ดินแดง 5ก.พ.-อธิบดีกรมสวัสดิการฯ สั่งการเจ้าหน้าที่ติดตามกรณี บริษัทฟูจิ ซีร็อกซ์ เตรียมปลดพนักงานตามนโยบายบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น พร้อมเผยความคืบหน้าช่วยลูกจ้างเหยื่อนายจ้างทำร้ายร่างกายอ้างทุจริต หลังเรียกสอบ นายจ้างยอมจ่ายค่าจ้างค้างจ่ายพร้อมเงินช่วยเหลือ-ค่ารักษา พยาบาล ส่วนค่าชดเชยนัดจ่าย 6 ก.พ.นี้
นายอนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงกรณีบริษัท ฟูจิ ซีร็อกซ์ (ญี่ปุ่น) มีนโยบายปลดพนักงานจำนวน 10,000 คน ทั้งในและนอกประเทศญี่ปุ่น เพื่อปรับขนาดองค์กรให้มีความเหมาะสมกับธุรกิจ ว่า กสร.ได้สั่งการให้พนักงานตรวจแรงงานตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยสอบถามไปยังบริษัท ฟูจิ ซีร็อกซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ทราบว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจ หน่วยงานที่มีภาวะคนล้นงาน หรือหน่วยงานที่มีลักษณะงานซ้ำซ้อนกัน หากมีบุคลากรที่ซ้ำซ้อนก็จะลดพนักงานและจะไม่รับคนทดแทน ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการสำรวจ คาดการณ์ว่าพนักงานที่มีลักษณะดังกล่าวจะเป็นในส่วนของฝ่ายวิจัยและพัฒนาและในสายการผลิต สำหรับบริษัท ฟูจิ ซีร็อกซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ไม่มีโรงงานผลิตคาดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายดังกล่าว
อย่างไรก็ตามสั่งการให้พนักงานตรวจแรงงานติดตามสถานการณ์รวมทั้งความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด รวมทั้งชี้แจงข้อกฎหมายให้นายจ้างและลูกจ้างทราบ กรณีมีการเลิกจ้างให้เข้าไปตรวจสอบว่ามีการจ่ายสิทธิประโยชน์ให้กับลูกจ้างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ หากพบว่าบริษัทปฏิบัติไม่ถูกต้องจะดำเนินการให้ความช่วยเหลือทันที รวมทั้งจะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมการจัดหางานในการจัดหางานใหม่ทดแทน กรมพัฒนาฝีมือแรงงานกรณีที่ลูกจ้างต้องการฝึกอาชีพและสำนักงานประกันสังคมในการดูแลสิทธิประโยชน์ของลูกจ้างด้วย
นายอนันต์ชัย ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือนายสันติ เปรินทร์ ลูกจ้างร้านขายอุปกรณ์กอล์ฟย่านสีลมที่ถูกนายจ้างทำร้ายร่างกาย และเลิกจ้างโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า ไม่จ่ายค่าชดเชย รวมทั้งค้างจ่ายค่าจ้าง และไม่คืนหลักประกันที่เป็นเงินสด ว่า หลังจากกสร. พร้อมด้วยสหวิชาชีพเชิญลูกจ้างมาสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว ก็ประสานไปยังนายจ้างเพื่อ ให้ชี้แจงข้อเท็จจริงตามที่ลูกจ้างกล่าวหา โดย กสร.ได้พบผู้แทนนายจ้าง ซึ่งชี้แจงว่านายสันติ เป็นลูกจ้างบริษัทฯ จริง เริ่มทำงานเมื่อวันที่ 1 ม.ค.2560 – 27 ม.ค.2561 ในตำแหน่งพนักงานขาย หลังเกิดเหตุตามที่เป็นข่าว เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ผู้แทนนายจ้างมอบกระเช้าและเงินช่วยเหลือเบื้องต้น 10,000 บาท พร้อมยินดีช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด สำหรับเงินค่าจ้างค้างจ่าย ค่าล่วงเวลา ค่าคอมมิชชั่น ได้โอนเงินให้แก่ลูกจ้างผ่านบัญชีธนาคารในวันที่ 1 ก.พ. เรียบร้อยแล้ว
ในส่วนของค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าชดเชยและหลักประกันที่เป็นเงินสดนั้น บริษัทจะจ่ายให้ลูกจ้างโดยนัดจ่ายที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 ในวันพรุ่งนี้ (6ก.พ.) นี้ ซึ่ง กสร.จะตรวจสอบติดตามให้นายจ้างดำเนินการให้ถูกต้องตามกฏหมาย ส่วนกรณีการทำร้ายร่างกายอยู่ระหว่างการพิจารณาของสหวิชาชีพว่าจะเข้าข่ายการค้ามนุษย์หรือไม่ ซึ่งลูกจ้างได้ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจนครบาลบางรักเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะเป็นขั้นตอนของพนักงานสอบสวนที่จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป .-สำนักข่าวไทย