2 กระทรวงเศรษฐกิจประกาศร่วมมือแก้ปัญหาเกษตร

นนทบุรี 22 ธ.ค. – กระทรวงพาณิชย์จับมือกระทรวงเกษตรฯ  สร้างกลไกบริหารจัดการสินค้าเกษตรแบบบูรณาการ เดินหน้าปรับกระบวนทัศน์  “การตลาดนำการผลิต” ตามแนวทางประชารัฐ พลิกโฉมสู่ความเป็นภาคเกษตรสมัยใหม่ชั้นนำของโลกและยกระดับสินค้าเกษตรไทย



นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายกกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยผู้บริหารทั้ง 2 กระทรวงประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อร่วมกันจัดทำแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาค พร้อมมอบนโยบาย “มิติใหม่การบูรณาการร่วมพาณิชย์-เกษตร” ให้แก่เกษตรและสหกรณ์จังหวัด เกษตรจังหวัด พาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อบูรณาการการทำงานทั้ง 2 กระทรวงร่วมจัดทำแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้เกิดการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและผลมากที่สุดต่อเกษตรกร และผู้ประกอบการไทยทั้งประเทศ ตามแนวทางพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีต้องการให้มีการบูรณาการการทำงานของหน่วยงาน เพื่อพัฒนาภาคเกษตรกรรมของไทยสู่การเป็นภาคเกษตรชั้นนำของโลกโดยใช้การตลาดนำการผลิต ทั้งนี้ มั่นใจว่าการทำงานแบบบูรณาการอย่างใกล้ชิดระหว่างหน่วยงานที่ดูแลภาคการผลิตและหน่วยงานด้านการตลาดเป็นนิมิตหมายที่ดีในการบริหารจัดการสินค้าเกษตรให้เป็นไปอย่างมีเสถียรภาพยิ่งขึ้นทั้งด้านราคาและตลาด และจะนำไปสู่การพลิกโฉมสู่ภาคเกษตร 4.0 ที่เป็นรูปธรรมได้อย่างแน่นอน


อย่างไรก็ตาม จากนี้ไปประเทศไทยจะเปลี่ยนจากการผลักดันสินค้าเกษตรซึ่งเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ไปสู่สินค้าเชิงนวัตกรรม หมายความว่า จะไม่ผลิตเพื่อขายกันแบบสด ๆ เหมือนที่ผ่านมาเพียงอย่างเดียว เช่น ปลูกข้าวก็จะไม่ขายแบบข้าวเปลือกอย่างเดียว แต่จะแปรรูปเพิ่มมูลค่าเริ่มตั้งแต่พันธุ์พืชที่ปลูกจะต้องมีการวิจัยพัฒนา เช่น ข้าวที่รับประทานแล้วมีสารที่ช่วยป้องกันโรคภัยไข้เจ็บบางประเภท หรือบำรุงร่างกาย โดยสินค้าดังกล่าวต้องมีเรื่องราวและระบุถึงคุณค่าทางโภชนาการ ผูกโยงกับภูมิปัญญาท้องถิ่น ความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรมและเทคโนโลยี เชื่อมโยงสู่การตลาดทั้งระบบดั้งเดิมและการค้าออนไลน์ ตลอดจนสามารถเปลี่ยนจากการเน้น เพียงแค่ภาคการผลิตสินค้าสู่ภาคบริการมากขึ้น อาทิ การเชื่อมโยงภาคเกษตรสู่การท่องเที่ยวชุมชน รวมทั้งจะมีการแต่งตั้งบุคคลทำหน้าที่รับผิดชอบสินค้าเกษตรสำคัญเป็นรายสินค้าทั้งในส่วนของกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ เพื่อสร้างทีมทำงานที่มีความเป็นเอกภาพและไร้รอยต่อมากที่สุด

ทั้งนี้ แนวทางบูรณาการระหว่างทั้ง 2 กระทรวงจะครอบคลุมทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูลการผลิตและการตลาด เพื่อวางแผนการบริหารจัดการสินค้าเกษตรสำคัญเป็นรายสินค้า การสื่อสารข้อมูลไปสู่เกษตรกรรายย่อยถึงความต้องการของตลาด การพยากรณ์ วิเคราะห์ และเตือนภัยที่จำเป็นต่อการเพาะปลูก การส่งเสริมศักยภาพทางการค้าของเกษตรกร อาทิ ความร่วมมือพัฒนาสถาบันเกษตรกรให้เป็นกลไกทางการค้าของท้องถิ่น การสร้างแรงจูงใจเหนี่ยวนำการพัฒนาคุณภาพสินค้าให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล เพื่อสร้างความพร้อมรองรับการขยายโอกาสทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศที่กว้างยิ่งขึ้น อาทิ การนำสินค้าของกลุ่มสหกรณ์และผลผลิตของเกษตรกรรายย่อยมาวางจำหน่าย ณ ร้านธงฟ้าประชารัฐ ร้านโชห่วย และการสร้างเครือข่ายกับห้างค้าปลีกค้าส่ง  รายใหญ่ รวมทั้งสร้างความตระหนักรู้และเพิ่มความสามารถในการปรับตัวรองรับมาตรการทางการค้าและมาตรฐาน  

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า การค้าใหม่ ๆ นอกจากนั้นจะยกระดับมูลค่าสินค้าสู่เกษตรยุคใหม่ อาทิ สินค้าเกษตรอินทรีย์ โดยเริ่มปรับเปลี่ยนวิถีการผลิตไปสู่ระบบอาหารปลอดภัยและเกษตรอินทรีย์ และการตรวจรับรองตามหลักมาตรฐานสากล รวมถึงการสร้างความมั่นใจในสินค้าเพื่อกระตุ้นความต้องการของผู้บริโภค ตลอดจนพัฒนาสู่สินค้าเกษตรนวัตกรรม โดยเฉพาะสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีชีวภาพ ซึ่งจะนำพาเกษตรกรรายย่อยในห่วงโซ่ให้มีรายได้สูงขึ้นและเปลี่ยนผ่านสู่ การผลิตสีเขียวตามวิสัยทัศน์  Bio Economy


ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรฯ จะร่วมกันวางแผนการผลิตโดยใช้การตลาดเป็นตัวนำ เพื่อรักษาเสถียรภาพด้านราคาและตลาด  โดยเชื่อมั่นว่าการบริหารจัดการสินค้าเกษตรตลอดทั้งห่วงโซ่จะมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตั้งแต่การวางแผนการผลิต การบริหารจัดการสตอก การแปรรูป และการตลาด รวมทั้งสามารถสะท้อนข้อมูลย้อนกลับไปสู่เกษตรกรในพื้นที่ เพื่อปรับเปลี่ยนการวางแผนเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจที่เหมาะสมได้ล่วงหน้า ทั้งนี้ กลไกบริหารจัดการภาคการเกษตรทั้งในส่วนกลาง ระดับพื้นที่ และกลุ่มจังหวัดของทั้ง 2 กระทรวง ต้องขับเคลื่อนแบบบูรณาการร่วมกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น อีกทั้งเชื่อมโยงกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อนำพาภาคการเกษตรของไทยก้าวสู่ความเป็นภาคการเกษตรสมัยใหม่ชั้นนำของโลก สามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้น สร้างอาชีพ และกระจายโอกาสให้แก่เกษตรกรไทยในทุกมิติกันต่อไป

ทั้งนี้ เชื่อว่าการทำงานร่วมกันทั้ง 2 กระทรวงครั้งนี้ นอกจากปรับคนแล้วจะจะปรับฐานข้อมูลของทั้ง 2 หน่วยงานที่มีจำนวนมากให้เป็นฐานข้อมูลเชื่อมโยงกัน เพื่อนำฐานข้อมูลไปทำความเข้าใจกับเกษตรกรทั้งประเทศว่าควรจะเพาะปลูกพืชไร่ปีต่อไปอย่างไร ราคาจะดีแค่ไหน และเพาะปลูกตามความต้องการของตลาด ทำให้สินค้าเกษตร เช่น ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์ม มีราคาที่เสถียรภาพทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นไปตามกลไกตลาดมากขึ้น แม้ว่าการทำงานร่วมกันครั้งนี้จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทั้งหมด แต่ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะยกระดับการทำงานร่วมกันเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและยกระดับสินค้าเกษตรให้ดีขึ้นในระยะยาว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]