กทม.1 ก.พ.- ป.ป.ป. ส่งสำนวนโกงเงินทอนวัดกว่า 28 ล้านให้อัยการเอาผิด 2 ผอ.พศ.และพระครูชื่อดังเมืองเพชรบูรณ์
สืบเนื่องจากกองปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ป.ป.ป. จับกุมนายสมเกียรติ ขันทอง หรืออดีตพระครูกิตติพัชรคุณ เจ้าอาวาสวัดลาดแค และเจ้าคณะอำเภอชนแดน จ.เพชรบูรณ์ ตามหมายจับข้อหา สมคบกันฟอกเงิน กรณีโกงเงินงบประมาณสำนักงานพระพุทธศาสนาหรือเงินทอนวัด และมีการส่งตัวฝากขังต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางเมื่อ ธ.ค.60
วันนี้(1 ก.พ.) พนักงานสอบสวน ป.ป.ป. ได้นำสำนวนพร้อมนายฉัตรชัย ชูเชื้อ ผอ.กองพุทธศาสนสถาน พศ.หนึ่งในผู้ต้องหาร่วมกับนายสมเกียรติ มาส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาฯให้อัยการพิจารณาสั่งคดี
คดีนี้มีผู้ต้องหาทั้งหมด 3 คน คือ นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีต ผอ.พศ., นายฉัตรชัย ชูเชื้อ อดีต ผอ.กองพุทธศาสนสถาน พศ.และนายสมเกียรติ ขันทอง อดีตเจ้าอาวาสวัดลาดแค ในฐานความผิด ร่วมกันฟอกเงิน โดยนายนพรัตน์ ถูกออกหมายจับและหลบหนีอยู่ต่างประเทศ
นายวิเชียร ถนอมพิชัย อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต กล่าวว่า จากการตรวจสอบสำนวน มีผู้ต้องหา 1 คน อยู่ระหว่างฝากขังผัดที่ 6 คือนายสมเกียรติ ซึ่งจะครบในวันที่ 10 กุมภาพันธ์นี้ คาดว่าพนักงานอัยการสามารถมีคำสั่งได้ แต่หากยังมีข้อสงสัย ยังมีเวลาในผัดที่ 7 จนถึง 22 กุมภาพันธ์ คาดจะไม่มีปัญหาและมีความเห็นทางคดีได้ทัน ซึ่งสำนวนคดีเงินทอนวัด มีการแบ่งสำนวนเป็นแต่ละช่วงความผิด ในสำนวนนี้เป็นสำนวนที่ 3 ที่อัยการได้รับจากนี้จะตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณา โดยจะให้ระดับรองอธิบดีลงมาดูแลความเรียบร้อย ในส่วนของผู้ต้องหาทั้ง 3 คนในสำนวนนี้ เกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินงบประมาณสำนักพระพุทธศาสนา หรือคดีทุจริตเงินทอนวัด ล็อตที่ 2 ที่พบว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด 12 คดี วงเงินรวมกว่า 28 ล้านบาท ซึ่งต่อมา ป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิด และส่งเรื่องต่อให้ ป.ป.ง.ตรวจสอบเส้นทางการเงินจนพบว่าในจำนวน 12 คดี มี 2 คดีที่มีความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน จึงเข้าร้องทุกข์เพื่อเอาผิดในข้อหาการฟอกเงิน ต่อ ป.ป.ป. -สำนักข่าวไทย