สำนักข่าวไทย 2 ม.ค.-รมว.ศึกษาฯ ส่งคำขอปรับเเก้คำสั่ง คสช.19/2560 เพื่อลดความขัดเเย้งของเขตพื้นที่ เเละ กศจ. ให้เเก่ คสช.เเล้ว คาดรู้ผลพิจารณาเร็วๆนี้
นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้ากรณีการเเก้ปัญหาความขัดเเย้งระหว่างเขตพื้นที่การศึกษาเเละศึกษาธิการจังหวัด ที่มีการเรียกร้องให้ยกเลิกคำสั่งคณะรักษาความสงบเเห่งชาติที่ 19/2560 เรื่องการมอบอำนาจบรรจุแต่งตั้งให้ กศจ.ว่า ตนได้ยื่นเสนอปรับเเก้คำสั่งคสช.ที่19/2560 ให้เเก่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งดูเเลด้านกฎหมายของคสช.เเล้ว หลังมีการถกเถียงจนเกิดความขัดเเย้งในหลายพื้นที่ ซึ่งตอนนี้การปรับเเก้คำสั่งหรือไม่ปรับนั้นขึ้นอยู่กับมติของคสช.ซึ่งอยู่นอกเหนืออำนาจหน้าที่ของตนเเล้ว จึงอยากเเจงหน่วยงานต่างๆที่ยังออกมาเรียกร้องให้เเก้ปัญหาอีกนั้น ตนทำหน้าที่ดีที่สุดเเล้ว ขณะเดียวกันจะทราบผลการพิจารณาของคสช.ว่าจะปรับเเก้คำสั่งหนือไม่ภายในเร็วๆนี้
นพ.ธีระเกียรติ กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีกระเเสข่าวว่ากระทรวงศึกษาธิการ จะขอใช้อำนาจตามมาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญเเห่งราชอาณาจักรไทยในการตั้งเขตการศึกษาพิเศษนั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ไม่มีการใช้อำนาจเเต่อย่างใด
สำหรับคำสั่งที่ 19/2560 ซึ่งมีการเสนอให้ปรับเเก้ในข้อที่13 ที่กำหนดให้อำนาจการบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในจังหวัดและกรุงเทพฯ ตามมาตรา 53(3)และ(4)แห่งพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 เป็นของศธจ.โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.)จากเดิมเป็นอำนาจของสพท. โดยมาตรา 53(3) เป็นอำนาจของผู้อำนวยการโรงเรียน เเต่เพื่อแก้ไขความขัดแย้งระหว่างศธจ.และผอ.สพท. จึงมีการระดมจาก2 หน่วยงาน
โดยได้ข้อสรุปว่า จะมีการเสนอแก้ไขคำสั่งคสช.ที่ 19/2560 โดยให้ศธจ.เป็นผู้แทนศธ. ทำหน้าที่ประสานงาน บูรณาการการศึกษาในระดับจังหวัด ซึ่งได้มีการเสนอตั้งคณะกรรมการ 2 ชุด คือ คณะกรรมการบูรณาการด้านการศึกษาและคณะกรรมการการบริหารงานบุคคล ทั้ง 2 ชุดมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ศธจ.เป็นเลขานุการ สำหรับคณะกรรมการบริหารงานบุคคล จะมีผอ.สพท.ในจังหวัดทุกคนร่วมเป็นกรรมการ พร้อมด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แทนจากส่วนต่าง ๆ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.) อยู่ระหว่างพิจารณาข้อกฎหมาย กำหนดสัดส่วนผู้แทนให้ชัดเจน
ทั้งนี้ การบริหารงานบุคคลในส่วนของอำนาจตามมาตรา 53 ให้ผอ.สพท. เป็นผู้ลงนามตามมติกศจ. ส่วนผอ.ร.ร.ลงนามตามมติกศจ. ซึ่งผอ.ร.ร. มีอำนาจลงนามอนุมัติเรื่องที่เกี่ยวข้องกับครู ที่ไม่มีวิทยาฐานะ ตั้งแต่การแต่งตั้ง เลื่อนขั้นเงินเดือน หรืออื่นๆที่เป็นมติของกศจ.ส่วนครูที่มีวิทยฐานะแล้ว เป็นอำนาจของผอ.สพท.พิจารณา ขณะที่ในส่วนของ กศจ.มีหน้าที่พิจารณาอนุมัติตามที่ ผอ.สพท.เสนอ ซึ่งตรงนี้มีการคานอำนาจ กรณีที่ กศจ.เห็น เรื่องที่ สพท.เสนอมาไม่เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย กศจ.ก็จะไม่อนุมัติ หรือขอให้ชี้แจงเพิ่มเติม เป็นการถ่วงดุลการใช้อำนาจระหว่างผอ.สพท. และกศจ. การพิจารณาเรื่องการบริหารงานบุคคลจะจบสุดท้ายที่คณะกรรมการชุดนี้.-สำนักข่าวไทย