กรุงเทพฯ 28 ม.ค.- จับแล้ว 2 พี่น้องเมาสุราอ้างเป็นตำรวจสุรินทร์ขอตรวจค้นกระเป๋าประชาชน ส่วนคดีสาวร้านสะดวกซื้อถูกแฟนหนุ่มบุกอุ้มเพื่อเคลีย์ปัญหารักสามเศร้า ล่าสุดพบรถมุ่งหน้าหลบหนีไป จ.เพชรบูรณ์
พลตำรวจเอกวิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประชุมวิดีโอทางไกลร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์กรณีปรากฏคลิปวีดีโอชาย 2 คนอ้างเป็นตำรวจ โบกรถที่ผ่านไปมา ก่อนขอตรวจค้นกระเป๋าของประชาชน บริเวณหมู่บ้านเสม็ด ตำบลนอกเมือง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ล่าสุดสามารถจับกุมตัวชายทั้งสองคนได้แล้วคือนายสากิต หวังชอบ และ นายวิโรจน์ หวังชอบ ซึ่งทั้งสองคนเป็นพี่น้องกัน และไม่ได้เป็นตำรวจแต่อย่างใด
จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 2 คนรับสารภาพว่าก่อเหตุดังกล่าวจริง เนื่องจากเมาสุรา โดยอ้างตัวเป็นผู้กอง และสายสืบ จึงเข้าข่ายกระทำความผิดฐานแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงาน ข่มขืนใจผู้อื่น และข้อหากรรโชกทรัพย์ ซึ่งเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระ เบื้องต้นมีผู้เสียหายไม่ต่ำกว่า 5 คน และหากมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความเพิ่มมากขึ้น โทษก็จะหนักขึ้น
ทั้งนี้รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยืนยัน ไม่มีตำรวจมาเป็นโจร และไม่มีโจรมาเป็นตำรวจ มีแต่โจรที่อาศัยเครื่องแบบตำรวจหากิน ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนช่วยกันสอดส่อง หากพบผู้ที่แอบอ้างตัวเป็นตำรวจมาเรียกเงินสามารถแจ้งเบาะแสมาได้ที่แอปพลิเคชันไลน์ อาสาตาวิเศษได้ทันที
ส่วนความคืบหน้ากรณีสาวพนักงานร้านสะดวกซื้อ อายุ 34 ปี ในจังหวัดลพบุรี ถูกแฟนหนุ่มลักพาตัวไป เมื่อวันที่ 23 มกราคม ที่ผ่านมา ล่าสุดตำรวจได้ตรวจสอบกล้องตามเส้นทางการหลบหนีของคนร้าย พบรถที่คนร้ายใช้หลบหนีเป็นรถยนต์โตโยต้า วีออส สีขาว ทะเบียน กพ 671 ลพบุรี ซึ่งมีการขับวนเวียนอยู่ในจังหวัดลพบุรีก่อนที่จะขับหลบหนีออกไปทางจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามรถคันดังกล่าว
ทั้งนี้จากการสอบปากคำบุคคลรอบข้างของผู้เสียหาย ทราบว่าทั้ง 2 คน เป็นแฟนกัน โดยฝ่ายชายชื่อนายศุภสิทธิ์ อ้นเพ็ง หรือ หม่อง อายุ 52 ปี แต่ต่อมาหญิงสาวทราบว่าฝ่ายชายมีครอบครัวอยู่แล้ว จึงพยายามตีตัวออกห่าง แต่ฝ่ายชายไม่ยินยอม จึงลักพาตัวไปเพื่อเคลียร์ปัญหาและขอคืนดี จนขณะนี้หญิงสาวหายไปนานกว่า 3 วันแล้ว ทางครอบครัวและตำรวจจึงกลัวว่าเหตุการณ์อาจจะบานปลาย จึงฝากไปถึงนายศุภสิทธิ์ให้พาผู้เสียหายมาส่งคืนและเข้ามอบตัวกับตำรวจ ศาลอาจใช้ดุลพินิจลดหย่อนโทษให้ได้ โดยเบื้องต้นการกระทำลักษณะนี้เข้าข่ายความผิดกักขังหน่วงเหนี่ยวและข่มขืนใจผู้อื่น ส่วนผู้ใดที่ให้ที่พักพิงกับนายศุภสิทธิ์จะถือว่าเป็นตัวการร่วม สนับสนุนและให้ที่พักพิงกับผู้ต้องหา ซึ่งจะถูกดำเนินคดีด้วย.-สำนักข่าวไทย