7วันเฝ้าระวังอันตราย ตาย 317 ราย

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 2 ม.ค.- นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (ศปถ.) ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 โดยระบุว่า วันที่ 1 ม.ค. 2561 ซึ่งเป็นวันที่ 5 ของการรณรงค์ “ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร”ว่า เกิดอุบัติเหตุ 677 ครั้ง เสียชีวิต 71 ราย บาดเจ็บ 696 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เมาสุรา ร้อยละ 47.27 ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 26.00 ส่วนยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ  82.45 รถปิคอัพ  ร้อยละ 5.18


สำหรับช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 00.01- 04.00 น. ร้อยละ 27.92 ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,011 จุด มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 650, 927 คน ตรวจยานพาหนะ 782 ,66 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 138,279  ราย พบมากสุดคือฐานความผิดไม่สวมหมวกนิรภัย 39,875 ราย ไม่มีใบขับขี่ 38,17 8  ราย

นพ.โอภาส รองปลัด สธ. กล่าวต่อว่า วันที่ 1 ม.ค.60  มีจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ อุดรธานี 38 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ ร้อยเอ็ดและกรุงเทพมหานคร 5 ราย ส่วนจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุดได้แก่อุดรธานี 39 คน


ทั้งนี้สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสม 5 วัน ตั้งแต่ 28-31 ธ.ค. 60 เกิดอุบัติเหตุรวม 3,056 ครั้ง เสียชีวิตรวม 317 ราย บาดเจ็บรวม 3,188 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิตมี 9 จังหวัด ได้แก่ ชัยนาท ตรัง ตาก นครนายก นราธิวาส น่าน ยะลา ระนอง และหนองบัวลำภู  ส่วนจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ อุดรธานี 114  ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ ศรีสะเกษ 13  ราย รองลงมาคือ นครราชสีมา 12 ราย และ บุรัรัมย์ พิจิตร อุบลราชธานี 11  ราย ส่วน จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ อุดรธานี 118  คน 

นพ.โอภาส กล่าวว่าจากการที่กระทรวงสาธารณสุขร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติเจาะเลือดตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในเลือดของผู้ขับขี่ที่เกิดอุบัติเหตุทางถนนและบาดเจ็บรุนแรงหรือเสียชีวิต ในกรณี ผู้ขับขี่ไม่สามารถตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ด้วยวิธีเป่าทางลมหายใจได้ ส่งไปเจาะเลือดแล้วทั้งหมด 1,069 ราย เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี 179 ราย ทราบผลแล้ว 190 ราย พบปริมาณแอลกอฮอล์เกินกำหนด 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ 101 ราย โดยเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีจำนวน 10 ราย ในช่วง 2 วันสุดท้ายที่ประชาชนจะมีการเดินทางกลับเข้ามากรุงเทพฯ หน่วยงานต่างๆ จะยังคงใช้มาตรการเดิมเหมือนกับขาไป ในส่วนด้านการแพทย์จะมีการเปิดศูนย์ช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ดูแลผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุอย่างทันท่วงทีหน่วยกู้ชีพและหน่วยฉุกเฉินต่างๆ ให้เตรียมพร้อมอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ เลือด ยา และเมื่อมีการโทรเรียก 1669 เจ้าหน้าที่จะต้องไปถึงที่เกิดเหตุภายใน 10 นาที.- สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เร่งล่า 4 คนร้ายซุ่มยิงตำรวจ สภ.ยะรัง เสียชีวิต 2 นาย

เร่งล่า 4 คนร้ายซุ่มยิงตำรวจ สภ.ยะรัง เสียชีวิต 2 นาย ขณะที่ ผบ.ตร. อาลัยตำรวจกล้า สั่งต้นสังกัดดูแลสิทธิประโยชน์ เลื่อนเงินเดือนและชั้นยศ

นักโทษกลับใจ

อดีตนักโทษกลับใจ หลังติดคุก 30 ปี โทรคุยกับพ่อทั้งน้ำตา

อดีตนักโทษชีวิตโตมาในคุก ตั้งแต่อายุ 19 จนตอนนี้ อายุ 49 ปี ร่ำไห้กับตำรวจ ขอให้ช่วยพากลับบ้านที่จากมา 30 ปี ตำรวจโทรศัพท์หาพ่อ ให้ 2 พ่อลูกคุยกันทั้งน้ำตา

ตำรวจจีนพาผู้ต้องสงสัยฉ้อโกง 200 ราย กลับจากเมียนมา

พลเมืองจีน 200 รายที่ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกง ถูกส่งตัวจากเมืองเมียวดีในเมียนมากลับจีนแล้วเมื่อวานนี้ ภายใต้การคุ้มกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจจีน

เด็ก 12 สูบบุหรี่ไฟฟ้า-ดื่มน้ำกระท่อม ทำปอดหาย

ย่าช็อก หลานวัย 12 ปี อาการวิกฤติ ปอดหายเกือบทั้งหมด ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หลังสูบบุหรี่ไฟฟ้าและดื่มน้ำกระท่อมตั้งแต่ ป.4

ข่าวแนะนำ

ส่งกลับเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนอีก 300 คน

วันที่สองของปฏิบัติการขนเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนจากเมียวดี ข้ามชายแดนไทย ส่งกลับประเทศอีก 300 คน รวม 2 วัน ส่งกลับแล้ว 500 คน เหลือพรุ่งนี้อีก 1 วัน

บุกทลายบ่อนทุนจีนเทากลางเมืองภูเก็ต

ตำรวจภูเก็ตบุกทลายบ่อน ‘กลุ่มจีนเทา’ กลางเมืองภูเก็ต รวบนักพนันชาวจีน 13 ราย พร้อมของกลางกว่า 30 รายการ พบเงินหมุนสัปดาห์เดียวกว่า 5 ล้านบาท

ซุ่มยิงเจ้าของร้านข้าวแกงเสียชีวิตขณะเปิดร้าน

คนร้ายโหดซุ่มยิงเจ้าของร้านข้าวแกง กระสุนเจาะทะลุคอเสียชีวิต ขณะยกกับข้าวเตรียมเปิดร้าน ตำรวจเร่งหาเบาะแสคนร้ายและปมเหตุสังหาร

บ่อนดังย่านดอนเมืองปิดเงียบ ขึ้นป้ายห้ามเข้าออก

บ่อนดังย่านดอนเมืองปิดเงียบ ขึ้นป้ายพื้นที่ส่วนบุคคลห้ามเข้าออก พบปิดกิจการตั้งแต่ 16 มี.ค.63 ขณะที่มีกล้องวงจรปิดติดตั้งโดยรอบ