จันทบุรี 6 ก.พ. – ครม.เดินหน้าพัฒนาเขต EEC ภาคตะวันออก ทั้งแปรรูปภาคเกษตร หนุนต่างชาติตั้งมหาวิทยาลัยผลิตบุคลากรป้อน EEC
นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่จังหวัดจันทบุรีต้องการส่งเสริมสถาบันการศึกษาต่างประเทศมาตั้งอยู่ในเขตระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC ) หรือเขตพื้นที่อื่น เพื่อพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมกลุ่มเป้าหมาย ทั้งหุ่นยนต์ ไบโอชีวภาพ อากาศยาน เมื่อบุคคลธรรมดาบริจาคให้นำค่าใช้จ่ายหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า แต่ไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้ สำหรับนิติบุคคลหักลดหย่อนได้ 2 เท่า ไม่เกินร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิ เพื่อหักเงินบริจาคด้านอื่น เพื่อใช้เงินจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์การเรียน ก่อสร้างอาคาร การจ้างอาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้ ได้รับประโยชน์ทางภาษีเหมือนกับสถาบันการศึกษาของไทย เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 เป็นต้นไป ขณะนี้มีมหาวิทยาลัยจากไต้หวันยูนิเวอร์ซิตี้สนใจเข้ามาตั้งในเขต EEC เพื่อสอนระดับปริญญาโทด้านการสร้างหุ่นยนต์ นวัตกรรม เพื่อส่งเสริมมหาวิทยาลัยต่างชาติเข้ามาเปิดหลักสูตรในอุตสาหกรรมกลุ่มเป้าหมายเพิ่ม
นอกจากนี้ ยังเห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนด้านเกษตรแปรรูป เพื่อให้พัฒนาทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ โดยกิจกรรมเกี่ยวกับการปรับปรุงดิน ผลพลอยได้ทางการเกษตร การถนอมอาหาร การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ หากเป็นเอสเอ็มอีลงทุนด้านเกษตรแปรรูป หรือตามเงื่อนไขกำหนดไม่เกิน 500,000 ถึง 1 ล้านบาท นำเครื่องจักรมือสองมาใช้งานในโครงการ คนไทยถือหุ้นร้อยละ 50 มีทุนหมุนเวียนไม่เกิน 50 ล้านบาท ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 5-8 ปี หากเป็นเอกชนรายใหญ่เข้ามาช่วยเหลือเอสเอ็มอีที่เป็นเครือข่าย ลงทุนเกษตรแปรรูป ห้องเย็น ไม่เกิน 1 ล้านบาทได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3 ปี ร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เริ่มยื่นขอรับการส่งเสริมลงทุนไม่เกินวันที่ 31 ธันวาคม 2561
ครม.ยังรับทราบแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติมในภาคตะวันออก กรมทางหลวงกำหนดแผนปี 2563-2566 สร้างมอเตอร์เวย์เส้นทางแหลมฉบัง- ปราจีนบุรี- นครราชสีมา เพื่ออำนวยความสะดวกการเดินทางจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือมายังภาคตะวันออก และแผนรถไฟความเร็วสูง ดอนเมือง- สุวรรณภูมิ- อู่ตะเภา ระยะทาง 220 กิโลเมตร การสร้างรถไฟทางคู่เชื่อม 3 ท่าเรือ แหลมฉบัง สัตหีบ มาบตาพุด การขยายเส้นทางมีนบุรี -ฉะเชิงเทรา เพื่อให้การพัฒนาโครงสร้างฐานรองรับเขต EEC และพร้อมขยายโมเดลดังกล่าวไปยังพื้นที่อื่นเพิ่ม แต่ต้องการเริ่มต้นในเขต EEC ให้เห็นเป็นรูปธรรม และยังเปิดทางให้ประกาศเป็นเขตเฉพาะที่ เช่น เขตสถานีรถไฟมักกะสัน พื้นที่เดียวได้รับการส่งเสริมเหมือนกับ EEC ไม่จำเป็นต้องประกาศพื้นที่ กทม.ทั้งหมด .- สำนักข่าวไทย