กรุงเทพฯ
13 ม.ค.-ธนาคารออมสิน แจงกรณีมิจฉาชีพสวมรอยใช้บัตรประชาชนผู้อื่นเปิดบัญชีเงินฝากพร้อมดูแลผู้เสียหายอย่างเป็นธรรม
คาดหวังภาครัฐแก้ไขSmart Card บัตรประชาชนให้เข้าถึงข้อมูลมากขึ้น
ป้องกันสวมบัตรเปิดบัญชี
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน
เปิดเผยว่า จากกรณีที่ธนาคารออมสินเป็น 1 ในสถาบันการเงินที่ถูกแก๊งมิจฉาชีพสวมรอยปลอมตัวเหมือนบุคคลในบัตรประชาชนทำการเปิดบัญชีเงินฝากเพื่อใช้ในการหลอกลวงหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดในทางที่ไม่ถูกกฎหมายนั้น
ธนาคารฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบทันทีตั้งแต่ได้รับทราบข่าว และอายัดบัญชีไว้
พร้อมทั้งดำเนินการตรวจสอบรายการการฝากเงินถอนเงิน เพื่อเป็นข้อมูลอันจะเป็นประโยชน์สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ซึ่งธนาคารออมสินพร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังติดตามจับกุมตัวคนร้ายอย่างเร่งด่วน
ทั้งนี้
ในส่วนของธนาคารออมสินนั้น
ได้มีระเบียบวิธีปฏิบัติการเปิดบัญชีเงินฝากและการยืนยันตัวตนของผู้มาเปิดบัญชีเป็นไปตามมาตรฐานและกฎเกณฑ์ทางราชการ
โดยขั้นตอนการดำเนินการให้ลูกค้าแสดงตน ด้วยการแสดงข้อมูลและหลักฐาน ได้แก่
บัตรประจำตัวประชาชน เป็นไปตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง
วิธีการแสดงตนของลูกค้าสถาบันการเงินและผู้ประกอบอาชีพตามประกาศของทางการ
ดำเนินการโดยตรวจสอบความถูกต้องของหลักฐานการแสดงตนผ่านเครื่องอ่านบัตร (Smart Card Reader) แล้วตรวจสอบตัวตนของลูกค้ากับบัตรประชาชนที่นำมาเปิดบัญชี
หลังจากนั้น
ตรวจสอบข้อมูลการแสดงตนของลูกค้าบนใบคำขอเปิดบัญชีว่าตรงกับข้อมูลบนหน้าบัตรประชาชน
หลังจากนั้นจึงดำเนินการเปิดบัญชี
“จากกรณีดังกล่าวเครื่องอ่านบัตร
Smart Card Reader
ได้แสดงข้อมูลปรากฏตามหน้าบัตรประชาชนเท่านั้น คือ หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน
ชื่อ-สกุล เพศ อายุ วันเดือนปีเกิด สถานะ ที่อยู่ และภาพถ่ายบุคคลเจ้าของบัตรเท่านั้น
มิได้มีข้อมูลยกเลิกหรือแจ้งอายัดบัตรประชาชนแต่อย่างใด ถือเป็นการเข้าถึงข้อมูลที่จำกัด
เชื่อว่าจากเหตุการณ์ในครั้งนี้จะนำมาซึ่งความร่วมมือ ระหว่างสถาบันการเงิน กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้สถาบันการเงินสามารถเข้าถึงข้อมูลบุคคลได้มากขึ้น เช่น
ฐานข้อมูลที่เป็นปัจจุบันที่สุด หรือข้อมูลด้านการอายัด/ยกเลิกบัตร
เป็นต้น”นายชาติชาย กล่าว
อย่างไรก็ตาม
ปัญหาที่เกิดขึ้น ธนาคารฯ
ได้ดำเนินการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงตามกฎระเบียบและวิธีปฏิบัติ
รวมถึงให้ความร่วมมือกับทางราชการในการดำเนินกรสอบสวนหาผู้กระทำผิด และจะมีการดำเนินการเพื่อหาข้อสรุปที่เหมาะสมและเป็นธรรม
เพื่อเยียวยาแก่ผู้เสียหายต่อไป–สำนักข่าวไทย