ทำเนียบรัฐบาล 6 ม.ค.-โฆษกรัฐบาลเผยนายกฯ พอใจแนวโน้มเศรษฐกิจดีขึ้นต่อเนื่อง ผลจากส่งออก-ท่องเที่ยวขยายตัว เร่งยกระดับราคาสินค้าเกษตร ช่วยผู้มีรายได้น้อย
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศอย่างต่อเนื่อง และพอใจที่ทราบว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธันวาคม ปี 2560 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 อยู่ที่ระดับ 79.2 ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดในรอบ 35 เดือนนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2558 โดยมีปัจจัยบวกมาจากการส่งออกขยายตัว การท่องเที่ยวที่ดี มาตรการกระตุ้นการบริโภคและเศรษฐกิจ ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้น ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับสูงขึ้นและข่าวการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ
“นายกรัฐมนตรีระบุว่ามีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจในปี 61 จะขยายตัวร้อยละ 4.2-4.5 และอาจขยายตัวได้ถึงร้อยละ 5 ตามการคาดการณ์ของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เช่นเดียวกับตัวเลขของธนาคารออมสินที่ประเมินการขยายตัวของเศรษฐกิจไว้ถึงร้อยละ 4.6 เพราะรัฐบาลพยายามเร่งรัดการใช้จ่ายและการลงทุน เช่น โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง โครงการพัฒนาท้องถิ่นของอปท. โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก โครงการเพิ่มศักยภาพหมู่บ้านและชุมชน โครงการยกระดับ SMEs โครงการพัฒนาอีอีซี รวมทั้งเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว และปัจจัยบวกต่าง ๆ ที่กล่าวมาแล้ว” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงและให้ความสำคัญกับปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตร โดยเฉพาะข้าว ยางพารา มันสำปะหลังและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ แต่คาดว่าจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ทั้งนี้ รัฐบาลมีมาตรการรักษาเสถียรภาพและยกระดับราคาสินค้าเกษตร เช่น โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี 2560/61 ที่ช่วยชะลอผลผลิตออกสู่ตลาด การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายตลาดข้าวเหนียวและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าวเหนียว การเชื่อมโยงตลาดสินค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ระหว่างจังหวัด การส่งเสริมการใช้ยางภายในประเทศให้มากขึ้น และการเข้มงวดกับการนำเข้ามันสำปะหลังจากต่างประเทศ ฯลฯ
“ส่วนการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย รัฐบาลจะออกมาตรการระยะที่ 2 โดยมีแนวทางหลัก คือการช่วยเหลือผู้ที่ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อปี ซึ่งมีอยู่ประมาณ 5.3 ล้านคนให้มีความเป็นอยู่ดีขึ้น การจัดทำแผนที่ชีวิต โดยหวังว่าจะช่วยให้คนกลุ่มนี้มีงานทำ มีการศึกษาอบรมที่เหมาะสมกับศักยภาพ รวมทั้งได้เป็นเจ้าของกิจการหรือเป็นลูกจ้างหรือออกไปทำงานต่างประเทศได้ มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง หรือสามารถจ่ายค่าเช่าที่อยู่อาศัยได้” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย
