อภิสิทธิ์หวังปี 2561 มีเลือกตั้งตามโรดแมป

กทม. 2 ม.ค. -อภิสิทธิ์ หวังปี 61 จะเป็นปีที่ประเทศไทยกลับคืนสู่ภาวะปกติ มีการเลือกตั้งได้ปลายปีตามโรดแมป แนะคสช.และกกต.กำกับดูแลการเลือกตั้งให้สุจริตเที่ยงธรรม  พร้อมเตือนส.ว.ใหม่เคารพเจตนารมณ์ประชาชน ไม่เช่นนั้นจะสร้างปมขัดแย้งใหม่ 


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองปี 2561 ว่า ในภาพรวมของประเทศทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)และรัฐบาลยังยืนยันที่จะเดินตามโรดแมป คือจะให้มีการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนปี 2561 แต่ความไม่แน่นอนในขณะนี้เกิดขึ้นจากการที่ไม่อนุญาตให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ได้ จึงเกิดปัญหาว่าจะสามารถปฏิบัติตามกฎหมายใหม่ได้มากน้อยแค่ไหน และทันกรอบเวลาหรือไม่ จึงคาดว่าในช่วงต้นปี ทางคสช.คงจะมีความชัดเจนในส่วนนี้ และหลังจากนั้นจะชัดเจนขึ้นว่าตารางที่เหลือจะเป็นอย่างไร ซึ่งหากได้เลือกตั้งก็น่าจะอยู่ในช่วงปลายปี 2561 จึงหวังว่าจะเป็นปีที่ประเทศไทยจะกลับคืนสู่ภาวะปกติ และสิ่งสำคัญคือทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องทำให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความสุจริตเที่ยงธรรม เพราะถ้าไม่ทำให้การเลือกตั้งสุจริตเที่ยงธรรม การเมืองที่ดีก็จะเริ่มต้นไม่ได้ และสุดท้ายสิ่งที่คนจะใช้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินคสช.ว่าสำเร็จหรือล้มเหลว คือการเมืองหลังเลือกตั้งดีขึ้นหรือไม่ ดังนั้นคสช.ต้องวางบทบาทของตัวเองเป็นผู้ที่กำกับดูแลการเลือกตั้งให้สุจริตเที่ยงธรรมร่วมกับกกต. และกลไกที่มีการแต่งตั้งขึ้นมา คือส.ว. จะต้องเคารพเจตนารมณ์ของประชาชน ไม่เช่นนั้นจะสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งตามมาก และจะทำให้ทุกสิ่งที่ที่พยายามทำมานั้นจะสูญเปล่า

“ผมยืนยันว่าวุฒิสภาควรเคารพการตัดสินใจของประชาชน และควรจะดูว่าในสภาผู้แทนราษฎรนั้นสามารถมีข้อสรุปในเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ ถ้าไม่ได้ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่วุฒิสภาสามารถมามีบทบาทได้ แต่ถ้าได้ การไปฝืนเจตนารมณ์ตรงนั้นมีแต่จะสร้างความขัดแย้ง ตอนนี้เราไม่มีทางมองออก จนกว่าการเลือกตั้งจะเสร็จสิ้น และผมว่าทุกคนคงอยากเห็นการปรับเปลี่ยนผ่านเข้าสู่สิ่งที่เราเรียกว่าภาวะปกติอย่างราบรื่นที่สุด ผมยังมองไม่ค่อยเห็นว่าจะมีใครอยากให้วุ่นวาย เพราะทุกคนน่าจะช่วยกันประคับประคองกลับเข้าสู่ภาวะปกติมากกว่า เพราะก็มีความคาดหวังในเรื่องต่างๆ รวมทั้งเศรษฐกิจน่าจะดีขึ้น หากทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว” นายอภิสิทธิ์ กล่าว 


นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งที่พรรคเป็นห่วงคือการเตรียมความพร้อมในการแก้ไขปัญหาของประเทศหลังจากนี้ เพราะความคาดหวังของประชาชนหลังการเลือกตั้งคือการแก้ปัญหาของประชาชน โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาปากท้อง ขณะเดียวกันยังมีปัญหาที่ยังสะสมในเรื่องโครงสร้างของประเทศที่ยังรอการแก้ไข และหากดูจากรัฐธรรมนูญ และมาตรการต่าง ๆ ที่ออกมา ยังคงไม่เป็นหลักประกันเพียงพอว่าการเมืองจะเปลี่ยนแปลงอย่างที่คาดหวัง และสิ่งสำคัญอยู่ที่ตัวนักการเมือง และสังคม จึงไม่อยากให้คาดหวังว่ากฎหมายใหม่จะสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้มากมาย 

“มันเปลี่ยนไปมาก แต่เปลี่ยนในเชิงของการมีกฎระเบียบขั้นตอนที่จะดำเนินการ แต่ไม่สามารถเป็นหลักประกันที่คนอยากจะเห็นความเปลี่ยนแปลงจริงๆ คือจะทำอย่างไรให้การเมืองปลอดจากการทุจริต  ทำอย่างไรให้การเมืองไม่มีความขัดแย้งรุนแรง ทำอย่างไรให้การเมืองสามารถแก้ปัญหาทั้งเฉพาะหน้า และสามารถที่จะทำพาประเทศไปในระยะยาวได้ด้วย”นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ส่วนกฎหมายใหม่ ระเบียบใหม่ที่ออกมาจะทำให้การทำงานของพรรคการเมืองและนักการเมืองยากขึ้นหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นธรรมดา เมื่อมีกฎระเบียบมากขึ้น ก็มีความยุ่งยากมากขึ้น แต่ไม่มีอะไรที่จะเป็นอุปสรรคจนแก้ไขไม่ได้  และมั่นใจว่าพรรคการเมืองทำได้อยู่แล้ว และตั้งใจว่าจะทำได้มากกว่าที่กฎหมายกำหนดด้วยซ้ำ ทั้งเรื่องธรรมาภิบาล การมีส่วนร่วม 


สำหรับยุทธศาสตร์ชาติที่รัฐบาลวางไว้จะมีผลต่อการทำงานของพรรคการเมืองอย่างไรนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เท่าที่ติดตามจะเป็นการวางกรอบยุทธศาสตร์กว้าง ๆ และไม่คิดว่ารัฐบาลจะเขียนอะไรที่ละเอียดจนเกินไป เพราะจะเขียนยาก แต่เมื่อถึงที่สุดแล้วอะไรที่เป็นความจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาให้กับประเทศชาติ ก็ต้องเดินหน้าไปตามนั้น

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการประเมินว่ากติกาใหม่นี้จะทำให้ไม่มีพรรคการเมืองใดได้คะแนนเลือกตั้งแบบเบ็ดเสร็จท่วมท้นว่า ผลการเลือกตั้งขึ้นอยู่กับประชาชน จะไปประเมินล่วงหน้าไม่ได้ เพราะการวิเคราะห์ในปัจจุบันเป็นการคำนวณจากคะแนนในอดีต เมื่อระบบเปลี่ยน เกณฑ์การตัดสินใจของประชาชนจะเปลี่ยนไป และขณะนี้โลกเปลี่ยนแปลงไป ด้วยเทคโนโลยีทำให้กระแสการรับรู้ข่าวสารต่างๆ เปลี่ยนแปลงไป กระแสสังคมเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จะมีผลต่อการตัดสินใจของประชาชนทั้งสิ้น ดังนั้นใครที่คิดว่าเห็นกติกาแล้วแปลว่าผลการเลือกตั้งจะเป็นอย่างนั้น ตนเห็นว่าคิดผิด และเมื่อผลการเลือกตั้งออกมาแล้ว จะต้องดูแนวคิดของพรรคการเมืองในขณะนั้นด้วย ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชน 

“ขณะนี้ผู้มีอำนาจก็ยืนยันว่าจะเดินตามโรดแมป และนายกฯก็ยืนยันว่าประมาณเดือนพฤศจิกายน ถ้าไม่เป็นไปตามนั้น จะต้องมีเหตุผล มีคำอธิบาย เพราะเป็นสิ่งที่ทั้งประชาชนชาวไทยและสังคมโลก กำลังติดตามดูตลอดเวลา เราก็หวังว่าจะเป็นปีที่ประเทศไทยกลับสู่ภาวะปกติ”.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มือมีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” ขอโทษ อ้างป้องกันตัว

กรุงเทพฯ 3 ส.ค. – มือมีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” ยืนยันไม่ได้ตั้งใจเอามีดฟัน อ้างไม่ใช่คู่กรณี แต่เห็นคนทะเลาะกัน เลยเข้าไปห้าม แต่ “เป๊ก” ปรี่เข้าหา จึงชักมีดพกขึ้นมาป้องกันตัว อยากขอโทษ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วง 01.30 น. พนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุมีคนถูกมีดฟันบาดเจ็บในปั๊มน้ำมันซอยรามคำแหง 76 เขตบางกะปิ เมื่อเข้าไปตรวจสอบพร้อมกับสายตรวจและอาสากู้ภัย พบคนเจ็บคือ เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร อายุ 40 ปี ดารานักร้องชื่อดัง ถูกมีดฟันใต้คางเป็นแผลฉกรรจ์ ทำให้ต้องเร่งปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนพาตัวส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้ก่อเหตุคือ นายชุติเทพ อายุ 21 ปี ไม่ได้หนีไปไหน ยืนรอมอบตัวกับตำรวจ พร้อมอาวุธมีดยาว 20 เซนติเมตร ที่ใช้ฟันเป๊ก ผลิตโชค ตำรวจจึงคุมตัวไปสอบปากคำที่โรงพัก เบื้องต้นนายชุติเทพ ให้การอ้างขับรถไปรับแฟนออกจากที่ทำงานเพื่อกลับบ้าน แต่ขณะแวะปั๊มน้ำมันจุดเกิดเหตุ เห็นมีคนกำลังทะเลาะกัน คล้ายมีอาการมึนเมา อยู่ท้ายรถกระบะ ตนเองจึงเข้าไปช่วยเคลียร์ […]

ทบ.แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา

กองทัพบก 3 ส.ค. – โฆษกกองทัพบก แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา กองทัพบก ออกมาปฏิเสธข่าวลือที่แพร่สะพัดบนโซเชียลมีเดีย หลังมีการอ้างว่า “สมเด็จฮุนเซน” อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา แชร์โพสต์ของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ระบุว่า กองทัพบกไทยสั่งอพยพชาวจังหวัดสุรินทร์ภายในคืนนี้ เพื่อเตรียมเปิดฉากโจมตีกัมพูชา ก่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ปัจจุบันในพื้นที่ไม่ได้มีการสั่งอพยพด่วนชาวสุรินทร์อย่างที่ระบุไว้ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ที่ผ่านมา การนำเสนอข้อมูลของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ไม่มีความน่าเชื่อถือเพียงพอ ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากแหล่งข่าวทางการ และไม่หลงเชื่อหรือแชร์ข้อมูลเท็จที่อาจสร้างความตื่นตระหนกในสังคม ทั้งนี้ กองทัพบกยังคงเคารพข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด แต่ก็ได้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดคิดจากการกระทำของฝ่ายกัมพูชาที่มีแนวโน้มละเมิดข้อตกลงหยุดยิงบ่อยครั้ง รวมถึงพบว่ามีการเพิ่มเติมกำลังพลและยุทโธปกรณ์เข้ามาในพื้นที่. – สำนักข่าวไทย

พระราชทานเพลิงศพ 7 ผู้วายชนม์ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

3 ส.ค. – พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา วันนี้ ครอบครัวและญาติทำพิธีฌาปนกิจผู้เสียชีวิต 7 ราย จากเหตุกัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานพิธี เชิญกล่องเพลิงพระราชทาน ผ้าไตรพระราชทาน และช่อดอกไม้จันทน์พระราชทาน มายังศาลาพุทธคุณ วัดมหาพุทธาราม พระอารามหลวง ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เพื่อประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จากนั้นมีการอ่านหมายรับสั่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย ได้แก่ นางสาวรุ่งรัศ, เด็กหญิงทักษพร, เด็กชายพงศภัค, เด็กชายกิตติศักดิ์, นางสาวสาวิตรี, นางอรุณรัตน์ และนายสมศรี โดยมี 5 ราย เสียชีวิตจากเหตุกัมพูชายิงจรวด BM-21 ใส่ร้านสะดวกซื้อ ภายในปั๊มน้ำมัน อ.กันทรลักษ์ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ส่วนอีก […]

คนร้ายยิง M16 ถล่มกำนัน ต.นาวง ดับคากระบะ

ตรัง 3 ส.ค. – ตำรวจ สภ.ห้วยยอด พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ตรวจสอบรถกระบะกำนัน ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง หลังถูกคนร้ายใช้อาวุธปืน M16 ยิงถล่ม เสียชีวิตหน้าบ้านพัก เบื้องต้นตำรวจตั้งปมขัดแย้งส่วนตัว มุ่งเอาชีวิตเป็นหลัก คืบหน้าเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืน M16 ยิงถล่มรถกระบะนายบัณฑิต กำนันตำบลนาวง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เสียชีวิตหน้าบ้านพักเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ล่าสุด ตำรวจ สภ.ห้วยยอด ประสานพิสูจน์หลักฐาน พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดศรีตรัง เข้าตรวจสอบรถกระบะของผู้เสียชีวิต พบถูกกระสุนปืน M16 ยิงใส่รถรวม 15 นัด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตั้งประเด็นขัดแย้งส่วนตัว มุ่งเอาชีวิตเป็นหลัก เนื่องจากสภาพศพกระสุนปืนเข้าที่อวัยวะสำคัญ ทั้งศีรษะและลำตัวฝั่งขวาหลายนัด แต่ยังไม่ตัดประเด็นอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้องทิ้ง ทั้ง รื่องพิพาทผลประโยชน์สวนปาล์มน้ำมันในพื้นที่วังวิเศษ หรือความเชื่อมโยงกับคดีลอบสังหาร “ทนายเหว่า” ซึ่งอยู่ระหว่างสืบสวนเชิงลึก และอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน เพื่อออกหมายจับ ผู้เกี่ยวข้องต่อไป.-สำนักข่าวไทย