สำนักข่าวไทย 6 ก.พ.-ปลัด สธ.ย้ำเปิดทางหมอแสง ขึ้นทะเบียนหมอพื้นบ้านเพราะเข้าข่าย แต่ทำตามระเบียบหลักเกณฑ์ ต้องใช้เวลา เชื่อไม่มีใครคิดเอาคนไข้เป็นตัวประกัน กดดันให้ออกใบรับรองในอนาคต ขณะที่เอกสารหมอแสงยังส่งมาไม่ถึง ส่วนแพทย์แผนปัจจุบัน เตือนสติ รักษามะเร็งทุกชนิด ไม่สามารถใช้ยาตัวเดียวกันได้ทั้งหมด
นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงการขึ้นทะเบียนนายแสงชัย แหเลิศตระกูล เป็นหมอพื้นบ้าน ว่า ทุกอย่างทำตามระเบียบหลักเกณฑ์ คาดว่าเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน หรือ เข้าใจผิดเรื่องการไม่พิจารณาเพราะเจ้าหน้าที่ก็ยืนยัน ว่า เรื่องนี้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการหมอพื้นบ้าน ว่าเข้าข่ายหมอพื้นบ้าน เหลือการแสดงหลักฐานที่ขาดเพื่อประกอบการพิจารณา
ส่วนกรณีพฤติกรรมของนายแสงชัยที่ข่มขู่และเหมือนจะใช้ผู้ป่วยเป็นตัวประกัน หากไม่รับรองเป็นหมอพื้นบ้าน ภายในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ จะไม่แจกจ่ายสมุนไพรนั้น ต่อไปกลายเป็นบรรทัดฐานให้คนอยากเป็นหมอพื้นบ้าน ต้องมากดดันกระทรวงหรือไม่นั้น มองว่าต้องดูตามปริบท การพิจารณาของกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ทำตามข้อบ่งชี้ 8 ข้อ
1. มีผู้รับมารับบริการสม่ำเสมอ และต่อเนื่องเป็นระยะไม่น้อยกว่า 10 ปี 2. สืบทอดความรู้จากบรรพบุรุษ หรือ องค์ความรู้จากท้องถิ่น
3. มีความสามารถในการบำบัดรักษาโรค
4. ไม่หวงวิชา
5. มีการถ่ายทอดความรู้
6. ไม่เรียกร้องค่ารักษาเกินควร
7. เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับจากคนในชุมชน
และ8. มีคุณธรรม ไม่มีใครสามารถกดดันได้
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ว่า เรื่องการรับรองยังอยู่ในกระบวนการรอเอกสาร หลักฐานอีก 2 รายการ ทั้งหนังสือรับรองจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ,หนังสือรับรองจากประชาชนที่มาใช้บริการ 10 คน และรับรองจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ให้ครบ จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาดำเนินการตามปกติ ของขั้นตอน ส่วนกรณีที่นายแสงชัย ประกาศ หากไม่ได้เป็นหมอพื้นบ้านจะงดจ่ายยาสมุนไพรรักษามะเร็งนั้น ขอไม่แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของนายแสงชัย
ขณะที่ นพ.เพชร อิสสานันท์ หน่วยรังสีรักษาและมะเร็งวิทยา แผนกรังสีวิทยา รพ.จุฬาลงกรณ์ กล่าวว่า เข้าใจความรู้สึกน้อยใจของหมอแสง และความกังวลของคนไข้ที่ได้รับการรักษาที่ผ่านมาการดูแลคนไข้ระยะสุดท้าย ในผู้ป่วยมะเร็งที่ยากกินเยียวยา ยอมรับหมอแสงทำได้ดี แต่การจะรับรองการใช้ยา ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และมาตรฐานต้องใช้เวลา เพราะในทางการแพทย์ มะเร็งมีหลายชนิด ยาอย่างเดียวจะใช้รักษามะเร็งทุกชนิดได้นั้น เป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ ต้องมีการเก็บข้อมูลคนไข้ ทราบอาการว่าเป็นอย่างไรทุกขั้นตอน ก่อนใช้ หลังรับยา และต้องทราบว่าคนไข้ป่วยมะเร็งอะไร และระยะเท่าไหร่ เรื่องการรักษามะเร็ง ถือว่าเป็นเรื่องเซนส์สิทีฟ และมีความอ่อนไหวต่อสภาพจิตใจผู้ป่วย.-สำนักข่าวไทย