กรุงเทพฯ 12 ต.ค. – นายสัญชัญ เกตุวรชัย อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า จากการที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าวันที่ 14-15 ตุลาคมนี้จะมีฝนตกอีกครั้ง จึงเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเล โดยวันนี้ระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา 2,297 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งการระบายเท่านี้ถือเป็นอัตราปกติของช่วงฤดูฝนไม่ทำให้เกิดวิกฤติ เพราะการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาที่จังหวัดชัยนาทรับได้ถึง 2,800 – 3,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่กรมฯ จะคงการระบายไม่ให้เกิน 3,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ขณะนี้น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายังอยู่ในลำน้ำล้นตลิ่งเฉพาะที่ลุ่มต่ำมาก ๆ ในอำเภอป่าโมกข์ อ่างทอง บางส่วนของอำเภอเมือง อินทร์บุรี และพรหมบุรี สิงห์บุรี และอำเภอผักไห่ บางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งทุกฝ่ายเข้าใจและเห็นถึงความยากลำบากของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ สิ่งสำคัญที่อยากทำความเข้าใจ คือ แม้จะประสบความยากลำบากจากภาวะน้ำล้นตลิ่งบริเวณที่พักอาศัย แต่คันกั้นน้ำซึ่งอยู่หลังบ้านเรือนริมน้ำเป็นเครื่องมือปกป้องพื้นที่เกษตร ซึ่งยังมีนาอีกจำนวนมากที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยว
ส่วนเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ขณะนี้มีปริมาณน้ำถึงร้อยละ 94 ที่ผ่านมามีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนมาก จึงได้เพิ่มการระบายน้ำจากวันละ 40 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็น 60 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้น้ำในเขื่อนเริ่มลดลงและเพื่อให้มีพื้นที่รองรับฝนใหม่ที่จะมาถึง
สำหรับข้อกังวลของชาวกรุงเทพมหานครและปริมณฑลว่าจะเกิดน้ำท่วมหรือไม่นั้น อธิบดีกรมชลประทานกล่าวว่า แนวทางบริหารจัดการน้ำจะมีการผันน้ำเข้าสู่ระบบชลประทานฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออกตอนท้ายแม่น้ำเจ้าพระยาช่วยลดปริมาณน้ำได้มากและใช้ทั้งประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์และชลหารพิจิตร จังหวัดสมุทรปราการเร่งระบายออกสู่ทะเล จึงไม่ต้องกังวลใด ๆ ที่ผ่านมาเกิดปัญหาน้ำขังในพื้นที่จังหวัดนนทบุรีและปทุมธานี เพราะฝนตกหนักต่อเนื่องไม่ใช่เกิดจากน้ำเหนือที่กรมชลประทานระบายออก.-สำนักข่าวไทย