พาณิชย์นำร่องทำหมู่บ้านอินทรีย์ดันออร์แกนิกฟาร์มเอาเล็ท

ฉะเชิงเทรา 21 ม.ค. – พาณิชย์ลุยเกษตรอินทรีย์เต็มรูปแบบ ขับเคลื่อนหมู่บ้านอินทรีย์ให้ได้ 12 แห่ง ดันออร์แกนิกฟาร์มเอาเล็ทให้ได้ 19 แห่งในปี 61 ประเดิมหมู่บ้านอินทรีย์บ้านยางแดง สนามชัยเขต ฉะเชิงเทรา พร้อมบูมหมู่บ้านเกษตรอินทรีย์ 8 แห่ง เป็นจุดเช็คอินใหม่ หวังดึงคนเข้าไปเที่ยวเลือกซื้อสินค้าเกษตรอินทรีย์ ร่วมจัดกิจกรรม Ride to Success ปั่นเพื่อเปลี่ยนมุมมองใหม่วิถีเกษตรอินทรีย์ดีต่อกายและใจ


นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า วันที่ 20-21 มกราคมที่ผ่านมา กรมฯ ได้นำคณะผู้บริหารพาณิชย์ ดารา นักแสดง สื่อมวลชน และประชาชนที่สนใจร่วมกิจกรรม Ride to Success ปั่นเพื่อเปลี่ยนมุมมองใหม่วิถีเกษตรอินทรีย์ดีต่อกายและใจ เพื่อส่งเสริมหมู่บ้านอินทรีย์บ้านยางแดง ซึ่งเป็นหนึ่งในหมู่บ้านอินทรีย์ที่กระทรวงพาณิชย์ให้การสนับสนุน ตั้งอยู่ ต.คู้ยายหมี อ. สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทราให้เป็นที่รู้จัก และดึงดูดให้คนเข้ามาท่องเที่ยว ถือเป็นการเริ่มต้นนโยบายการผลักดันให้หมู่บ้านอินทรีย์เป็นจุดเช็คอินแห่งใหม่ของคนไทยที่มีใจรักสุขภาพและรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งจะส่งผลดีให้เกษตรกร ชาวบ้านและชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้น และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น และปีนี้ได้จัดทำแผนประชาสัมพันธ์ส่งเสริมผลักดันหมู่บ้านเกษตรอินทรีย์อื่น ๆ ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นเน้นจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์ชุมชน การจัดนิทรรศการและการเสวนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านผลิตและการตลาดเกษตรอินทรีย์


นายบุณยฤทธิ์ กล่าวว่า หมู่บ้านอินทรีย์บ้านยางแดงเป็นการรวมตัวของกลุ่มเกษตรอินทรีย์กลุ่มต่าง ๆ ในจังหวัดฉะเชิงเทราและจังหวัดใกล้เคียง เพื่อให้ชุมนุนวางรากฐานกระบวนการพัฒนาชุมชนแบบมีส่วนร่วม เน้นการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนของเกษตรกรรายย่อยและสหกรณ์กรีนเนท จำกัด ซึ่งส่งเสริมให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนระบบการผลิตเป็นเกษตรอินทรีย์ยั่งยืนเพื่อสร้างความมั่นคงด้านอาหาร และรายได้ รวมถึงฟื้นฟูอนุรักษ์สภาพแวดล้อมและพันธุกรรมพืชท้องถิ่น และเป็นหมู่บ้านที่ได้รับการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ระดับประเทศ และระดับโลก ได้แก่ IFOAM , EU และ CANADA โดยหมู่บ้านอินทรีย์มีข้อกำหนดแต่ละหมู่บ้านต้องมีเกษตรกรไม่ต่ำกว่ารัอยละ 50 ของครัวเรือนทั้งหมด เกษตรกรต้องพร้อมใจกันเข้าสู่ระบบการทำเกษตรอินทรีย์เพื่อผลิตสินค้าในชุมชน และนำผลผลิตจำหน่ายทั้งภายใน และภายนอกชุมชนด้วย 

ทั้งนี้ ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ได้ทำแผนผลักดันหมู่บ้านเกษตรอินทรีย์ 8 แห่ง โดยกระทรวงพาณิชย์เข้าไปส่งเสริมให้เป็นจุดเช็คอินแห่งใหม่ของนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ และยังมีแผนผลักดันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวให้คนเข้าไปเที่ยว ไปชม เลือกซื้อสินค้าเกษตรอินทรีย์ดูวิถีชีวิตชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายสินค้าที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยว ซึ่งเกษตรกรสามารถผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ออกมาจำหน่ายในท้องตลาดได้อย่างต่อเนื่อง โดยแต่ละหมู่บ้านมีสินค้าที่โดดเด่นแตกต่างกันและสินค้าที่ผลิตได้เป็นสินค้าที่มีคุณภาพและมาตรฐานระดับโลก ซึ่งหลายสินค้าของไทยได้รับการรับรองมาตรฐานจากมาตรฐานเกษตรอินทรีย์นานาชาติ (IFOAM) มาตรฐานของสหภาพยุโรป (อียู) แคนาดา มาตรฐานการรับรองแบบมีส่วนร่วม (PGS) และมาตรฐานออร์แกนิกไทยแลนด์ จึงเป็นสิ่งที่การันตีสินค้าไทยได้เป็นอย่างดี ดังนั้น กรมฯ ตั้งเป้าเพิ่มหมู่บ้านอินทรีย์ (Organic Village) อีก 4 แห่งภายในปี 2561 ทำให้มีหมู่บ้านอินทรีย์ทั้งสิ้น 12 แห่ง และหุบเขาอินทรีย์ 1 แห่ง (Organic Valley) รวมถึงขยายออร์แกนิก ฟาร์ม เอาเล็ท เพิ่มอีก 4 แห่งในปี  2561 จากปัจจุบันมีอยู่ 15 แห่ง ทำให้ปีนี้จะมีหมู่บ้านอินทรีย์ทั้งสิ้น 12 แห่ง หุบเขาอินทรีย์ 1 แห่ง และออร์แกนิก ฟาร์ม เอาเล็ท 19 แห่ง ซึ่งหมู่บ้านอินทรีย์อยู่ในแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติฉบับที่ 2 ที่ต้องการเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกเป็น 600,000 ไร่ภายในปี 2564 เพิ่มจากปัจจุบันที่มีอยู่ 200,000 ไร่ โดยจะลงพื้นที่ไปสำรวจให้ความรู้เกษตรกร และผลักดันให้มีการรวมตัว รวมกลุ่มให้มากขึ้น


ทั้งนี้ หมู่บ้านอินทรีย์ทั้ง 8 แห่งที่ประสบผลสำเร็จ ได้แก่ 1.หมู่บ้านริมสีม่วง ต.ริมสีม่วง อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ มีสินค้าเด่น คือ มันหวานญี่ปุ่น มะนาว มะม่วง แมคคาเดเมีย สรตอเบอร์รี่ กล้วย พืชผักเมืองหนาว และกาแฟ 2.หมู่บ้านห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม มีสินค้าเด่น คือ ข้าวหอมปทุม ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ผักสวนครัว 3.หมู่บ้านโสกขุมปูน ต.นาโส่ อ.กุดชุม จ.ยโสธร มีสินค้าเด่น คือ ข้าวหอมมะลิ ข้าวเหนียว ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวมะลิแดง ผักสวนครัว 4.หมู่บ้านทัพไทย ต.ทมอ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ มีสินค้าเด่น คือ ข้าวหอมมะลิอินทรีย์ ข้าวหอมมะลิแดง ข้าวหอมนิล 5.หมู่บ้านหนองสะโน ต.ดอนนางหงส์ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม มีสินค้าเด่น คือ ข้าวหอมมะลิ ข้าวสารบรรจุถุง (ข้าวหอมมะลิและข้าวกล้องหอมมะลิ) 6.หมู่บ้านหนองหอย ต.กุดชุมแสง อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ มีสินค้าเด่น คือ ข้าวหอมมะลิ ข้าวสารบรรจุถุง (ข้าวหอมมะลิ ข้าวเหนียวดำ ข้าวเหนียว กข.6) ใบหม่อน กล้วยน้ำว้า กล้วยหอมทอง ตะไคร้ ฟักทอง 7.หมู่บ้านท่าเดื่อน้อย ต.นิคมสร้างตนเอง อ.เมือง จ.ลพบุรี มีสินค้าเด่น คือ ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวทับทิมชุมแพ ข้าวโพด งาดำ ถั่วขาว ผักสวนครัว ผลไม้ พืชสมุนไพร และ 8.หมู่บ้าน บางพะเนียง ต.คู้ยายหมี อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา มีสินค้าเด่น คือ ข้าวหอมมะลิ ข้าวไรซ์เบอรี่ ผลไม้ ผักสวนครัว พืชสมุนไพรเป็นต้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เก๋งซิ่งแหกโค้งชนเสาเหล็ก ไฟลุกไหม้คลอกคนขับดับสลด

ลพบุรี 6 มิ.ย. – เก๋งหรูซิ่งเสียงดังลั่น หมุนโชว์กลางสี่แยก ก่อนแหกโค้งชนเสาเหล็กป้ายข้างทางไฟลุกไหม้เสียหายทั้งคัน คลอกคนขับดับสลด เมื่อเวลา 03.30 น.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ชาตรี ทรัพย์นิยมพงศ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี รับแจ้งรถเก๋งชนเสาข้างถนน ไฟลุกไหม้ทั้งคัน บนถนนทางเข้าบ้านหนองน้ำทิพย์ หมู่ 7 ต.เขาพระงาม อ.เมืองลพบุรี พร้อมแจ้งรถน้ำดับเพลิงป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลเขาพระงาม รุดไปดับไฟ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบ จุดเกิดเหตุพบไฟกำลังลุกไหม้โหมทั่วไปทั้งคันรถ สังเกตดูเบื้องต้นคนขับติดอยู่ที่เบาะนั่งสภาพหมดสติ เจ้าหน้าที่เร่งระดมฉีดน้ำใช้เวลาประมาณ 15 นาที เพลิงสงบ จากการตรวจสอบด้านซ้ายรถชนอัดอยู่กับเสาเหล็กป้ายบอกทาง สภาพเหลือแต่ซาก เบื้องต้นพบเป็นรถเก๋งยี่ห้อยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู ไม่ทราบสี-ทะเบียน ถูกไฟไหม้ เหลืออยู่ครึ่งป้าย ภายในรถพบร่างชายถูกไฟไหม้เกรียม ยังไม่ทราบชื่อว่าเป็นใครมาจากไหน สอบถามนางเล็ก ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองนั่งเฝ้าเครื่องสูบน้ำใกล้จุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงรถเก๋งคันดังกล่าวขับซิ่งมาจากแยกเขาพระงาม มุ่งหน้าไปทางโคกสำโรง เสียงท่ออย่างดังลั่น พอมาถึงสามแยกบ้านหนองน้ำทิพย์ ได้หมุนโชว์กลางแยก 1 รอบ จากนั้นขับไปยูเทิร์นกลับมาอีกรอบ เลี้ยวเข้าทางแยกหนองน้ำทิพย์ได้ประมาณ 300 เมตร […]

ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงิน 12 ล้าน วางทิ้งข้างถังขยะ

นนทบุรี 6 มิ.ย. – ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงินสด 12 ล้าน ในกล่องพลาสติก วางทิ้งข้างถังขยะคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จากกรณีพลเมืองดีพบธนบัตรไทยจำนวนมาก ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องพลาสติก บริเวณคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเอกสารเกี่ยวกับหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายและซองจดหมาย ปรากฏชื่อบุคคลและหน่วยงานรัฐในเอกสาร จึงได้ยึดธนบัตรดังกล่าวมาที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเงินอะไร ได้มาถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง เบื้องต้นพบเป็นเงินสดจำนวน 12 ล้านบาท และเมื่อเจ้าหน้าที่นำสายรัดของธนบัตรดังกล่าวไปตรวจสอบ พบว่ามีการจ่ายเงินออกมาจำนวนดังกล่าวตั้งแต่ปี 2563    พลเมืองดีเล่าว่า เวลาประมาณ 20.00 น. ของเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) ตนและเพื่อนเดินไปลิฟต์ที่ชั้น 4 ซึ่งข้างลิฟต์เป็นที่ทิ้งขยะ เห็นกล่องสภาพดีวางอยู่ ก็จะเก็บไปใช้ ซึ่งกล่องถูกเปิดแง้มเอาไว้และมีเสื้อผ้าวางทับด้านบน จึงเปิดดูพบเงินสดฉบับละ 1,000 บาท เป็นมัดๆ จำนวนมาก จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ความคืบหน้าในการติดตามหาตัวคนที่นำกล่องเงินมาทิ้ง ตำรวจสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้ลงพื้นที่ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดที่พบเพื่อหาเบาะแสคนที่นำกล่องพลาสติกมาทิ้ง เบื้องต้นยังไม่พบผู้ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังได้พยายามติดต่อกับ นายทวีวัฒน์ […]

น้ำมันรั่วลงทะเล

สั่งเจ้าท่าระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar

ชลบุรี 6 มิ.ย.- “มนพร” สั่งการกรมเจ้าท่าตั้งศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาและควบคุมสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar บริเวณท่าเรือบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ศรีราชา จังหวัดชลบุรี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้ นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน เพื่อ ระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันดิบสัญชาติสิงคโปร์ หมายเลข IMO 9828962 โดยเหตุเกิดบริเวณทุ่นรับน้ำมันกลางทะเล (SBM2) ของบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ในเขตพื้นที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.54 น. โดยมีสาเหตุมาจากท่อส่งน้ำมันที่ชำรุด ส่งผลให้น้ำมันดิบรั่วไหลลงสู่ทะเลในปริมาณประมาณ 20 คิว หรือราว 20 ตัน กรมเจ้าท่าได้ดำเนินการประเมินสถานการณ์โดยเร่งดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานฯ ณ โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทไทยออยล์ จังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางในการควบคุมเหตุการณ์ ทั้งนี้กรมเจ้าท่าในฐานะเลขานุการศูนย์ประสานงาน ได้ประสานกองทัพเรือจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ในการขจัดคราบน้ำมัน จากการสำรวจพื้นที่ พบว่าลักษณะของคราบน้ำมันเป็นคราบสีดำหรือน้ำตาลบาง ๆ […]

นักศึกษาเจอคอลเซ็นเตอร์ปั่นหัวถือมีดบุกโรงพัก

เชียงใหม่ 5 มิ.ย. – แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกนักศึกษาเชียงใหม่ สูญกว่า 2 ล้านบาท พ่อแม่เครียดหมดเนื้อหมดตัว บางรายถูกปั่นหัวให้ถือมีดบุกโรงพักเย้ยตำรวจ พบเฉพาะ สภ.ภูพิงค์ฯ มีเหยื่อโดนหลอกลักษณะนี้แล้วกว่า 300 ราย กล้องวงจรปิดบันทึกภาพนักศึกษาสาว ชั้นปีที่ 4 ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดภายใน สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นเดินไปเข็นวีลแชร์ที่อยู่ตรงหัวมุมอาคาร แล้วก็เข็นไปเข็นมาอยู่อย่างนั้น ก่อนจะถือมีดไปที่บริเวณห้องรับแจ้งความ และอ้างว่า จะมาขอพบตำรวจนายหนึ่ง แต่ไม่มีชื่อนี้อยู่ที่โรงพัก จึงขอพบ พันตำรวจเอก มนัสชัย อินทร์เถื่อน ผู้กำกับ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพราะไปฆ่าคนตายมา ขณะนั้น ตำรวจสืบสวนสังเกตเห็นว่า นักศึกษาสาวมีท่าทางหวาดระแวงใส่หูฟังเหมือนกับทำตามคำสั่งใครสักคนที่สั่งการจากปลายสาย ด้านตำรวจจึงชวนพูดคุยสอบถามสักพัก จนยอมวางมีดลง จากนั้น ตำรวจจึงขอให้ดึงหูฟังออก ปรากฏว่า นักศึกษาสาวกลับได้สติขึ้นมาว่า ชายที่สั่งการทางโทรศัพท์ไม่ใช่ตำรวจจริง เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สั่งให้มาป่วนตำรวจ เนื่องจากไม่มีเงินโอนให้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจจึงตรวจสอบพบว่า ในวันเดียวกัน […]

ข่าวแนะนำ

ลอบวางระเบิด 2 จุด กลางตลาดโต้รุ่งเมืองปัตตานี

ปัตตานี 8 มิ.ย. – คนร้ายลอบวางระเบิดกลางตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี รถจักรยานยนต์เสียหาย 2 คัน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต วันที่ 8 มิ.ย.68 เวลา 20.00 น. เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่มจำนวน ลอบวางระเบิดแสวงเครื่อง จำนวน 2 ลูก โดยจุดแรก วางระเบิดในถังขยะ หน้าร้านทอง บริเวณตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต รถจักรยานยนต์ได้รับความเสียหาย จำนวน 2 คัน และจุดที่ 2 วางระเบิดในถังขยะ บริเวณในซอยข้างโรงแรม หลังตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต การก่อเหตุครั้งนี้ คาดว่าเป็นการก่อเหตุเพื่อสร้างสถานการณ์ให้เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ตามข้อมูลข่าวสารที่หน่วย ส.จว.ปัตตานี ได้ออกข่าวแจ้งเตือนไปแล้ว เมื่อวันที่ 26 พ.ค.68 เวลา 15.00 น. ปรากฏข่าวสารว่า นายมะกอเซ็ง หม้าแอ สมาชิก ผกร.ระดับปฏิบัติการ และสมาชิกจำนวน […]

นายกฯ เผยหารือกัมพูชา ตกลงปรับกำลังทหารทั้ง 2 ฝ่าย ลดเผชิญหน้า

ทำเนียบรัฐบาล 8 มิ.ย. – นายกฯ เผยหารือกับรัฐบาลกัมพูชา ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงจะร่วมกันปรับกำลังทหาร จุดที่มีการกระทบกระทั่ง เพื่อลดการเผชิญหน้า เดินหน้าใช้กลไก JBC 14 มิ.ย.นี้ นำพาความสัมพันธ์เข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า ความพยายามคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งตามแนวชายแดน โดยการปฏิบัติงานของทั้งระดับนโยบาย โดยรัฐบาล ฝ่ายความมั่นคง กองทัพ กระทรวงการต่างประเทศ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับค่ะ ดิฉันได้หารือกับรัฐบาลกัมพูชา มีข้อสรุปที่ส่งผลดีต่อสถานการณ์ โดยทั้ง 2 ฝ่ายตกลงจะร่วมกันปรับกำลังทหาร ณ จุดที่มีการกระทบกระทั่ง เพื่อลดบรรยากาศการเผชิญหน้า และจะพัฒนาความร่วมมือโดยใช้กลไก JBC ในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ และจะมีการพูดคุยกันในทุกระดับ เพื่อนำพาความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วค่ะ ขอให้พี่น้องประชาชนติดตามสถานการณ์และข้อเท็จจริงจากรัฐบาล พร้อมทั้งเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานจนประสบผลสำเร็จต่อไป สุดท้ายนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนได้โปรดคลายความกังวล และมีความมั่นใจในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลว่า จะไม่มีเหตุกระทบกระทั่งที่รุนแรงเกิดขึ้นแน่นอนค่ะ.-316-สำนักข่าวไทย

โฆษก ทบ. ยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลัง-กลบคูเลต ลดตึงเครียด

8 มิ.ย. – โฆษก ทบ. ยืนยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลังกลับไปอยู่จุดเดิม พร้อมกลบคูเลตให้คืนสู่สภาพเดิม หลังบรรลุข้อตกลงการหารือ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก ลดความตึงเครียด วันนี้ (8 มิ.ย.68)​ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พล.ท.สรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ได้เชิญฝ่ายทหารไทย โดย พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เข้าร่วมหารือ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับกรณีปัญหาการรุกล้ำดินแดนในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก จากการหารือเบื้องต้น ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในประเด็นสำคัญ คือ ฝ่ายทหารกัมพูชายินยอมถอนกำลังกลับไปยังจุดที่เคยประจำการอยู่เดิม ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณที่เกิดเหตุปะทะ หรือแนวต้นพญาสัตบรรณ ลึกเข้าไปในเขตแดนของประเทศกัมพูชา จุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาเคยใช้เป็นแนววางกำลังฐานมาโดยตลอดในอดีต นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชายังแสดงความยินยอมที่จะดำเนินการกลบคูเลตให้กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติตามเดิม ตามข้อเสนอของฝ่ายไทย เพื่อเป็นการลดความตึงเครียด และสร้างบรรยากาศแห่งความร่วมมือ ภายหลังจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันที่จะใช้กลไกระดับคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น เป็นช่องทางในการหารือแนวทางบริหารจัดการพื้นที่อย่างเหมาะสมและยั่งยืนต่อไป.-313-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งกองกำลังสุรนารี ปรับเวลาเปิด-ปิด จุดผ่านแดนกัมพูชา 

8 มิ.ย.- เกาะติดสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แม่ทัพภาค 2 ลงนามคำสั่งให้อำนาจผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พิจารณาปรับเวลาเปิด-ปิด ด่านถาวรและจุดผ่อนปรนการค้า 4 ด่าน มีผลทันทีเมื่อคืนนี้ กองทัพภาคที่ 2 ออกหนังสือคำสั่ง การควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี ตามคำสั่งกองทัพบก เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ให้กองทัพภาคที่ 2 โดยกองกำลังกำลังสุรนารีมีอำนาจการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี วิธีการและเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลา ที่จำเป็นเหมาะสม ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี ดังนี้