กรุงเทพฯ 21 ม.ค.-โฆษกรัฐบาล เผยนายกฯพอใจไทยหลุดโผรายชื่อตลาดละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ย้ำเดินหน้าแก้ไขต่อไป ขอประชาชนร่วมมือ ไม่ซื้อ ไม่ขาย ไม่ใช้ของปลอม
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ยินดีที่ได้รับทราบว่าสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR) ออกรายงานทบทวนรายชื่อตลาดที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาสูงทั่วโลก ประจำปี 2560 ทั้งตลาดที่มีการขายสินค้าละเมิดและตลาดออนไลน์ โดยในปีนี้ไม่มีชื่อย่านการค้าหรือศูนย์การค้าในประเทศไทยเป็นตลาดที่พบการละเมิดสูงแม้แต่แห่งเดียว ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี
“USTR ชื่นชมความมุ่งมั่นการดำเนินงานของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างจริงจัง จนสามารถแก้ปัญหาได้สำเร็จในหลายพื้นที่ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2560 เป็นต้นมา” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีระบุด้วยว่าก่อนหน้านี้ USTR ประกาศปรับสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของไทยออกจากบัญชีประเทศที่ต้องจับตามองพิเศษ (PWL) เป็นบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (WL) ซึ่งเมื่อรวมกับรายงานในครั้งนี้ จึงเป็นเครื่องยืนยันว่าไทยมีพัฒนาการด้านการคุ้มครองและบังคับใช้กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาดีขึ้น และจะเดินหน้าแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังต่อไป ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์และบรรยากาศที่ดีในด้านการค้าการลงทุน สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญา
“นายกฯ ขอขอบคุณทุกฝ่ายทั้งเจ้าหน้าที่ ผู้ประกอบการ และประชาชนที่ร่วมมือกันทำให้ประเทศไทยได้รับการยอมรับมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่บางแห่งยังคงมีผู้ฝ่าฝืนกฎหมาย ลักลอบขายและซื้อสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา จึงขอความร่วมมือคนไทยไม่ซื้อ ไม่ขาย และไม่ใช้ของปลอม รวมทั้งมีจิตสำนึกและตระหนักถึงความสำคัญของทรัพย์สินทางปัญญาอย่างแท้จริง” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2550 – 2559 มีย่านการค้าหรือศูนย์การค้าที่เคยถูกระบุว่าเป็นตลาดที่พบการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาสูงจำนวน 13 แห่ง เช่น ศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์พลาซ่า คลองถม สะพานเหล็ก บ้านหม้อ เอ็มบีเค หาดกะรน หาดป่าตอง ตลาดโรงเกลือ ฯลฯ ซึ่งรัฐบาลได้กวดขันปราบปรามอย่างจริงจัง โดยระหว่างเดือนมกราคม- กันยายน 2560 สามารถจับกุมได้กว่า 700 คดี ยึดของกลางราว 150,000 ชิ้น จนกระทั่งการประกาศครั้งที่แล้วเหลือเพียงแห่งเดียว คือ ศูนย์การค้าเอ็มบีเค และไม่ปรากฏชื่อแม้แต่แห่งเดียวในการประกาศครั้งนี้.-สำนักข่าวไทย
