fbpx

โอฬาร เผยไม่รู้เรื่องขายข้าวจีทูจี

16105519ศาลฎีกาฯ  7 ต.ค.- “โอฬาร” ผู้ร่วมคิดโครงการจำนำข้าว ยืนยันต่อศาล สร้างรายใด้ให้ชาวนา  มีแผนความเสี่ยงเรื่องเงินกู้  แต่ไม่รู้เรื่องการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ   ศาลสั่งตรวจสอบการให้สัมภาษณ์ที่กระทบต่อคดี


ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง วันนี้ (7 ต.ค.)  ว่า  นายชีพ จุลมนต์ รองประธานศาลฎีกา เจ้าของสำนวน  พร้อมองค์คณะรวม 9 คน ได้ไต่สวนพยานจำเลยนัดที่ 4  คดีโครงการรับจำนำข้าว   หมายเลขดำ อม.22/2558 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง  น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่  หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ  ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157  และความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542  กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท

ทนายความจำเลย  ได้นำนายวุฒิพงศ์ วิบูลย์วงศ์ อดีตรองอัยการสูงสุด  ซึ่งเคยเป็นหัวหน้าคณะทำงานพิจารณาสำนวนจำนำข้าว  ขึ้นเบิกความเป็นพยานปากแรก  ระบุว่า ช่วงที่พยานดำรงตำแหน่งอธิบดีอัยการภาค 5  ที่จังหวัดเชียงใหม่  พยานไม่เคยพูดคุยกับนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ พี่สาวของจำเลย หรือนักการเมืองพรรคเพื่อไทย  แต่ยอมรับว่าเคยเข้าอบรมหลักสูตรผู้บริหารระดับสูง  สถาบันวิทยาลัยตลาดทุน ( วตท.) รุ่น 12 ร่วมกับจำเลยจริง และช่วงระหว่างที่จำเลยเป็นนายกรัฐมนตรี  ได้รับเชิญเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการหลายคณะ แต่ไม่ได้เป็นการแต่งตั้งโดยรัฐบาล


รวมทั้งยังได้รับการแต่งตั้งเป็นบอร์ดการประปานครหลวงและบอร์ดธนาคารออมสิน  โดยระหว่างที่ดำรงตำแหน่งประธานบอร์ดออมสินได้มีส่วนร่วมอนุมัติการปล่อยกู้ให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์  เพื่อใช้แก้ปัญหาการขาดสภาพคล่อง  แต่ไม่ทราบว่าธนาคารเพื่อการเกษตรฯ จะนำไปใช้ในโครงการจำนำข้าว

ส่วนการประชุมร่วมระหว่างคณะทำงานอัยการสูงสุด  และคณะกรรมการ ป.ป.ช.  ในการพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ของสำนวนคดีนี้ ในครั้งที่ 3  ผู้แทนทั้งสองฝ่ายมีความเห็นไม่ตรงกันในรายละเอียด  ทางผู้แทนคณะกรรมการ ปปช. จึงได้รวบรวมความเห็นที่แตกต่างใน 5 ประเด็น ทางอัยการได้นำความเห็นเสนอต่ออัยการสูงสุด  ซึ่งตนทราบภายหลังจากมีการเสนอความเห็นแล้วว่า  อัยการสูงสุดได้เพิ่มข้อไม่สมบูรณ์รวมเป็น 6 ประเด็น  ขณะที่ในการประชุมครั้งที่ 1, 4 และ 5 ตนไม่ได้เข้าร่วมเนื่องจากติดภารกิจ

โดยเฉพาะการประชุมครั้งที่ 5 ตนไม่ได้รับแจ้งให้เข้าร่วมประชุม  แต่มาทราบผลในวันถัดมาว่า ที่ประชุมครั้งที่ 5 มีมติรับทราบผลการประชุมครั้งที่ 4  ที่ให้นายสุรศักดิ์ ตรีรัตตระกูล อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน เป็นหลักในการไต่สวนพยานในการแจ้งข้อไม่สมบูรณ์ 6 ข้อ  และให้รวบรวมหลักฐานทั้งหมดส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาสั่งคดี โดยไม่ทราบว่าในการประชุมครั้งนี้มีข้อกล่าวหาในความผิดฐานสมยอมให้มีการทุจริตหรือไม่  ตนจึงได้นัดประชุมคณะทำงานอัยการเพื่อสอบถามมติที่ประชุมร่วมในการประชุมครั้งที่ 5  แต่ปรากฏว่าได้มีการแถลงข่าวอัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้องสำนวนดังกล่าว จึงทำให้การประชุมยกเลิกไป ซึ่งหลังจากนั้นตนก็หมดหน้าที่ในคดี เพราะไม่มีรายชื่อร่วมร่างฟ้องในคดีนี้


จากนั้นทนายจำเลยได้เบิกตัว  นายโอฬาร ไชยประวัติ อดีตประธานผู้แทนการค้าไทย เป็นพยานเบิกความสรุปว่า  เป็น 1 ในคณะกรรมการร่างนโยบายเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย และเป็นผู้ร่วมคิดทำนโยบายรับจำนำข้าว   โดยเปรียบเทียบปรับปรุงนโยบายช่วยเหลือเกษตรกรในรัฐบาลก่อนๆ  ซึ่งวัตถุประสงค์ของโครงการรับจำนำข้าว  เพื่อให้ชาวนามีรายได้สุทธิสูงขึ้น  ตรงข้ามกับนโยบายประกันรายได้ที่ทำให้ชาวนามีเงินลดลง  แต่ผลประโยชน์ตกที่พ่อค้าข้าวรายใหญ่  ซึ่งเงินที่ใช้ในโครงการทั้งหมดเป็นเงินกู้  แต่ได้วางแผนความเสี่ยงเรื่องเงินกู้และดอกเบี้ยไว้แล้ว เพื่อใช้ในการกำหนดราคาจำนำข้าวรายละ 1.5 -2 หมื่นบาท โดยในระหว่างดำเนินโครงการไทยผลิตข้าวเปลือกได้ประมาณ 35 ล้านตันต่อปี และสีแปรเป็นข้าวสารประมาณ 21 ล้านตัน มีการส่งออกจากภาคเอกชนและแบบรัฐต่อรัฐ(จีทูจี)ประมาณ  6-7 ล้านตัน แต่ไม่ทราบรายละเอียดในเรื่องการขายแบบจีทูจี

ส่วนการระบายข้าว  เมื่อรัฐบาลได้รับข้าวแล้วขั้นตอนทั้งหมดกว่าข้าวเม็ดแรกจะถูกระบายออกตลาดจะใช้เวลา 6 เดือน  แต่การระบายข้าวยังจะต้องขึ้นอยู่กับภาวะความต้องการของตลาดด้วย  ซึ่งชาวนาสามารถใช้สิทธิมาไถ่ถอนข้าวได้ตามที่ราคาตลาดและสภาวะเอื้ออำนวย  แต่หากไม่มีชาวนามาไถ่ถอนข้าวก็ไม่เป็นผลให้ข้าวค้างสต๊อค เพราะข้าวจะไหลออกไปตามการระบายอยู่แล้ว แต่ยอมรับว่าในสต๊อคจะต้องมีข่าวเหลืออยู่ เพื่อความมั่นคงด้านอาหารเมื่อเกิดภัยแล้ง

“ยืนยันว่าโครงการรับจำนำข้าวไม่ได้เน้นผลิตโดยไม่สนใจคุณภาพข้าว  ตรงกันข้ามเราให้ความสำคัญกับชาวนา  ให้มีรายได้สุทธิเพิ่มขึ้น  โดยการนำข้าวที่มีสเป๊กตามที่รัฐบาลกำหนดมาจำนำจึงจะได้รายละ 1.5 หมื่น  ซึ่งการทำนาถ้าไม่ขยัน  ไม่ดูแลใส่ปุ๋ย และไม่ใช่เจ้าของที่นาก็จะไม่ได้สเป๊กตามที่รัฐบาลกำหนด “ นายโอฬาร กล่าว

ศาลได้มีคำสั่งให้เลขานุการศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตรวจสอบกรณีวิเคราะห์บทสัมภาษณ์ของนายสุเมธ เหล่าโมราพร  ประธานคณะผู้บริหารบริษัทซีพีอินเตอร์เทรด จำกัด  ในรายการทีวีช่องหนึ่ง ตามที่ฝ่ายจำเลยยื่นคำร้องต่อศาล  และให้นัดสืบพยานจำเลยปากต่อไปในวันที่ 21 ตุลาคมนี้ เวลา 9.30 น. .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกตรวจน้ำท่วมเชียงราย

นายกฯ บินเชียงราย ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม

“นายกฯ แพทองธาร” ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม เตรียมมอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่ จ.เชียงราย พร้อมตรวจเยี่ยมการลำเลียงสิ่งของช่วยเหลือของกองทัพ

ชิงทองระนอง68บาท

รวบแล้วโจรชิงทอง 68 บาท กลางห้างดังระนอง

รวบแล้ว 2 คนร้ายชายหญิง จี้ชิงทอง 68 บาท ในห้างดังกลางเมืองระนอง ฝ่ายชายรับสารภาพ ชีวิตตกต่ำ ไม่มีรายได้ จึงชวนหลานสาววัย 16 ปี มาร่วมก่อเหตุชิงทอง

น้องชายรัวยิงพี่สาวตายกลางงานศพแม่ อ้างฉุนไม่ให้ร่วมจัดงานศพ

น้องชายชักปืนรัวยิงพี่สาวเสียชีวิตกลางงานศพแม่ ภายหลังน้องชายเข้ามอบตัวกับตำรวจ อ้างเหตุผลฆ่าเพราะโมโห รู้สึกว่าพี่สาวใจดำมากที่กีดกันไม่ให้ตนช่วยจัดงานศพแม่

บุกทลายโรงงานผลิตยาเถื่อน ย่านทุ่งครุ

เจ้าหน้าที่ อย. ร่วมสืบนครบาล บุกทลายโรงงานผลิตยาเถื่อน ย่านทุ่งครุ มีเบาะแสต้นตอการทะลักของยาเขียวเหลือง ตะลึงพบซากจิ้งจกตายในหม้อต้ม ขณะที่เจ้าของโรงงานยันประกอบอาชีพโดยสุจริต

ข่าวแนะนำ

ชายแดนแม่สายยังเละจมโคลน จับตาพายุลูกใหม่

แม้จะผ่านน้ำท่วมใหญ่ในรอบร้อยปีมาหลายวันแล้ว แต่ตอนนี้ชายแดนแม่สายยังเต็มไปด้วยความเสียหายและดินโคลนจำนวนมาก ชาวบ้านหลายคนยังไม่สมารถกลับเข้าบ้านได้

นายกฯ ตรวจความพร้อมการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

นายกฯ ตรวจความพร้อมการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค การซ้อมเป็นรูปขบวนเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา ครั้งที่ 7 ณ โรงเรือพระราชพิธี ท่าวาสุกรี และวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ขณะที่ “เจ้าอาวาสวัดอรุณฯ” ให้กำลังใจทำหน้าที่ได้เต็มที่-ประสบความสำเร็จ

พายุโซนร้อน “ซูลิก” ทำฝนตกหนัก 76 จังหวัด 19-23 ก.ย.

พายุดีเปรสชันบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนทวีกำลังขึ้นเป็นพายุโซนร้อน “ซูลิก” แล้ว คาดขึ้นฝั่งเวียดนามคืนนี้ หัวพายุส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกมีฝนแล้ว ช่วงระหว่างวันที่ 19-23 ก.ย.67 มีพื้นที่เสี่ยงฝนตกหนักถึงหนักมาก 76 จังหวัด