7 ก.พ. – ผืนป่าตะวันตก เป็นแหล่งอาศัยของเสือกลุ่มใหญ่ที่สุดของไทย รวมถึงเสือดาวและเสือดำที่มีจำนวนรวมกันกว่า 100-130 ตัว แต่แบ่งเป็นเฉพาะเสือดำกลับมีเพียง 15 ตัวเท่านั้น และเสือ 1 ตัวที่ถูกล่าจะเป็นการลดโอกาสการเพิ่มจำนวนเสือในป่าธรรมชาติ ทำให้สัตว์เหล่านี้เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์
กล้องดักถ่ายภาพสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร สามารถบันทึกภาพเสือโคร่งและเสือดาวในหลากหลายอิริยาบถ รวมทั้งเสือดำที่กำลังนอนอยู่บนโขดหินอย่างสบายใจ ชี้ได้ว่าผืนป่ามรดกโลกแห่งนี้เป็นที่อยู่และหากินของเสือกลุ่มใหญ่ที่สุดของประเทศ
“ศุภกิจ วินิตพรสวรรค์” นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ กลุ่มวิจัยสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า บอกว่า ผืนป่าตะวันตกมีความสมบูรณ์ทางระบบนิเวศสูงทั้งพืชและสัตว์ครบวงจรห่วงโซ่อาหาร ทำให้เสือหากินและเพิ่มจำนวนประชากรได้อย่างต่อเนื่อง แต่ยังถือว่ามีจำนวนที่น้อยมากและยังเสี่ยงใกล้สูญพันธุ์ จากการสำรวจวิจัยพบเสือโคร่งในป่าตะวันตก 80-90 ตัว จากทั้งหมดประมาณ 150 ตัวทั่วประเทศ และเป็นเสือดาว 100-130 ตัว ในจำนวนนี้เป็นเสือดำเพียง 15 ตัวเท่านั้น
แหล่งอาศัยที่สำคัญของเสือดำกระจายอยู่ในผืนป่าตะวันตกเป็นส่วนใหญ่ ลงมาป่าแก่งกระจาน ไปถึงป่าฮาลาบาลา จ.นราธิวาส
การล่าโดยมนุษย์ถือเป็นภัยคุกคามที่อันตรายที่สุดต่อประชากรเสือ การถูกล่าเพียง 1 ตัว ไม่ใช่การสูญเสียสัตว์ป่าเพียง 1 ชีวิต แต่ยังกลับส่งผลต่อระบบนิเวศป่ามหาศาล ด้วยการลดจำนวนของผู้ล่าที่มีบทบาทอย่างยิ่งในการรักษาสมดุลนิเวศป่า อาจทำให้ประชากรสัตว์อื่นๆ ที่เป็นเหยื่อ มีจำนวนเพิ่มขึ้นจนกระทบระบบนิเวศโดยรวม ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นยังเป็นการลดโอกาสเพิ่มจำนวนของเสือธรรมชาติอีกด้วย
นอกจากนี้ การลดลงของพื้นที่ป่าก็เป็นอีกปัจจัยคุกคามที่ทำให้เสือใกล้สูญพันธุ์ สำหรับประชากรเสือโคร่งทั่วโลกมีเหลือประมาณ 3,200 ตัว ใน 13 ประเทศ เสือดาวและเสือดำ 200,000 ตัว ไทยตั้งเป้าเพิ่มประชากรเสือให้ได้ครบ 100 ตัว ในอีก 5 ปี ซึ่งกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้วางแนวทางวิจัย รวมถึงมาตรการป้องกันรักษาป่า และสร้างแนวร่วมประชาชนในการดูแลทรัพยากรธรรมชาติสมบัติของคนไทยทุกคน. – สำนักข่าวไทย