2 กระทรวงเศรษฐกิจประกาศร่วมมือแก้ปัญหาเกษตร

นนทบุรี 22 ธ.ค. – กระทรวงพาณิชย์จับมือกระทรวงเกษตรฯ  สร้างกลไกบริหารจัดการสินค้าเกษตรแบบบูรณาการ เดินหน้าปรับกระบวนทัศน์  “การตลาดนำการผลิต” ตามแนวทางประชารัฐ พลิกโฉมสู่ความเป็นภาคเกษตรสมัยใหม่ชั้นนำของโลกและยกระดับสินค้าเกษตรไทย



นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายกกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยผู้บริหารทั้ง 2 กระทรวงประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อร่วมกันจัดทำแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาค พร้อมมอบนโยบาย “มิติใหม่การบูรณาการร่วมพาณิชย์-เกษตร” ให้แก่เกษตรและสหกรณ์จังหวัด เกษตรจังหวัด พาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อบูรณาการการทำงานทั้ง 2 กระทรวงร่วมจัดทำแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้เกิดการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและผลมากที่สุดต่อเกษตรกร และผู้ประกอบการไทยทั้งประเทศ ตามแนวทางพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีต้องการให้มีการบูรณาการการทำงานของหน่วยงาน เพื่อพัฒนาภาคเกษตรกรรมของไทยสู่การเป็นภาคเกษตรชั้นนำของโลกโดยใช้การตลาดนำการผลิต ทั้งนี้ มั่นใจว่าการทำงานแบบบูรณาการอย่างใกล้ชิดระหว่างหน่วยงานที่ดูแลภาคการผลิตและหน่วยงานด้านการตลาดเป็นนิมิตหมายที่ดีในการบริหารจัดการสินค้าเกษตรให้เป็นไปอย่างมีเสถียรภาพยิ่งขึ้นทั้งด้านราคาและตลาด และจะนำไปสู่การพลิกโฉมสู่ภาคเกษตร 4.0 ที่เป็นรูปธรรมได้อย่างแน่นอน


อย่างไรก็ตาม จากนี้ไปประเทศไทยจะเปลี่ยนจากการผลักดันสินค้าเกษตรซึ่งเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ไปสู่สินค้าเชิงนวัตกรรม หมายความว่า จะไม่ผลิตเพื่อขายกันแบบสด ๆ เหมือนที่ผ่านมาเพียงอย่างเดียว เช่น ปลูกข้าวก็จะไม่ขายแบบข้าวเปลือกอย่างเดียว แต่จะแปรรูปเพิ่มมูลค่าเริ่มตั้งแต่พันธุ์พืชที่ปลูกจะต้องมีการวิจัยพัฒนา เช่น ข้าวที่รับประทานแล้วมีสารที่ช่วยป้องกันโรคภัยไข้เจ็บบางประเภท หรือบำรุงร่างกาย โดยสินค้าดังกล่าวต้องมีเรื่องราวและระบุถึงคุณค่าทางโภชนาการ ผูกโยงกับภูมิปัญญาท้องถิ่น ความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรมและเทคโนโลยี เชื่อมโยงสู่การตลาดทั้งระบบดั้งเดิมและการค้าออนไลน์ ตลอดจนสามารถเปลี่ยนจากการเน้น เพียงแค่ภาคการผลิตสินค้าสู่ภาคบริการมากขึ้น อาทิ การเชื่อมโยงภาคเกษตรสู่การท่องเที่ยวชุมชน รวมทั้งจะมีการแต่งตั้งบุคคลทำหน้าที่รับผิดชอบสินค้าเกษตรสำคัญเป็นรายสินค้าทั้งในส่วนของกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ เพื่อสร้างทีมทำงานที่มีความเป็นเอกภาพและไร้รอยต่อมากที่สุด

ทั้งนี้ แนวทางบูรณาการระหว่างทั้ง 2 กระทรวงจะครอบคลุมทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูลการผลิตและการตลาด เพื่อวางแผนการบริหารจัดการสินค้าเกษตรสำคัญเป็นรายสินค้า การสื่อสารข้อมูลไปสู่เกษตรกรรายย่อยถึงความต้องการของตลาด การพยากรณ์ วิเคราะห์ และเตือนภัยที่จำเป็นต่อการเพาะปลูก การส่งเสริมศักยภาพทางการค้าของเกษตรกร อาทิ ความร่วมมือพัฒนาสถาบันเกษตรกรให้เป็นกลไกทางการค้าของท้องถิ่น การสร้างแรงจูงใจเหนี่ยวนำการพัฒนาคุณภาพสินค้าให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล เพื่อสร้างความพร้อมรองรับการขยายโอกาสทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศที่กว้างยิ่งขึ้น อาทิ การนำสินค้าของกลุ่มสหกรณ์และผลผลิตของเกษตรกรรายย่อยมาวางจำหน่าย ณ ร้านธงฟ้าประชารัฐ ร้านโชห่วย และการสร้างเครือข่ายกับห้างค้าปลีกค้าส่ง  รายใหญ่ รวมทั้งสร้างความตระหนักรู้และเพิ่มความสามารถในการปรับตัวรองรับมาตรการทางการค้าและมาตรฐาน  

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า การค้าใหม่ ๆ นอกจากนั้นจะยกระดับมูลค่าสินค้าสู่เกษตรยุคใหม่ อาทิ สินค้าเกษตรอินทรีย์ โดยเริ่มปรับเปลี่ยนวิถีการผลิตไปสู่ระบบอาหารปลอดภัยและเกษตรอินทรีย์ และการตรวจรับรองตามหลักมาตรฐานสากล รวมถึงการสร้างความมั่นใจในสินค้าเพื่อกระตุ้นความต้องการของผู้บริโภค ตลอดจนพัฒนาสู่สินค้าเกษตรนวัตกรรม โดยเฉพาะสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีชีวภาพ ซึ่งจะนำพาเกษตรกรรายย่อยในห่วงโซ่ให้มีรายได้สูงขึ้นและเปลี่ยนผ่านสู่ การผลิตสีเขียวตามวิสัยทัศน์  Bio Economy


ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรฯ จะร่วมกันวางแผนการผลิตโดยใช้การตลาดเป็นตัวนำ เพื่อรักษาเสถียรภาพด้านราคาและตลาด  โดยเชื่อมั่นว่าการบริหารจัดการสินค้าเกษตรตลอดทั้งห่วงโซ่จะมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตั้งแต่การวางแผนการผลิต การบริหารจัดการสตอก การแปรรูป และการตลาด รวมทั้งสามารถสะท้อนข้อมูลย้อนกลับไปสู่เกษตรกรในพื้นที่ เพื่อปรับเปลี่ยนการวางแผนเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจที่เหมาะสมได้ล่วงหน้า ทั้งนี้ กลไกบริหารจัดการภาคการเกษตรทั้งในส่วนกลาง ระดับพื้นที่ และกลุ่มจังหวัดของทั้ง 2 กระทรวง ต้องขับเคลื่อนแบบบูรณาการร่วมกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น อีกทั้งเชื่อมโยงกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อนำพาภาคการเกษตรของไทยก้าวสู่ความเป็นภาคการเกษตรสมัยใหม่ชั้นนำของโลก สามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้น สร้างอาชีพ และกระจายโอกาสให้แก่เกษตรกรไทยในทุกมิติกันต่อไป

ทั้งนี้ เชื่อว่าการทำงานร่วมกันทั้ง 2 กระทรวงครั้งนี้ นอกจากปรับคนแล้วจะจะปรับฐานข้อมูลของทั้ง 2 หน่วยงานที่มีจำนวนมากให้เป็นฐานข้อมูลเชื่อมโยงกัน เพื่อนำฐานข้อมูลไปทำความเข้าใจกับเกษตรกรทั้งประเทศว่าควรจะเพาะปลูกพืชไร่ปีต่อไปอย่างไร ราคาจะดีแค่ไหน และเพาะปลูกตามความต้องการของตลาด ทำให้สินค้าเกษตร เช่น ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์ม มีราคาที่เสถียรภาพทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นไปตามกลไกตลาดมากขึ้น แม้ว่าการทำงานร่วมกันครั้งนี้จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทั้งหมด แต่ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะยกระดับการทำงานร่วมกันเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและยกระดับสินค้าเกษตรให้ดีขึ้นในระยะยาว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

สภาถกงบฯ 69 วันที่ 2 “ปชน.” ซัดงบ ก.เกษตรฯ ไม่ตอบโจทย์

รัฐสภา 14 ส.ค.- สภาฯ ถกร่าง พ.ร.บ.งบฯ 69 วันที่ 2 “สส.ปชน.” ซัดงบกระทรวงเกษตรฯ ไม่ตอบโจทย์คนไทย ดูดีบนกระดาษ แต่ใช้ในชีวิตจริงของเกษตรกรไม่ได้ ข้องใจ ทำไมต้องทำโครงการตลาดกลางที่พะเยา ทั้งที่มูลค่าส่งออกแพ้เชียงราย-น่าน เสี่ยงผูกขาด หรือเป็นเหตุผลทางการเมือง ฉะ “ล้งแห่งชาติ” ของ อ.ต.ก. ล้มเหลวงตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วาระ 2 – 3 เป็นวันที่ 2 โดยพิจารณามาตรา 14 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานในกำกับ โดยนายวิทวิสิทธิ์ ปันสวนปลูก สส.ลำพูน พรรคประชาชน อภิปรายงบประมาณในส่วนขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร(อ.ต.ก.) ว่า มีสองโครงการที่ไม่ตอบโจทย์ให้กับคนไทยทั้งประเทศ และเสี่ยงต่อการใช้เงินภาษีอย่างไม่คุ้มค่า เสี่ยงต่อการล้มเหลวของโครงการ ได้แก่โครงการตลาดกลางที่ จ.พะเยา และโครงการล้งแห่งชาติ […]

มทภ.2 เผย “ในหลวง” ทรงติดตามกองทัพสู้ศึกชายแดน ถวายรายงานทุกวัน

สาธิตเกษตร 14 ส.ค.- “แม่ทัพภาค 2” บรรยายพิเศษ รร.สาธิต ม.เกษตรฯ เผย “ในหลวง” องค์จอมทัพไทย ทรงติดตามกองทัพ สู้ศึกชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุถวายรายงานสถานการณ์ทุกวัน พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมด้วย พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ร่วมบรรยายพิเศษสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาและบทบาทหน้าที่ของกองทัพบก และคนไทยทุกคน พล.ท.บุญสิน เล่าถึงสถานการณ์ทหารแนวหน้าให้เด็กๆ ฟัง พี่เขาฝากมาว่า หากพี่น้องคนไทยสู้ ลูกหลานเราสู้ พี่ๆ ทหารก็สู้ พี่ๆ ทหารฝากบอกว่าไม่ต้องห่วงพวกผม ขอเพียงกำลังใจจากคนไทยเท่านั้น นี่คือทหารไทย เมื่อถึงเวลามีจิตวิญญาณของพระนเรศวร พวกเราไม่ต้องหวังว่าสถานการณ์ทหารไทยจะสู้หรือไม่ ชัดเจนอยู่แล้ว เพื่อแผ่นดินที่บรรพบุรุษได้รักษาไว้ เราจะต้องปกป้อง ใครรุกล้ำดินแดนของเรา ต้องผลักดันออกไป ยืนยันว่าเราไม่ได้รุกล้ำประเทศอื่น เรารบในประเทศไทยทั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยอยู่ตลอดเวลา ท่านได้สอบถามสถานการณ์ไปที่แม่ทัพทุกวัน โดยกองงานของพระองค์ ได้สอบถามสถานการณ์จากแม่ทัพ และได้รายงานทุกวัน สิ่งเหล่านี้คือจอมทัพไทย และตั้งแต่ประวัติศาสตร์พระมหากษัตริย์ทรงเป็นองค์นำกองทัพ และปัจจุบันก็ยังเป็นเช่นเดิม ดังนั้นทหารทุกคนพร้อมสละชีพเพื่อชาติทุกคน […]

รวบ “จอนนี่ มือปราบ” พร้อมพวกตามหมายจับคดีรุกป่า

14 ส.ค.- “บิ๊กเต่า” บุกรวบ “จอนนี่ มือปราบ” พร้อมเมียและพวก ตามหมายจับศาลอาญาทุจริตภาค 3 กรณีรุกที่ดินนิคมลำโดมน้อย สร้างรีสอร์ต เมื่อวันที่ 14 ส.ค. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก. และ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ในจังหวัดอุบลราชธานี เข้าควบคุมตัวนายยุทธพล ศรีสมพงษ์ และนางสาวจิราพร สีบุระ ภรรยา พร้อมพวก ตามหมายจับศาลอาญาทุจริตภาค 3 ในความผิด ม.157 ซึ่งบัญญัติว่าด้วยความผิดของเจ้าพนักงานที่ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต โดยพฤติการณ์ของผู้ต้องหา เมื่อปี 2564 นายยุทธพล (จอนนี่) และภรรยา ได้ทำการซื้อที่ดินว่างไม่มีเอกสารสิทธิใน ต.คำเขื่อนแก้ว จ.อุบลราชธานี และก่อสร้างรีสอร์ตโดยไม่ขออนุญาต ซึ่งทางนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อยแจ้งว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่าไม้ส่วนกลาง 20% ต้องได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการจัดที่ดินฯ แต่ทั้งสองยังคงดำเนินการร่วมกับผู้ใหญ่บ้าน จัดประชาคมและรับรองเท็จว่าที่ดินไม่มีข้อพิพาท ไม่อยู่ในเขตป่าสงวน พร้อมแก้ไขเอกสารเพื่อปกปิดข้อเท็จจริง รวมถึงเจ้าหน้าที่ อบต. ได้รับรองสิ่งปลูกสร้างแม้ทราบว่าไม่ได้รับอนุญาต […]

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน-ตอ.-ใต้ตะวันตก ฝนฟ้าคะนอง

กรุงเทพฯ 14 ส.ค. – กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณ จ.บึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชน โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดบึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาว และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร […]