กรุงเทพฯ 10 ต.ค. – นายณรงค์ เขียดเดช ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กล่าวภายในพิธีลงนามความร่วมมือพัฒนานวัตกรรมสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม ว่า วันนี้ได้นำนวัตกรรมหุ่นยนต์เพื่อการตรวจและรายงานสภาพโครงสร้างสิ่งปลูกสร้างตรวจเสาและเคเบิ้ลสะพานแขวนได้แบบประหยัดเวลามากขึ้น เช่น เคเบิ้ลสะพานแขวน 1 เส้นจะใช้ระยะเวลาในการตรวจไม่เกิน 20 นาที แต่หากเป็นการตรวจด้วยบุคคลจะต้องใช้ระยะเวลาถึง 3 วัน ซึ่งเป็นการสูญเสียงบประมาณอย่างมากและหุ่นยนต์ยังมีระยะการตรวจสอบถึง 5 กิโลเมตร ส่วนกำแพงกั้นเสียงปัจจุบันถือว่ามีต้นทุนสูงถึง 7,000-8,000บาทต่อ 1 เมตร หากสามารถใช้วัสดุในประเทศ เช่น ยางพาราเป็นส่วนผสมมากขึ้นจะทำให้ลดต้นทุนได้ถึง 5,000-6,000 บาท ซึ่งคาดว่าโครงการทั้งหมดจะเสร็จไม่เกิน 6 เดือน
ด้านนายชลณัฐ ญาณารณพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เคมิคอลส์ กล่าวว่า ขณะนี้ต้องรอ กทพ.ส่งข้อมูลว่าต้องการตรวจสอบพื้นที่ทางพิเศษและอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างไรบ้าง ซึ่งคาดว่าเดือนพฤศจิกายนจะได้ข้อสรุป เพื่อนำมาปรับปรุงหุ่นยนต์ในการตรวจสอบสภาพให้ได้ตามที่ต้องการ
ทั้งนี้ ยังมีโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมทั้ง 3 โครงการ ได้แก่ หุ่นยนต์ตรวจและรายงานสภาพโครงสร้างสิ่งปลูกสร้างที่มีประสิทธิภาพในการตรวจสอบที่มีความละเอียด โดยตรวจการชำรุดได้ถึง 0.1 มิลลิเมตร ด้วยกล้อง Super high definition , การออกแบบกำแพงกันเสียงบนสะพาน ที่ใช้วัตถุดิบภายในประเทศ โดยมียางพาราเป็นส่วนผสมให้มีการออกแบบให้รองรับหน้างานได้ทุกขนาด , ตู้เก็บเงินค่าผ่านทางที่ออกแบบพิเศษ โดยปรับปรุงให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งาน ซึ่งผลิตจากพอลิเอทิลีน เน้นการออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายในตู้ตามหลักสรีรวิทยาเพื่อสุขอนามัยที่ดีของพนักงาน.-สำนักข่าวไทย