ทำเนียบฯ 18 ม.ค.-ที่ประชุม คทช.กำหนดเป้าหมายจัดสรรที่ดินให้ประชาชน ครอบคลุมพื้นที่ 66 จังหวัด เนื้อที่กว่า 1 ล้านไร่ เห็นชอบแผนปฏิบัติการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรที่ดินของประเทศ ระยะเร่งด่วน เพื่อขับเคลื่อนนโยบายและแผนในระยะ 5 ปีแรก อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุด
พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อม นางรวีวรรณ ภูริเดช เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แถลงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ครั้งที่ 1/2561 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน ว่า นายกรัฐมนตรีได้เร่งรัดการดำเนินงานจัดที่ดินทำกินให้ครอบคลุมพื้นที่เป้าหมายทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนได้มีที่ดินทำกินในที่ดินของรัฐอย่างถูกต้อง ซึ่งปัจจุบันมีการกำหนดพื้นที่เป้าหมายจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนทั้งสิ้น 371 พื้นที่ 66 จังหวัด เนื้อที่ประมาณ 1,043,306 ไร่ โดยมีพื้นที่ได้รับอนุญาตเข้าทำประโยชน์แล้ว 80 พื้นที่ 43 จังหวัด เนื้อที่ 247,629 ไร่ และได้มีการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพให้กับประชาชน จำนวน 99 พื้นที่ 48 จังหวัด เนื้อที่ 331,411 ไร่ พร้อมกันนี้ให้มีแผนการจัดที่อยู่อาศัยให้กับผู้มีรายได้น้อยในเมืองควบคู่กันไปด้วย
นางรวีวรรณ กล่าวว่า ที่ประชุม คทช.ได้ติดตามความก้าวหน้าของร่าง พ.ร.บ.คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. … ที่ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา ก่อนส่งให้ คสช. และคณะรัฐมนตรี ให้ความเห็นชอบ ซึ่งกฎหมายดังกล่าวจะแก้ปัญหากรณีที่กฎหมายของแต่ละกระทรวงหรือแต่ละหน่วยงาน มีการบังคับใช้แยกกัน จึงไม่สามารถบูรณาการแก้ปัญหาที่ดินทำกินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นกฎหมายต่าง ๆ จะแก้ไขให้ทันสมัย เหมาะสม เอื้อต่อการดูแลประชาชน สร้างความสมดุลให้กับป่า เพื่อพัฒนาประเทศได้
นางรวีวรรณ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ที่ประชุมเห็นชอบแผนบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ ระยะ 5 ปี ตั้งแต่ 2560-2564 และแผนปฏิบัติการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรที่ดินของประเทศ ระยะเร่งด่วน เพื่อขับเคลื่อนนโยบายและแผนในระยะ 5 ปีแรก อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุดและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย นอกจากนี้ที่ประชุมจะเร่งขับเคลื่อนแก้ปัญหาที่ดินในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่พบว่าประชาชนหลายหมู่บ้านยังอาศัยอยู่ในที่ดินของรัฐ ซึ่งไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ขณะที่ประชาชนยืนยันว่าได้อยู่อาศัยในที่ดินดังกล่าวมาเป็นเวลานาน ก่อนที่รัฐจะประกาศบังคับใช้กฎหมาย ดังนั้นรัฐบาลจะเร่งแก้ไข เพื่อให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินอย่างถูกต้อง เหมาะสมกับวิถีชีวิตและสิ่งแวดล้อม และได้รับบริการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานจากรัฐอย่างเป็นธรรม.-สำนักข่าวไทย