สำนักข่าวไทย 18 ม.ค.-ป.ป.ส. แจงกรณีคนร้ายอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. รีดเงินชาวบ้าน จ.สงขลา 1 แสนบาท ไม่เป็นความจริง ประสานท้องที่เร่งล่าตัวมาดำเนินคดี
จากกรณีสื่อมวลชนนำเสนอข่าว นายประภาส หมื่นแก้ว และครอบครัว เข้าแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา ว่าถูกกลุ่มชายฉกรรจ์เกือบ 10 คน อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ภาค 9 บุกเข้าตรวจค้นบ้านใน จ.สงขลา และเรียกเงิน 1 แสนบาท แลกกับการไม่ดำเนินคดีเรื่องอาวุธปืน นั้น
นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการ ป.ป.ส. ชี้แจงว่า เบื้องต้น ได้ตรวจสอบและยืนยันว่า กลุ่มผู้แอบอ้างดังกล่าว ไม่ใช่เจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 9 อย่างแน่นอน โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ภาค 9 ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างร่วมกันติดตามผู้แอบอ้างมาดำเนินคดีต่อไป
สำหรับการใช้อำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ในการเข้าไปในเคหสถาน หรือสถานที่ใดๆ เพื่อตรวจค้นบุคคล ต้องมีขั้นตอน ดังนี้
1. ก่อนเข้าตรวจค้นต้องแสดงหมายค้น และอ่านหมายแจ้งผู้ครอบครองเคหสถาน, 2. ในกรณีที่ไม่มีหมายค้นจะดำเนินการได้ต่อเมื่อจะต้องมีเหตุจำเป็นในการเข้าค้นว่ามีผู้ต้องหาหลบซ่อนอยู่ มียาเสพติดซุกซ่อนอยู่ซึ่งไม่สามารถขอหมายค้นจากศาลได้ทัน เพราะผู้กระทำผิดจะหลบหนีหรือมีการโยกย้ายยาเสพติดหรือทรัพย์สินนั้น โดยเจ้าพนักงานต้องแสดงบัตรประจำตัวเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ต่อเจ้าของเคหสถานนั้นด้วย, 3. การตรวจค้นต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยการให้ผู้ครอบครองเคหสถานร่วมในการตรวจค้น และ4. เมื่อทำการตรวจค้นเรียบร้อยแล้วต้องบันทึกผลการตรวจค้นและเหตุในการตรวจค้นเป็นหนังสือไว้ให้แก่ผู้ครอบครองเคหสถานด้วย รวมถึงรายงานให้เลขาธิการ ป.ป.ส. ทราบภายในเวลา 15 วัน
เลขาธิการ ป.ป.ส. ย้ำเตือน ประชาชนให้ระมัดระวัง หากพบการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ให้ขอตรวจบัตรแสดงตน สังเกตวิธีการใช้อำนาจหน้าที่ ว่าปฏิบัติตามขั้นตอนหรือไม่ หากมีพฤติการณ์น่าสงสัยให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ หรือแจ้งได้ที่สายด่วน ป.ป.ส. 1386 ตลอด 24 ชั่วโมง.-สำนักข่าวไทย