กรุงเทพ ฯ 26 ธ.ค.- ศาลอาญาพิพากษาลงโทษจำคุกสถานหนัก 7 โจ๋ รุมฆ่าชายพิการขายขนมปังเลี้ยงครอบครัว
ศาลอาญารัชดา นัดฟังคำพิพากษาคดีอัยการ ฟ้องนายพีรพล ยศพงศ์อนันต์ หรือ เปา นายพีรพล ยศพงศ์อนันต์ , นายอัครเดช ทัศนะ , นายมนต์มนัส แสงโพธิ์, นายจตุพร จันทร์โสภา , นายเมฆ พลไกรษร , นายอรินทร์ ยศพงศ์อนันต์ และ น.ส.ณัฐณิชา ฤทธิ์ล้ำเลิศ เป็นจำเลยที่ 1-7 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ,ร่วมกันบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธ ,และร่วมกันพกพาอาวุธมีดไปในเมืองฯ โดยไม่มีเหตุอันควร
จากเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2559 จำเลยร่วมกันใช้อาวุธมีดดาบยาวบุกเข้าไปในบ้านพักของนายสมเกียรติ ศรีจันทร์ ชายพิการ อาชีพขายขนมปังร้านปังหอม ในที่ซอยโชคชัย 4 แยก 69 ทะเลาะวิวาทและรุมแทงจนถึงแก่ความตาย ในส่วนของจำเลยให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
เมื่อถึงเวลาศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จากภาพกล้องวงจรปิดและภาพนิ่ง มีความสอดคล้องกันกับคำให้การของพยานอีกทั้งเวลาช่วงเกิดเหตุ 9-10 นาฬิกา มีแสงสว่างชัดเจน อีกทั้งพยานโจทก์ที่นำมาเบิกความไม่มีความขัดแย้งกับจำเลย จึงเชื่อว่าจำลยกระทำผิดจริงจึงพิพากษาจำคุก จำเลยที่ 2,4,6 ในข้อหาบุกรุก จำคุก 1 ปี / ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จำเลยที่ 1,2,3,6 จำคุก 18 ปี / ข้อหาช่วยเหลือสนับฆ่าผู้อื่น จำคุก จำเลย 4,5,7 จำนวน 12 ปี และข้อหาพกพาอาวุธปืนไปในเมือง จำเลยที่ 1,2,3,6 ปรับ 1 พันบาท โดยโทษรวมให้จำคุกจำเลยที่ 1,3 จำนวน 18 ปี ปรับ 1 พันบาท / จำคุกจำเลยที่ 2,6 จำนวน 19 ปี ปรับ 1 พันบาท / จำคุกจำเลยที่ 4,5,7 จำนวน 12 ปี ปรับ 1 พันบาท ส่วนจำเลยที่ 4 เพิ่มข้อหาบุกรุกอีก 1 ปี เป็นจำคุก 13 ปี และจำเลยที่ 2,3,6 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย 5 แสนบาท และอีกทั้งให้จำเลยที่ 4,5,7 ร่วมกับจำเลยที่ 1,2,3,6 ชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ร่วมหรือมารดา จำนวน 5เเสนบาท โดยให้จำเลยที่1,2,3,6ร่วมชดใช้ค่าเสียหายเเก่โจทก์ร่วมในค่าขาดไร้อุปการะ จากการทำละเมิด 3เเสน6หมื่นบาท เเละให้จำเลยที่4,5,7,ร่วมกับจำเลยที่1,2,3เเละ6ชดใช้ค่าปลงศพ1เเสน4หมื่นบาท
ทั้งนี้จากเดิมจำเลยเรียกร้องค่าชดเชยและค่าปลงศพ จำนวน 2 ล้านบาท แต่ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อขณะเกิดเหตุนายสมเกียรติชายพิการ ไม่ได้โทรศัพท์เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือหลีกเลี่ยงการปะทะแต่กลับเข้าไปหยิบมีดออกมาถือเป็นการยั่วยุ จึงให้ชดใช้ตามจำนวนดังกล่าว
นอกจากนี้พฤติการณ์ของจำเลยที่ 1,2,3,6 ได้ใช้อาวุธมีดฟันแทงไปที่อวัยวะสำคัญ โดยเฉพาะศีรษะ ย่อมมีวัตถุประสงค์เจตนาร่วมกันฆ่านายสมเกียรติ ส่วนจำเลยที่ 4,5 แม้จะยืนอยู่บริเวณทางเท้า ห่างจุดเกิดเหตุ 2 เมตร แต่มีการเดินไปในทิศทางที่มีการต่อสู้ ส่วนจำเลยที่ 7 ที่มีการตะโกนว่า “เอาให้ตาย” นั้นมิอาจเชื่อได้ว่าตะโกนไปเพราะโมโหตามที่กล่าวหา แต่หากเป็นการช่วยเหลือสนับสนุนให้ก่อเหตุ
ด้านนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ เปิดเผย ในวันนี้รู้สึกพอใจคำตัดสินของศาลแต่ติดใจการทำงานของพนักงานสอบสวนและอัยการบางท่านที่มีการให้ความเห็นว่าพฤติการณ์ของคดีนี้ที่ไม่เข้าข่ายฆ่าโดยไตร่ตรอง ทั้งที่ในวันนี้พิเคราะห์ในพฤติการณ์ของผู้ต้องหาทั้งหมด ในประเด็นการโทรตามพวกและให้นำอาวุธมีดมาทำร้ายผู้ตาย ซึ่งถือว่าเข้าข่ายการไตร่ตรอง แต่พนักงานสอบสวนไม่ได้ยื่นฟ้องในข้อหานี้ ทำให้ไม่ได้รับโทษสูงสุด การประหารชีวิต ต่อจากนี้จะยื่นอุทธณ์ในอัตราโทษที่จำเลยได้รับน่าจะให้ได้รับโทษสูงสุด
ส่วน นางทองคำ ศรีจันทร์ มารดาของนายสมเกียรติ ซึ่งเดินทางมาฟังคำพิพากษา พร้อมทนาย เปิดเผยว่า รู้สึกพอใจคำตัดสินของศาล ขอบคุณที่ให้ความเป็นธรรมกับครอบครัว ตอนนี้รู้สึกพอใจจะเตรียมเผาศพลูกชายประกอบพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป.-สำนักข่าวไทย
