กรุงเทพฯ 10 ต.ค. – บล.กสิกรไทย ชี้นักลงทุนมองหุ้นไทยเริ่มแพง ประกอบกับปัจจัยในประเทศและต่างประเทศ กดดันส่งผลหุ้นไทยปรับลงแรงวันนี้ ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเดือนธันวาคม 2559 ปรับตัวลดลงร้อยละ 26.19
นายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการเงินทุนบุคคลบริษัทหลักทรัพย์กสิรไทยจำกัด กล่าวว่าการที่ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงวันนี้ถึง 50 จุด มีทั้งปัจจัยในประเทศและปัจจัยต่างประเทศ ประกอบกับราคาหุ้นไทยค่อนข้างแพง โดยเฉพาะดัชนีหุ้นไทยที่เหนือระดับ 1,500 จุด ดังนั้นเมื่อเกิดข่าวลบมากระทบทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงทันที โดยมองเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยในปีนี้ไว้ที่ 1,530 จุด หรือระดับอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิที่ 14-16 เท่า โดยดัชนีมีแนวรับสำคัญที่1,438 จุด ส่วนเป้าหมายหุ้นไทยในปี 2560 อยู่ที่ 1,540 จุด ระดับอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิที่ 13-15 เท่า ดังนั้นการลงทุนควรจะเก็งกำไรในระยะสั้น และมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นประมาณร้อยละ 40 และถือเงินสดร้อยละ 60
นอกจากนี้นักลงทุนยังมีความกังวลเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐอเมริกา ที่ธนาคารกลางสหรัฐ ( เฟด) ส่งสัญญาณชัดเจนที่จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย 1 ครั้งก่อนสิ้นปีนี้ ส่งผลให้มีแนวโน้มที่เงินทุนต่างชาติจะไหลกลับไปสหรัฐ ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณที่นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทยน้อยลง
ส่วนการโต้วาทีตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐระหว่างนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งจากพรรคเดโมแครต กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน ไม่มีผลต่อตลาด หากนางฮิลลารี คลินตัน มีคะแนนนำอยู่
นายคเณศ วังส์ไพจิตร ผู้อำนวยการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน ในอีก 3 เดือนข้างหน้า หรือ เดือนธันวาคม 2559 ปรับตัวลดลงร้อยละ 26.19 จากระดับ 140.68 เป็น 103.84 ซึ่งยังอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว โดยมีปัจจัยมาจากการที่สหรัฐอเมริกาส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุนจากประเทศตลาดเกิดใหม่ โดยความเชื่อมั่นปรับลดลงทุกกลุ่ม โดยนักลงทุนต่างชาติปรับลดลงมากที่สุดถึงร้อยละ 36.36 รองลงมาเป็นนักลงทุนรายบุคคลปรับตัวลดลงร้อยละ 25.50 และนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับลดลงร้อยละ 13.45
สำหรับหมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ บริการรับเหมาก่อสร้าง ส่วนหมวดสื่อและสิ่งพิมพ์เป็นหมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจลงทุนมากที่สุด
นายสมประวิณ มันประเสริฐ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และหัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่าเศรษฐกิจไทยคาดว่าขยายตัวร้อยละ 3.2 โดยเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวจากการลงทุนภาครัฐ และการบริโภคภาคเอกชน และการท่องเที่ยว ซึ่งแม้ว่าจะมีปัญหาเรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญของจีนแต่ผลกระทบต่อการท่องเที่ยวระยะสั้นเพียง3 เดือนเท่านั้น ขณะที่การส่งออกยังไม่ฟื้นตัว โดยคาดหดตัวร้อยละ 2 เรื่องจากเศรษฐกิจโลกเติบโตเพียงร้อยละ3.1 ปริมาณการค้าโลกลดลง ประกอบกับไทยมีปัญหาเรื่องโครงสร้างสินค้าส่งออกด้วย จึงทำให้การส่งออกยังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ.- สำนักข่าวไทย