อภิสิทธิ์หวังปี 2561 มีเลือกตั้งตามโรดแมป

กทม. 2 ม.ค. -อภิสิทธิ์ หวังปี 61 จะเป็นปีที่ประเทศไทยกลับคืนสู่ภาวะปกติ มีการเลือกตั้งได้ปลายปีตามโรดแมป แนะคสช.และกกต.กำกับดูแลการเลือกตั้งให้สุจริตเที่ยงธรรม  พร้อมเตือนส.ว.ใหม่เคารพเจตนารมณ์ประชาชน ไม่เช่นนั้นจะสร้างปมขัดแย้งใหม่ 


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองปี 2561 ว่า ในภาพรวมของประเทศทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)และรัฐบาลยังยืนยันที่จะเดินตามโรดแมป คือจะให้มีการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนปี 2561 แต่ความไม่แน่นอนในขณะนี้เกิดขึ้นจากการที่ไม่อนุญาตให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ได้ จึงเกิดปัญหาว่าจะสามารถปฏิบัติตามกฎหมายใหม่ได้มากน้อยแค่ไหน และทันกรอบเวลาหรือไม่ จึงคาดว่าในช่วงต้นปี ทางคสช.คงจะมีความชัดเจนในส่วนนี้ และหลังจากนั้นจะชัดเจนขึ้นว่าตารางที่เหลือจะเป็นอย่างไร ซึ่งหากได้เลือกตั้งก็น่าจะอยู่ในช่วงปลายปี 2561 จึงหวังว่าจะเป็นปีที่ประเทศไทยจะกลับคืนสู่ภาวะปกติ และสิ่งสำคัญคือทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องทำให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความสุจริตเที่ยงธรรม เพราะถ้าไม่ทำให้การเลือกตั้งสุจริตเที่ยงธรรม การเมืองที่ดีก็จะเริ่มต้นไม่ได้ และสุดท้ายสิ่งที่คนจะใช้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินคสช.ว่าสำเร็จหรือล้มเหลว คือการเมืองหลังเลือกตั้งดีขึ้นหรือไม่ ดังนั้นคสช.ต้องวางบทบาทของตัวเองเป็นผู้ที่กำกับดูแลการเลือกตั้งให้สุจริตเที่ยงธรรมร่วมกับกกต. และกลไกที่มีการแต่งตั้งขึ้นมา คือส.ว. จะต้องเคารพเจตนารมณ์ของประชาชน ไม่เช่นนั้นจะสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งตามมาก และจะทำให้ทุกสิ่งที่ที่พยายามทำมานั้นจะสูญเปล่า

“ผมยืนยันว่าวุฒิสภาควรเคารพการตัดสินใจของประชาชน และควรจะดูว่าในสภาผู้แทนราษฎรนั้นสามารถมีข้อสรุปในเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ ถ้าไม่ได้ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่วุฒิสภาสามารถมามีบทบาทได้ แต่ถ้าได้ การไปฝืนเจตนารมณ์ตรงนั้นมีแต่จะสร้างความขัดแย้ง ตอนนี้เราไม่มีทางมองออก จนกว่าการเลือกตั้งจะเสร็จสิ้น และผมว่าทุกคนคงอยากเห็นการปรับเปลี่ยนผ่านเข้าสู่สิ่งที่เราเรียกว่าภาวะปกติอย่างราบรื่นที่สุด ผมยังมองไม่ค่อยเห็นว่าจะมีใครอยากให้วุ่นวาย เพราะทุกคนน่าจะช่วยกันประคับประคองกลับเข้าสู่ภาวะปกติมากกว่า เพราะก็มีความคาดหวังในเรื่องต่างๆ รวมทั้งเศรษฐกิจน่าจะดีขึ้น หากทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว” นายอภิสิทธิ์ กล่าว 


นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งที่พรรคเป็นห่วงคือการเตรียมความพร้อมในการแก้ไขปัญหาของประเทศหลังจากนี้ เพราะความคาดหวังของประชาชนหลังการเลือกตั้งคือการแก้ปัญหาของประชาชน โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาปากท้อง ขณะเดียวกันยังมีปัญหาที่ยังสะสมในเรื่องโครงสร้างของประเทศที่ยังรอการแก้ไข และหากดูจากรัฐธรรมนูญ และมาตรการต่าง ๆ ที่ออกมา ยังคงไม่เป็นหลักประกันเพียงพอว่าการเมืองจะเปลี่ยนแปลงอย่างที่คาดหวัง และสิ่งสำคัญอยู่ที่ตัวนักการเมือง และสังคม จึงไม่อยากให้คาดหวังว่ากฎหมายใหม่จะสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้มากมาย 

“มันเปลี่ยนไปมาก แต่เปลี่ยนในเชิงของการมีกฎระเบียบขั้นตอนที่จะดำเนินการ แต่ไม่สามารถเป็นหลักประกันที่คนอยากจะเห็นความเปลี่ยนแปลงจริงๆ คือจะทำอย่างไรให้การเมืองปลอดจากการทุจริต  ทำอย่างไรให้การเมืองไม่มีความขัดแย้งรุนแรง ทำอย่างไรให้การเมืองสามารถแก้ปัญหาทั้งเฉพาะหน้า และสามารถที่จะทำพาประเทศไปในระยะยาวได้ด้วย”นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ส่วนกฎหมายใหม่ ระเบียบใหม่ที่ออกมาจะทำให้การทำงานของพรรคการเมืองและนักการเมืองยากขึ้นหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นธรรมดา เมื่อมีกฎระเบียบมากขึ้น ก็มีความยุ่งยากมากขึ้น แต่ไม่มีอะไรที่จะเป็นอุปสรรคจนแก้ไขไม่ได้  และมั่นใจว่าพรรคการเมืองทำได้อยู่แล้ว และตั้งใจว่าจะทำได้มากกว่าที่กฎหมายกำหนดด้วยซ้ำ ทั้งเรื่องธรรมาภิบาล การมีส่วนร่วม 


สำหรับยุทธศาสตร์ชาติที่รัฐบาลวางไว้จะมีผลต่อการทำงานของพรรคการเมืองอย่างไรนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เท่าที่ติดตามจะเป็นการวางกรอบยุทธศาสตร์กว้าง ๆ และไม่คิดว่ารัฐบาลจะเขียนอะไรที่ละเอียดจนเกินไป เพราะจะเขียนยาก แต่เมื่อถึงที่สุดแล้วอะไรที่เป็นความจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาให้กับประเทศชาติ ก็ต้องเดินหน้าไปตามนั้น

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการประเมินว่ากติกาใหม่นี้จะทำให้ไม่มีพรรคการเมืองใดได้คะแนนเลือกตั้งแบบเบ็ดเสร็จท่วมท้นว่า ผลการเลือกตั้งขึ้นอยู่กับประชาชน จะไปประเมินล่วงหน้าไม่ได้ เพราะการวิเคราะห์ในปัจจุบันเป็นการคำนวณจากคะแนนในอดีต เมื่อระบบเปลี่ยน เกณฑ์การตัดสินใจของประชาชนจะเปลี่ยนไป และขณะนี้โลกเปลี่ยนแปลงไป ด้วยเทคโนโลยีทำให้กระแสการรับรู้ข่าวสารต่างๆ เปลี่ยนแปลงไป กระแสสังคมเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จะมีผลต่อการตัดสินใจของประชาชนทั้งสิ้น ดังนั้นใครที่คิดว่าเห็นกติกาแล้วแปลว่าผลการเลือกตั้งจะเป็นอย่างนั้น ตนเห็นว่าคิดผิด และเมื่อผลการเลือกตั้งออกมาแล้ว จะต้องดูแนวคิดของพรรคการเมืองในขณะนั้นด้วย ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชน 

“ขณะนี้ผู้มีอำนาจก็ยืนยันว่าจะเดินตามโรดแมป และนายกฯก็ยืนยันว่าประมาณเดือนพฤศจิกายน ถ้าไม่เป็นไปตามนั้น จะต้องมีเหตุผล มีคำอธิบาย เพราะเป็นสิ่งที่ทั้งประชาชนชาวไทยและสังคมโลก กำลังติดตามดูตลอดเวลา เราก็หวังว่าจะเป็นปีที่ประเทศไทยกลับสู่ภาวะปกติ”.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พระขโมยรถยนต์โยมวันเข้าพรรษา

กาฬสินธุ์ 12 ก.ค.-วงการผ้าเหลืองไม่แผ่ว พระหนุ่มขโมยรถยนต์ญาติโยมที่มาทำบุญวันเข้าพรรษา ถูกตำรวจสกัดจับได้ทันควัน ตำรวจ สภ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ สกัดจับรถเก๋งสีดำคันบริเวณสี่แยกไฟแดง อ.สมเด็จ หลังรับแจ้งว่าพระสงฆ์หนุ่มแอบขโมยรถจากญาติโยมที่มาทำบุญในวันเข้าพรรษา แล้วขับหนีมาทาง อำเภอสมเด็จ ตำรวจจึงออกสกัดจับจนเจอ ส่วนพระสงฆ์ที่ก่อเหตุมีอาการพูดจาวกไปวนมา ตำรวจจึงนำตัวมาสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก และแจ้งให้เจ้าของรถมารับรถคืน เตรียมดำเนินคดีกับพระรูปนี้ต่อไป หลังสึกจากการเป็นพระ.-สำนักข่าวไทย

น้ำป่าทะลักท่วมแพร่ บ้านเรือนเสียหายหนัก

แพร่ 12 ก.ค.-ฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ จ.แพร่ น้ำป่าทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรช่วงกลางดึก เสียหาย 2 อำเภอ เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมพื้นที่ชุมชนในตำบลแดนชุมพล จังหวัดแพร่ และอำเภอร้องกวางบางส่วน เนื่องจากมีฝนตกลงมาอย่างหนักในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้บ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหายในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ลุ่มและแนวทางน้ำธรรมชาติที่รับน้ำจากภูเขาและป่าใกล้เคียง ปริมาณน้ำที่หลากเข้ามาเกิดจากฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดช่วงคืนที่ผ่านมา ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านไม่ทันตั้งตัว ทรัพย์สินของประชาชนบางส่วนได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะบ้านโทกค่า อำเภอสอง จังหวัดแพร่ หลายหลังคาเรือนได้รับผลกระทบเนื่องจาก ไม่เคยเกิดเหตุแบบนี้มาก่อน ปีนี้น้ำมากกว่าทุกปี ทำให้เก็บข้าวของไม่ทัน ได้รับความเสียหาย ครั้งสุดท้ายที่เคยท่วม ตั้งแต่ปี 2538 .-สำนักข่าวไทย

สองสาวใหญ่ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกมือถือ

กทม. 12 ก.ค. – สองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกโทรศัพท์มือถือลอยนวล พบเคยเข้ามาขอเงินหลวงตาแล้วครั้งหนึ่ง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะ ผู้หญิง 2 คนเข้าไปในกุฏิที่พระสงฆ์นอนอาพาธอยู่ คนหนึ่งนั่งพื้นส่วนอีกคนยืนอยู่แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนเตียงนอนไป เหตุการณ์นี้ นายมนูญ อายุ 29 ปี หลานชายของพระลูกวัดแห่งหนึ่ง ในซอยประชาอุทิศ 27 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ให้ช่วยตามหาสองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิ “หลวงตาสุข” อายุ 80 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคประจำตัว ประกอบกับอายุมากเดินได้ไม่ปกติ โดยหลวงตาสุข เป็นพระลูกวัด พักอยู่กุฏิด้านหลังโบสถ์ เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ประมาณ 13.45 น. ขณะกำลังนอนพักผ่อนอยู่ มีหญิงร่างท้วม 2 คนเข้าไปในกุฏิ จากนั้นคนใส่เอี๊ยมสีเขียวผมสั้นลงมือค้นหาสิ่งของบนหัวเตียง ส่วนอีกคนที่มาด้วย คอยดูต้นทาง จนกระทั่งหญิงคนที่รื้อหาสิ่งของมองเห็นโทรศัพท์มือถือ ราคาประมาณ 4,000 บาท ของพระที่วางไว้หัวเตียง […]

มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ปมมีชื่อพระโผล่คลิปสีกา ก.

กรุงเทพฯ 11 ก.ค. – เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ เผยกรณีปรากฏชื่อ “พระปริยัติธาดา” ในคลิปพัวพันสีกา ก. มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร จากกรณีปรากฏรายชื่อพระในคลิปมีความสัมพันธ์กับ “สีกา ก.” จนถึงขั้นปาราชิก หนึ่งในนั้นคือ พระปริยัติธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร และมีรายงานข่าวว่าท่านหายตัวจากวัดหลังจากตกเป็นข่าว ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังวัดกัลยาณมิตรฯ พบว่าพระของวัดทุกรูปลงโบสถ์เพื่อประกอบศาสนกิจเนื่องในวันเข้าพรรษา ภายในพระอุโบสถ ภายหลังประกอบศาสนกิจลงโบสถ์ของพระวัดกัลยาณมิตรฯ เสร็จสิ้น พระพรหมกวี เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ ได้ถ่ายรูปกับพระใหม่และพระสงฆ์ในวัด และให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปถ่ายภาพ พร้อมกับพูดคุยเบื้องต้น กรณีปรากฏชื่อของพระปริยัติธาดา เป็นหนึ่งในบุคคลในคลิปที่เกี่ยวข้องกับสีกา ก. ว่าส่วนตัวไม่ทราบ คนเราไม่ได้รู้เรื่องส่วนตัวของคนอื่น มองเป็นเรื่องธรรมชาติในสังคมที่มีทั้งคนดีและไม่ดี เรื่องนี้เป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร และอยากถาม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว เพื่อขอดูคลิปที่กล่าวอ้าง ถ้าภาพมันชัดเจนก็ต้องออกตามกฎ ซึ่งใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น เมื่อถามว่า พระปริยัติธาดา ออกไปจากวัดตั้งแต่เมื่อไร พระพรหมกวี บอกว่า ท่านออกไปจากวัด 6-7 วันแล้ว ก็ออกไปเฉยๆ ไม่ได้สึกออกไป และไม่รู้ว่าตอนนี้สึกหรือยัง แต่หากจะสึกต้องแจ้งมาที่วัด […]

ข่าวแนะนำ

พระปรางค์วัดอรุณ

ข่าวดี “พระปรางค์วัดอรุณฯ” ได้รับบรรจุขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลก

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.- “แพทองธาร” เผยข่าวดี “พระปรางค์วัดอรุณฯ” ได้รับบรรจุขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลกของยูเนสโกแล้ว นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยที่ได้ร่วมเป็นเจ้าของมรดกทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า “ข่าวดีของคนไทย “พระปรางค์วัดอรุณ ราชวรารามราชวรมหาวิหาร” ได้รับการบรรจุขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลก (Tentative List) ของยูเนสโกแล้วค่ะ ดิฉันได้รับรายงานจากคณะผู้แทนไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ณ กรุงปารีส แจ้งว่า ที่ประชุมได้รับทราบว่าพระปรางค์วัดอรุณฯ เป็นหนึ่งในรายชื่อบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) นับเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการยกระดับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอย่างสมบูรณ์ในอนาคต กระทรวงวัฒนธรรมมอบหมายให้กรมศิลปากรดำเนินการจัดทำเอกสารเสนอชื่อ (Nomination Dossier) ควบคู่กับการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และจัดการพื้นที่ตามหลักสากล เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ขั้นตอนต่อไป ความคืบหน้านี้เป็นมากกว่าการอนุรักษ์สถานที่ แต่คือการยืนยันอัตลักษณ์ไทยที่งดงามและทรงคุณค่าในสายตาชาวโลก นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย ที่ได้ร่วมเป็นเจ้าของมรดกทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่นี้” .-316 สำนักข่าวไทย

ตรวจสอบรายรับรายจ่ายวัดใหญ่จอมปราสาท

สมุทรสาคร 13 ก.ค. – เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบรายรับรายจ่ายของวัดใหญ่จอมปราสาท นำมาเทียบกับเส้นเงินของของเจ้าอาวาสที่หนีไป หลังตรวจพบโอนเงินให้สีกา ก. กว่า 1 ล้านบาท ที่วัดใหญ่จอมปราสาท ต.ท่าจีน อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พร้อมด้วย พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. นำคณะเข้าพบ พระครูสาครสุตกิจ เจ้าคณะตำบลท่าฉลอม เจ้าอาวาสวัดน้อยนางหงษ์ คณะพระสงฆ์ (พระลูกวัด) วัดใหญ่จอมปราสาท ผู้นำชุมชน และคณะกรรมการวัด เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ระบบการเงินในวัดใหญ่จอมปราสาท เพื่อนำไปเป็นข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจสอบเส้นทางการเงินของพระมหาทิวากร เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ที่ตรวจพบว่าได้โอนเงินกว่า 1 ล้านบาทไปให้สีกา ก. แต่ยังไม่มีเรื่องชู้สาวเข้ามาเกี่ยวข้อง ประเด็นที่ต้องการทราบเพิ่มเติมคือ เงินที่โอนให้สีกาเป็นเงินส่วนไหน แล้วเงินวัดมีรายรับจากที่ใดบ้าง มีรายจ่ายอย่างไร รวมถึง เงินวัดนั้นเข้าบัญชีใคร มีไวยาวัจกรณ์เบิกจ่ายหรือไม่ หรือใครเป็นผู้ทำหน้าที่รับและเบิกจ่ายเงินทั้งหมด ผู้ใหญ่บ้านชี้แจงว่า ทางวัดยังไม่มีไวยาวัจกรวัดคนใหม่ หลังจากคนเก่าลาออกไปเล่นการเมืองท้องถิ่น ส่วนเงินวัดนั้นเจ้าอาวาสเป็นผู้บริหารแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งเงินวัดก็จะมีรายรับมาจากให้ที่จอดเรือบริเวณหน้าวัด ประมาณเดือนละ […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]