กรุงเทพฯ 20 ม.ค.- นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มีมติเสียงข้างมากให้แก้ไขมาตรา 2 กำหนดให้ร่างกฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ 90 วัน ภายหลังจากที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาว่า ไม่เหนือความคาดหมาย เพราะสภานิติบัญญัติ (สนช.)ยังเป็นกลุ่มคนหน้าเดิมๆที่ออกมาขับเคลื่อนเรื่องลักษณะนี้หรือไม่ ซึ่งต้องพิจารณาว่าการกระทำเช่นนี้ คนไทยจะจับได้ไล่ทันหรือไม่ หรือรู้สึกอย่างไร สนช.เพิ่งผ่านกฎหมายลูกป.ป.ช.จนเป็นประเด็นเรื่องการเห็นชอบกฎหมายลูกที่ขัดกฎหมายแม่ ในกรณีการต่ออายุ ป.ป.ช.ยกเว้นลักษณะต้องห้าม ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า การขยายการบังคับใช้ออกไปอีก 90 วัน ใครจะได้ประโยชน์จากการเลื่อนการบังคับใช้กฎหมาย และการเลื่อนการเลือกตั้งออกไป แล้วทำให้รัฐบาลอยู่ในอำนาจนานขึ้น จะได้ประโยชน์หรือไม่ ขณะที่สนช.อยู่ในตำแหน่งนานขึ้น จะได้ประโยชน์หรือไม่ ทั้งที่ สหภาพยุโรป ยึดมั่นในคำประกาศของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.ว่าจะมีการเลือกตั้งในเดือน พฤศจิกายน 2561
“สนช.ควรจะนึกถึงพลเอกประยุทธ์ให้จัดการเลือกตั้งตามที่ประกาศ เพราะความน่าเชื่อถือของพลเอกประยุทธ์ จะยังคงหลงเหลืออยู่หรือไม่ เมื่อไปเจรจากับต่างประเทศ คู่เจรจายังจะเชื่อถือพลเอกประยุทธ์ได้อยู่หรือไม่ หรือเครือข่ายแม่น้ำ 5 สายยึดหลักการทำงานว่า ลงเรือแป๊ะต้องตามใจแป๊ะหรือไม่ เพราะกฎหมายที่ผ่านจากสนช. คสช.ก็ยังใช้มาตรา 44 แก้ไข เช่น คำสั่ง 53/ 2560 ดังนั้น หากในเรื่องนี้ คสช.จะส่งสัญญาณไปยังสนช.เพื่อให้การดำเนินการจัดการเลือกตั้งอยู่ในเดือนพฤศจิกายน 2561 ตามที่ได้ประกาศไว้ จะทำได้หรือไม่”นายอนุสรณ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย