ม.หอการค้าคาดเงินสะพัดปีใหม่ 1.5 แสนล้านบาท

ม.หอการค้าไทย 25 ธ.ค. – ม.หอการค้าไทยคาดปีใหม่นี้เงินสะพัด 1.5 แสนล้านบาท สูงสุดรอบ 13 ปี


นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยสำรวจวันที่ 11 – 20 ธันวาคม 2560 จำนวน 1,213 ตัวอย่างทั่วประเทศ พบว่า  คนไทยเห็นว่าบรรยากาศเทศกาลปีใหม่ปีนี้คึกคักมากกว่าปีที่แล้ว คิดเป็นร้อยละ 48.3  ด้านการใช้จ่ายเงินเพิ่มขึ้น โดยมีการใช้จ่ายเพื่อผู้อื่นมากขึ้น ขณะที่การใช้จ่ายให้กับตัวเองลดลงการใช้เงินสำหรับตนเองเฉลี่ยคนละ 21,078.86 บาท และมีแผนการใช้เงินสำหรับผู้อื่นเฉลี่ยจะอยู่ที่คนละ 5,452.27 บาท

สำหรับแหล่งเงินที่ใช้ ได้แก่ เงินเดือน/รายได้ร้อยละ 52  โบนัส/รายได้พิเศษ ร้อยละ 24.1 และเงินออมร้อยละ 23 ซึ่งประเมินว่าปีใหม่นี้ทั่วประเทศจะมีเงินสะพัดรวม 132,050.09 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเรื่องการสำรวจ 13 ปี  นับจากที่เริ่มสำรวจในเทศกาลปีใหม่ปี 2549 และเพิ่มขึ้นจากช่วงปีใหม่ปีที่ผ่านมาคิดเป็นร้อยละ 2.1 โดยคนกรุงเทพฯ จะใช้จ่ายรวม 64,292.18 ล้านบาท ต่างจังหวัด 67,757.91 ล้านบาท ทั้งนี้ หากรวมค่าใช้จ่ายผ่านโครงการช้อปช่วยชาติ การใช้จ่ายผ่านโครงการ “รวมใจ เพิ่มสุข ช้อปสนุก ลดรับปีใหม่” ปีนี้จะมีเม็ดเงินสะพัดเพิ่มขึ้นเป็น 159,632.20 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มียอดรวม 150,067.58 ล้านบาท


ส่วนของขวัญยอดนิยม ได้แก่ เงินสด/เช็คของขวัญ รองลงมา การไปรับประทานอาหารร่วมกัน  กระเช้าของขวัญ เครื่องดื่มบำรุงร่างกาย  การใช้เงินสำหรับตนเองเฉลี่ยคนละ 21,078.86 บาท และมีแผนการใช้เงินสำหรับผู้อื่นเฉลี่ยคนละ 5,452.27 บาท ทั้งนี้ มีการวางแผนไปท่องเที่ยวคิดเป็นร้อยละ 84.6 กลับบ้านร้อยละ 15.4 คนไทยท่องเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 16.5 จากปีที่ผ่านมาสัดส่วนร้อยละ 15.1 ส่วนท่องเที่ยวในประเทศลดลงร้อยละ 83.5 จากปีที่ผ่านมาที่มีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 84.9 ค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวต่างประเทศเฉลี่ยคนละ 60,135.11 บาท เที่ยวในประเทศเฉลี่ยคนละ 13,960 บาท

สำหรับรัฐมนตรีที่ประชาชนต้องการมอบของขวัญเป็นกำลังใจมากที่สุด ได้แก่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้อยละ 32.3 มาอันดับ 1 รองลงมา นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ร้อยละ 10.4 นายวิษณุ เครืองาม ร้อยละ 6.5 พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ร้อยละ 4.3 ส่วนนักการเมืองที่อยากไปท่องเที่ยวด้วยมากที่สุด ได้แก่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้อยละ 24  นายชวน หลีกภัย ร้อยละ 15.7 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ร้อยละ 9.1 และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ร้อยละ 8.8 ด้านดารานักแสดง นักร้อง ที่อยากให้ของขวัญมากที่สุด ฝ่ายชาย คือ ณเดชน์ คูกิมิยะ  ฝ่ายหญิง ญาญ่า อุรัสยา นักร้อง ตูน บอดีสแลม และดาเด็นโดรฟิน สิ่งที่เป็นห่วงในช่วงเทศกาลปีใหม่มากที่สุด คือ อุบัติเหตุในท้องถนน รองลงมา ความไม่เพียงพอของรถ บขส. รถไฟ ด้านการจราจรที่อาจมีปัญหา การก่อการร้าย เช่น ระเบิด ปัจจัยที่น่าห่วง ได้แก่ ยาเสพติด อัตราดอกเบี้ย เศรษฐกิจ เป็นต้น ปัญหาที่รัฐบาลควรแก้ไขเร่งด่วนที่สุด คือ การเตรียมความพร้อมรับมือภัยธรรมชาติ ปัญหาสังคม เสถียรภาพทางการเมือง และเศรษฐกิจโดยรวม เป็นต้น และของขวัญหรือพรที่ต้องการให้กับตนเองมากที่สุด คือ ค้าขายดี เงินทองไหลมาเทมาตลอดทั้งปี ทำมาค้าขึ้น ร้อยละ 31 อันดับสองคือ มีความรักความสุขจากครอบครัว ร้อยละ 23.4 มีการงานที่มั่นคง มีความก้าวหน้า ร้อยละ 20.6  มีสุขภาพแข็งแรงร้อยละ 15.7 และสุดท้ายคือ มีบ้านและรถยนต์ใหม่ ร้อยละ 9.4 เรื่องการปรับปรุงตัวเองพบว่าปีหน้าต้องการปรับปรุงตัวเองในเรื่องการมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มากที่สุด รองลงมาคือ ออกกำลังกาย/รักษาสุขภาพ และทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม


นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า พฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลปีใหม่เพิ่มขึ้นช่วยให้เศรษฐกิจไทยปีนี้เติบโตจากเดิมที่คาดว่าจะโตร้อยละ 3.9 เพิ่มเป็นโตร้อยละ 4 และปี 2561คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะมีโอกาสขยายตัวร้อยละ 4.2-4.5 ได้ และเป็นปีเริ่มต้นเศรษฐกิจสดใสของเศรษฐกิจไทย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ชาวบ้าน-พระ เดือดร้อน

สุโขทัย 28 ส.ค. – หลายพื้นที่เมืองสุโขทัย จมอยู่ใต้น้ำและขยายวงกว้าง แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ด้านหลังวัดปากแคว พระและชาวบ้าน ช่วยกันขนสิ่งของหนีน้ำ ภาพมุมสูง เผยให้เห็นสภาพน้ำท่วมสูงภายในวัดปากแคว และบริเวณโดยรอบ ทหารนำกำลังพล 22 นาย ลงพื้นที่ช่วยเหลือ พระวัดปากแคว ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 2 หมู่ 4 ต.ปากแคว 4 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ถูกน้ำท่วมขยายวงกว้าง รถยนต์จมน้ำหลายคัน ด้านหลังวัดปากแคว อำเภอเมือง แม่น้ำยมผนังกั้นน้ำล้นตลิ่ง มวลน้ำมหาศาล ทะลักเข้าท่วมเต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงรอบวัดเกือบ 2 เมตร ทะลักเข้าท่วม ไหลข้ามถนนจรดวิถีถ่อง ระยะทางกว่า 500 เมตร ต้องปิดกั้นถนนห้ามสัญจรไปมา พระครูปลัดสุวัฒนสาธุคุณ (พระอาจารย์นาค) เจ้าคณะตำบลบ้านกล้วย เจ้าอาวาสวัดพายชุมพล หลังทราบข่าว ระดับน้ำท่วม ในวัดปากแคว รีบนำอาหารกล่องพร้อมทั้งถุงยังชีพ เข้าไปถวายพระสงฆ์ 18 รูป ที่จำพรรษาอยู่ในวัดปากแคว เร่งหาผู้สูญหายที่แม่ฮ่องสอน […]

เร่งค้นหาอีก 3 ผู้สูญหายดินถล่มปางอุ๋ง ท่ามกลางความหวังของญาติ

28 ส.ค. – เข้าสู่วันที่ 2 ของเหตุดินโคลนถล่มบ้านปางอุ๋ง หมู่บ้านกลางหุบเขา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอีก 3 ราย โดยระดมกำลังนับร้อยนายพร้อมเครื่องจักรเดินหน้าค้นหา ท่ามกลางบรรดาญาติที่เฝ้ารอด้วยความหวัง ล่าสุดวันนี้พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มเป็น 6 ราย และยังสูญหายอีก 3 คน ขณะที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียบ้านที่อยู่มาหลายสิบปีและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. โผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด

กทม. 28 ส.ค.-ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. หลัง “ภูมิธรรม” ถกลับ ผบ.ตร. นานหลายชั่วโมง เหตุมีหนังสือร้องเรียนจำนวนมาก ทำโผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2568 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 มีระเบียบวาระการประชุม 5 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ /วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 6/2568 /วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.สืบสวนสอบสวน ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการแทน […]

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]