ภูเก็ต 15 ม.ค.- ผู้ว่าฯ ภูเก็ตกำชับเจ้าท่าเข้มมาตรการความปลอดภัยท่าเรือ-เพิ่มความถี่ตรวจสภาพเรือ ขณะที่อาการ 10 นทท.บาดเจ็บไฟไหม้สปีดโบ๊ทที่กระบี่ ล่าสุดดีขึ้น รู้สึกตัวแล้ว แต่ยังห่วงภาวะติดเชื้อ
เหตุการณ์ไฟไหม้สปีดโบ๊ทบริเวณหน้าถ้ำไวกิ้ง เกาะพีพี จ.กระบี่ เมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวและกัปตันบาดเจ็บรวม 16 ราย ในส่วนของจังหวัดภูเก็ตมีผู้บาดเจ็บถูกส่งมารักษา 10 ราย คือ ที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต 1 ราย โรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต 1 ราย และโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต 8 ราย
เมื่อเวลา 14.50 น. (15 ม.ค.) พญ.ลลิตา กองสีหา รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต ประกาศแจ้งความคืบหน้าผลการรักษาผู้ป่วยหนักจำนวน 2 ราย ยังคงพักรักษาตัวในหออภิบาลผู้ป่วยหนัก (I.C.U) อาการโดยทั่วไปดีขึ้น รู้สึกตัวดี ส่วนผู้ป่วยที่พักรักษาตัวในหอพักผู้ป่วย เพื่อสังเกตอาการ มีจำนวน 6 ราย ผลการรักษาดี อาการทั่วไปดีขึ้น แพทย์อนุญาตให้กลับได้แล้ว 1 ราย ที่เหลือ 5 ราย แม้อาการดีขึ้น แต่ยังต้องเฝ้าระวังการติดเชื้อและภาวะแทรกซ้อน
ด้านนายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมคณะได้เดินทางลงไปยังท่าเรือไทยมอร์นิ่งซัน ต.รัษฎา อ.เมือง เพื่อติดตามการเดินทางของนักท่องเที่ยวทางเรือ โดยมีเจ้าหน้าที่ของสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต ดูแลเรือเข้า-ออกตลอด พร้อมกันนี้ผู้ว่าฯ ยังกำชับให้จัดเก็บรายชื่อนักท่องเที่ยวไว้ในระบบให้ถูกต้องก่อนปล่อยเรือออกแต่ละลำ เพราะรายชื่อเหล่านี้ทั้งในส่วนของภาคเอกชน และหน่วยงานราชการจะทราบเหมือนกัน สามารถส่งรายชื่อจากต้นทางไปให้ปลายทางได้ทันทีว่านักท่องเที่ยวเดินทางไปจำนวนเท่าใด หากเกิดเหตุจะทราบข้อมูลได้ทันที
นายนรภัทร กล่าวด้วยว่า ส่วนการตรวจสภาพเรือนั้น เดิมมีการตรวจปีละครั้ง แต่จังหวัดภูเก็ตไม่เหมือนกันจังหวัดอื่น ความถี่ในการใช้เรือมาก แต่ละวันมีนักท่องเที่ยวใช้บริการเรือเพื่อเดินทางไปท่องเที่ยวตามเกาะแก่งหลายพันคน ดังนั้น การตรวจเรือจึงจะต้องเพิ่มความถี่ขึ้น ซึ่งได้ให้เจ้าท่ากำหนดระยะเวลาในการตรวจเรือจากปีละครั้งมาเป็น 6 เดือนต่อครั้ง.-สำนักข่าวไทย