคครั้งแรกได้   แทนที่จะให้แต่ละพรรคต้องเป็นคนขออนุญาตเอง แต่ กกต.ยืนยันว่าการดำเนินการต่างๆ จะต้องเป็นไปตามกฎหมายกำหนด โดยพรรคการเมืองจะต้องเป็นคนขออนุญาตเอง


นอกจากนี้  มีตัวแทนกลุ่มการเมืองจำนวนหนึ่ง สอบถามถึงความชัดเจนเรื่องวันเวลาในการจัดการเลือกตั้ง หรือ การประกาศเขตเลือกตั้ง โดย กกต.ชี้แจงว่า ทั้ง 2 เรื่องยังไม่สามารถให้คำตอบได้ เพราะจะต้องรอดูตามประกาศ คสช.ที่ 53/2560 ตามข้อ 8  ซึ่งหัวหน้า คสช.อาจจะมีการเรียก กกต. รวมทั้ง พรรคการเมือง ไปให้ความเห็น ซึ่งตรงนี้เป็นโรดแมปที่แท้จริงของการเลือกตั้ง       

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์   และ นายณัชพล สุพัฒนะ หรือ “มาร์คพิทบูล”  ในนามกลุ่มไทยศิวิไลย์ กล่าวว่า  ได้สังเกตการณ์การเมืองมาร่วม 10 ปี   วันนี้จึงต้องการมาสู้ในระบบ  และคิดว่า เราเป็นคนรุ่นใหม่ ต้องการมารับช่วงต่อจาก คสช.ที่ดูแลบ้านเมืองมาแล้ว 4 ปี   นโยบายของกลุ่มไทยศิวิไลย์เน้นเรื่องของการแก้ไขปัญหาทุจริต การลดความขัดแย้ง โดยทางกลุ่มจะส่งผู้สมัครที่เป็นคนรุ่นใหม่ลงสมัครครบทั้ง 350 เขต   


“ไม่ต่อต้านนายกรัฐมนตรีคนนอก หากถึงเวลามีการเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี และประชานยังให้การสนับสนุน ทางกลุ่มก็พร้อมสนับสนุน  แต่ถ้าประชาชนไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ ก็ควรเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้เข้าไปทำหน้าที่” นายมสงคลกิตติ์ กล่าว   

ด้าน นางอัมพาพันธ์  ธเนศเดชสุนทร ภรรยาคนสุดท้ายของพล.อ.สุนทร คงสมพงษ์  หรือ บิ๊กจ๊อด  อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ อดีตประธานคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ในนามกลุ่มเพื่อชาติไทย  กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการตั้งพรรค  เพราะต้องการเชื่อมแนวคิดของกลุ่มคนที่ปฏิวัติกับการเมืองให้ประสาน 2 ฝ่ายนี้กันได้  เป็นแนวคิดที่ยุติความขัดแย้ง ส่วนเรื่องการสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ให้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องดูแนวทางที่มาว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่  และว่า “ถ้าคุณเป็นทหาร แล้วมาในแนวทางที่ถูกต้อง เราก็สนับสนุนได้”

นายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย  ในนาม กลุ่มพลังพลเมือง   กล่าวว่า จะนำแนวทางการจัดตั้งพรรคใหม่ ที่  กกต.เสนอในวันนี้ ไปดำเนินการ   ยอมรับว่า กฎเกณฑ์กติกาใหม่ที่ออกมา มีความยุ่งยากพอสมควร แต่คนที่เป็นนักการเมืองมาก่อน มีประสบการณ์มา และมีความตั้งใจ สามารถที่จะปฏิบัติตามกฎระเบียบเหล่านั้นได้ อีกทั้ง เห็นว่า หลักเกณฑ์ใหม่บางเรื่องเป็นผลดี เช่น ให้พรรคมีทุนประเดิม สมาชิกพรรคต้องจ่ายค่าธรรมเนียม ทำให้พรรคมีทุนในการที่จะพัฒนาพรรค 

ส่วนเรื่องการสนับสนุนนายกรัฐมนตรีคนนอก นายสัมพันธ์ กล่าวว่า ในเมื่อรัฐธรรมนูญเปิดช่อง ก็สามารถที่จะสนับสนุนได้ ทั้ง คนนอกและคนที่เป็น ส.ส.   คิดว่าประเด็นนี้ไม่ใช่ประเด็นหลัก  การจะเลือกใครเป็นนายกรัฐมนตรี  คิดว่าเอาที่เป็นคนดี มีความสามารถ แต่ตอนนี้เร็วเกินไปที่จะเสนอ เพราะยังไม่ได้เป็นพรรคการเมือง  .- สำนักข่าวไทย        

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! โจรบุกเดี่ยวชิงทอง 163 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 20 ส.ค. – หนีไม่รอด รวบโจรสวมชุดไรเดอร์ บุกเดี่ยวชิงทองกลางห้างดัง จ.สมุทรปราการ กวาดทอง 163 บาท พบของกลางบางส่วนซุกตู้ลำโพงในบ้าน จากกรณีคนร้ายแต่งตัวคล้ายไรเดอร์ สวมหมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทอง พร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน ก่อนกระโดดข้ามตู้หน้าร้าน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวม 163 บาท เป็นทองคำรูปพรรณประเภทสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท ประมาณ 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท, น้ำหนัก 3 บาท ประมาณ 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท ประมาณ 24 เส้น น้ำหนักรวม 48 บาท (รวมสร้อยข้อมือ 79 เส้น) ก่อนวิ่งขึ้นรถ จยย.ที่จอดอยู่ด้านหน้า […]

หลักฐานชัด! ทหารกัมพูชาลอบวางทุ่น PMN-2 ภูมะเขือ

19 ส.ค.- กองทัพเรือพบหลักฐานสำคัญ ยืนยันทหารกัมพูชาลักลอบใช้ทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณภูมะเขือ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมกองทัพเรือ (นปท.ทร.) ซึ่งสนับสนุนการปฏิบัติงานเก็บกู้และกวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ ร้อย ร.132 พัน.13 (ฐานเหนือเมฆ) ตรวจพบโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชาที่ทิ้งไว้ในพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบภายในเครื่อง พบคลิปวิดีโอและภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทหารกัมพูชากำลังถือทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 พร้อมทั้งมีการบันทึกเสียงเป็นภาษาเขมร คาดว่าเป็นการสาธิตวิธีการใช้งาน ก่อนนำไปลักลอบฝังในพื้นที่ชายแดนไทย หลักฐานจากโทรศัพท์ยังระบุวันเวลาที่ถ่ายภาพและวิดีโอไว้อย่างชัดเจน จึงนับเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่ยืนยันพฤติกรรมการละเมิดข้อตกลง และการใช้ทุ่นระเบิด ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ นปท.ทร. ได้แสดงถึงความรอบคอบและไหวพริบในการตรวจสอบหลักฐานทันที ก่อนส่งมอบให้หน่วยกองทัพบกในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป. – สำนักข่าวไทย

“ทศพล” รุดมอบมาลัย “ภูมิธรรม” หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่

กองบินตำรวจ 20 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เตรียมแถลงจับยาเสพติดลอตใหญ่ “ทศพล” รุดมอบมาลัย หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 8.00 น. ที่กองบินตำรวจ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เดินทางมาขึ้นเครื่อง เพื่อไปแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดล็อตใหญ่ ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พลตํารวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ เลขานุการ รมว.มหาดไทย ร่วมเดินทางด้วย ทั้งนี้เมื่อนายภูมิธรรมเดินทางมาถึง นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการ กระทรวงมหาดไทย ที่ ครม. มีมติเมื่อ 19 ส.ค. แต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำพวงมาลัยมามอบให้นายภูมิธรรมและปลัดกระทรวงมหาดไทย และร่วมเดินทางกับคณะด้วย โดยมีสีหน้ายิ้มแย้ม อย่างไรก็ตามก่อนเดินทางเลขาธิการ ป.ป.ส. ได้รายงานสถานการณ์ยาเสพติดให้นายภูมิธรรมรับทราบ.-319.-สำนักข่าวไทย

มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง

กทม.19ส.ค.-มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ หนองบัวลำพู ผงาดขึ้นอธิบดี พช. โยก “สยาม” นั่งพ่อเมืองปากน้ำ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งบริหารระดับสูงให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 25 ตำแหน่ง อาทิ นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นผู้ว่าฯ สมุทรปราการ นายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าฯ บึงกาฬ เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าฯ ตาก เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสุรศักดิ์ อักษรกุล ผู้ว่าฯ หนองบัวลำภู เป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร เป็นผู้ว่าฯ ชลบุรี นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

EOD เก็บกู้ทำลายระเบิด M33 กลางบ้าน

ตรัง 20 ส.ค.- คนร้ายลอบขว้างระเบิด M33 ใส่บ้านในพื้นที่ ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ระเบิดทำงาน 1 ลูก อีก 1 ลูกไม่ทำงาน เจ้าหน้าที่ EOD เข้าเก็บกู้ทำลายเสียงดังสนั่น เร่งสืบสวนหาตัวคนร้าย-สอบปมเหตุ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด EOD จังหวัดตรัง ได้ทำการเก็บกู้และทำลายระเบิด M33 ที่ยังไม่ทำงาน ระหว่างทำลายเกิดเสียงดังสนั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณ ยางรถยนต์ที่ใช้เป็นอุปกรณ์ป้องกันแรงระเบิดปลิวลอยขึ้นฟ้า ควันฟุ้งกระจายไปทั่ว สร้างความแตกตื่นให้กับชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียง  โดยเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นในพื้นที่บ้านยูงงาม ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายลอบขว้างระเบิดเข้าใส่บ้านหลังหนึ่ง ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ เจ้าของบ้านเล่าว่าช่วงเกิดเหตุคนในบ้านกำลังนอนหลับ ได้ยินเสียงดังคล้ายระเบิด 1 ครั้ง แต่ไม่กล้าออกมาดู กระทั่งเช้าพบหลุมระเบิดขนาดกว้างราว 2 ฟุต ลึก 1 ฟุต อยู่ข้างบ้าน จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ จากการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ทราบว่าบ้านหลังนี้เคยถูกลอบยิงมาแล้วหลายครั้ง จนเจ้าของบ้านต้องสร้างกำแพงสูงเพื่อป้องกัน แต่ล่าสุดกลับถูกลอบขว้างระเบิดแบบลูกเกลี้ยง […]

ทำแผนโจรชิงทอง 123 บาท สารภาพเป็นหนี้นอกระบบ

สมุทรปราการ 20 ส.ค.- โจรชิงทองกลางห้างดังสมุทรปราการ 123 บาท ทำแผนรับสารภาพกู้เงินมาลงทุนร้านซ่อมรถ เสียดอกรายวันแต่หมุนเงินไม่ทัน จึงก่อเหตุ  กรณีนายวีรวัฒน์ อายุ 31 ปี บุกเดี่ยวควงปืนก่อเหตุชิงทองรูปพรรณน้ำหนัก 123 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้านบาท ที่ร้านทองภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ  ก่อนจะอาศัยความชำนาญในพื้นที่หลบหนีเส้นทางที่ไร้กล้องวงจรปิด โดยเหตุเกิดช่วงเย็นวันที่ 14 ส.ค. ที่ผ่านมา ต่อมา ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ พบว่าผู้ต้องหานำรถจักรยานยนต์ที่ใช้หลบหนีไปทิ้งบ่อปลาแห่งหนึ่งในซอยวัดคอลาด แล้วหลบหนีต่อไป จึงไล่เรียงเบาะแสจนพบหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านพัก เมื่อวาน (19 ส.ค.) จึงนำหมายค้นบ้านนายวีรวัฒน์ พร้อมแสดงตัวเข้าจับกุม พร้อมกับของกลางทองรูปพรรณซุกซ่อนไว้ในตู้ลำโพงหน้าบ้าน และใส่ในถุงพลาสติกฝังดินใต้ต้นไม้ข้างบ้าน รวมตรวจยึดทองคืนได้ประมาณ 90 บาท ยังเหลือทองคำอีก 33 บาท อยู่ระหว่างสอบขยายผล  ผู้ต้องหาสารภาพว่า ก่อเหตุเพราะเป็นหนี้นอกระบบจากการกู้ยืมมาลงทุนร้านซ่อมรถและต้องเสียดอกเบี้ยเดือนละไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท จึงหมุนเงินไม่ทัน จากนั้นคิดวางแผนในการก่อเหตุ ประมาณ 1 […]

บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงงบฯ 2.6 หมื่นล้าน กลับงบกลางฉุกเฉิน

ทำเนียบฯ 20 ส.ค.-บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงงบค้างท่อ 2.6 หมื่นล้าน กลับงบกลางฉุกเฉิน เน้นเศรษฐกิจชายแดน รองรับผลกระทบภาษี “ทรัมป์” และเหตุจำเป็น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ (บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ) หลังจากรัฐบาลจัดสรรงบกระตุ้นเศรษฐกิจรอบแรก 1.15 แสนล้านบาท รอบสอง 1.8 หมื่นล้านบาท เพื่อจัดสรรเงินให้กับกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย 10,000 ล้านบาท และกองทุนเงินให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา (กยศ.) 8,488 ล้านบาท นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การจัดสรรให้กับหน่วยงานต่างๆ ในรอบแรกพบว่า มีหน่วยงานจัดซื้อจัดจ้างไม่ทัน จึงดึงงบกระตุ้นเศรษฐกิจที่เหลือค้างท่อ 2.6 หมื่นล้านบาท กลับเข้ามาอยู่ในงบกลางสำรองฉุกเฉิน เพื่อนำมาพิจารณาใช้ในเรื่องจำเป็น เช่น การฟื้นเศรษฐกิจแดนไทย-กัมพูชา การใช้งบรองรับผลกระทบจากภาษีนำเข้าสหรัฐร้อยละ 19 ในบางรายการ หากส่วนราชการใดต้องการใช้งบดังกล่าว ต้องจัดซื้อจัดจ้างให้แล้วเสร็จภายใน 30 ก.ย.นี้ โดยสำนักงบประมาณจะพิจารณาในการจัดสรรงบให้ สำหรับผลกระทบจากภาษีศุลกากรสหรัฐ ยอมรับว่า รายย่อยที่ได้รับผลกระทบ […]