วอชิงตัน 19 มี.ค. – การหารือกันทางโทรศัพท์ระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐและรัสเซีย เกี่ยวกับการยุติสงครามในยูเครน ได้ข้อสรุปว่า รัสเซียตกลงยุติโจมตีโครงสร้างพื้นฐานและพลังงานในยูเครน 30 วันและพร้อมเดินหน้าเจรจาสันติภาพยั่งยืน
ทำเนียบขาวเผยในแถลงการณ์ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐและประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ตกลงร่วมกันระหว่างการหารือกันทางโทรศัพท์เมื่อวานนี้ว่า สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนนั้น จำเป็นต้องยุติลงด้วยสันติภาพที่ยั่งยืนและการเจรจาเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าวจะเริ่มต้นขึ้นทันที ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องต้องกันว่า การเคลื่อนไหวสู่สันติภาพจะเริ่มต้นด้วยการหยุดยิงด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งการเจรจาทางเทคนิคเกี่ยวกับการปฏิบัติตามการหยุดยิงทางทะเลในทะเลดำ การหยุดยิงเต็มรูปแบบ และสันติภาพถาวร การเจรจาเหล่านี้จะเริ่มขึ้นทันทีในตะวันออกกลาง
ในขณะที่นายทรัมป์แถลงว่า การคุยกันทางโทรศัพท์ของเขากับปูตินเมื่อวานนี้เป็นไปอย่างสร้างสรรค์และดีมาก พวกเขาหารือประเด็นต่าง ๆ มากมายเกี่ยวกับข้อตกลงสันติภาพสำหรับยูเครนนานถึง 90 นาที ก่อนเห็นพ้องเรื่องหยุดยิงโครงสร้างพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานทันที และจะทำงานอย่างรวดเร็วเพื่อให้เกิดการหยุดยิงโดยสมบูรณ์ เพื่อให้สงครามอันเลวร้ายระหว่างรัสเซียกับยูเครนยุติลง
ด้านโฆษกด้านทำเนียบเครมลินของรัสเซียแถลงว่า นายปูตินตกลงยอมรับข้อเสนอของนายทรัมป์ให้รัสเซียและยูเครนต่างหยุดโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของอีกฝ่ายเป็นเวลา 30 วัน และให้ออกคำสั่งที่เกี่ยวข้องไปยังกองทัพรัสเซียด้วย ซึ่งผู้นำรัสเซียเน้นย้ำว่า การแก้ไขความขัดแย้งจะต้องครอบคลุม ยั่งยืน และยาวนาน โดยต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของรัสเซียเองและสาเหตุหลักของสงคราม รวมถึงติดตามตรวจสอบการหยุดยิงดังกล่าว เพื่อป้องกันไม่ให้ยูเครนใช้ช่วงเวลาในการหยุดยิงดังกล่าวระดมทหารเพิ่มเติมและติดอาวุธให้ตนเอง
ในส่วนของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน แถลงว่า ยูเครนจะสนับสนุนข้อเสนอของสหรัฐให้หยุดการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของรัสเซีย และเขาหวังที่จะหารือกับนายทรัมป์ เกี่ยวกับการหารือทางโทรศัพท์ของนายทรัมป์กับนายปูตินต่อไป แต่โดยส่วนตัวแล้ว เขายังเชื่อว่ารัสเซียยังไม่พร้อมที่จะยุติสงครามอย่างจริงจัง
สำหรับโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครนตกเป็นเป้าโจมตีครั้งใหญ่ ตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากทำสงครามในปี 2565 ส่งผลให้ไฟฟ้าดับและผู้คนหลายล้านต้องเผชิญกับสภาพอากาศหนาวเย็น.-815.-สำนักข่าวไทย