ปตท.ย้ำการเงินแกร่งพร้อมระดมทุน 2 ล้านล้านบาทใน 5 ปีข้างหน้า

กรุงเทพฯ 18 ธ.ค.  – ปตท.ย้ำการเงินแกร่งพร้อมระดมทุน 2 ล้านล้านบาทใน 5 ปีข้างหน้า จากกำไรปีนี้ที่คาดว่าจะเกินแสนล้านบาท พร้อมตั้ง 3 สมมติฐานราคาน้ำมันปีหน้า เพื่อปรับตัวตามสถานการณ์ 



นางศรีวรรณ เอี่ยมรุ่งโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลยุทธ์องค์กร  บมจ.ปตท. กล่าว่า จากที่ปีนี้คาดว่า ปตท.จะมีกำไรเกิน 100,000 ล้านบาท นับเป็นกำไรระดับนี้เป็นปีที่ 3 หลังจากเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อปี 2544 ซึ่งกำไรที่ดีขึ้นมาจาก 2 ส่วนหลัก ได้แก่ การดำเนินการของกลุ่ม ปตท.ที่มีนโยบายเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนตามนโยบาย DO now และอีกส่วนมาจากสถานกาณ์ตลาดโลก โดยแม้ราคาน้ำมันปีนี้จะไม่ได้สูงกว่าปีที่แล้วมาก แต่จากการเกิดเหตุการณ์สภาพอากาศที่เกิดพายุทอร์นาโดในสหรัฐมีการปิดโรงกลั่น ก็ส่งผลให้มาร์จินของกลุ่มปิโตรเลียมขั้นปลายทั้งในส่วนโรงกลั่นฯ และปิโตรเคมีดีขึ้น


“ผลกำไรของ ปตท.ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ภาครัฐได้ผลปันผลและภาษีมากขึ้นไปด้วย เพราะถือหุ้นใน ปตท. โดยกระทรวงการคลังร้อยละ 51 และกองทุนรวมวายุภักษ์ ถือรวมอีกประมาณ ร้อยละ 15 ซึ่งหลังจากที่ ปตท.ปันผลแล้วประมาณร้อยละ 40 ก็ประเมินว่าจะส่งผลให้ศักยภาพการเงินทั้งจากกระแสเงินสดและความสามารถในการระดมทุนจะทำให้ 5 ปีข้างหน้ามีความสามารถรวม 200,000 ล้านบาท ทำให้กลุ่ม ปตท.มีเม็ดเงินในการลงทุนมากยิ่งขึ้น ส่วนเม็ดเงินลงทุน 5 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไรจะนำเสนอบอร์ด ปตท. วันที่ 22 ธันวาคมนี้” นางศรีวรรณ กล่าว

สำหรับปี 2561 ปตท.ตั้ง 3 สมมติฐานสำหรับราคาน้ำมันเพื่อเตรียมพร้อมในการดำเนินการ แม้ว่ากลุ่มโอเปกและนอกโอเปกจะจับมือลดกำลังผลิตต่อถึงสิ้นปี 2561 แบ่งออกเป็น 1.Fossil World  การใช้น้ำมันยังเพิ่มขึ้น ส่วนกำลังผลิตยังมีน้อย เพราะผลจากราคาน้ำมันต่ำต่อเนื่องกว่า 2 ปีที่ผ่าน กำลังผลิตยังมีน้อย ดีมานด์/ ซัพพลายตึงตัว ส่งผลให้ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 60-62 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล 2.Balancing World   หรือ possible world เป็นกลไกของโลกที่สหรัฐอมริกาจะผลิตน้ำมันเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะน้ำมันจากหินดินดาน (shale oil ) ประกอบกับโลกมีน้ำมันสำรองจำนวนมาก หากผลิตออกมามากคาดว่าราคาน้ำมันปีหน้าจะใกล้เคียงกับปีนี้ที่คาดว่าจะปิดที่ 52 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยปีหน้าคาดว่าราคาจะอยู่ที่ 50-52 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล  และ 3.Technology Breakthrough เป็นราคาน้ำมันที่ได้รับผลกระทบจากเทคโนโลยีใหม่อย่างรวดเร็ว หรือ Disruptive technology เช่น ยานยนต์ไฟฟ้าหรืออีวี ในส่วนนี้จะทำให้ ราคาน้ำมันต่ำระยะยาวได้ ราคาน้ำมันก็คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 40-50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล/

นางศรีวรรณ กล่าวว่า ปตท.เตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีใหม่ที่จะเกิดขึ้น รวมทั้ง 3 ผันผวนภายใต้นโยบาย PTT 3 D ได้แก่ 1.DO NOW ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ ลดต้นทุน ซึ่งปัจจุบันกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมีก็ได้ดำเนินการอยู่แล้วทำระยะสั้น 1-2 ปี เช่น  โครงการ MAX ของ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) , EVEREST  ของบมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) ,โครงการ SAVE to be SAFE  บมจ. ปตท.สผ. และโครงการ Transcendent บมจ. ไทยออยล์ ขณะที่การลงทุนเหมืองถ่านหิน ก็ลดต้นทุได้ดี ประกอบกับราคาถ่านหินปีนี้ดีขึ้น ทำให้ผลประกอบการของ ปตท.ดีขึ้น


2.DECIDE NOW  เป็นการมองระยะกลาง ซึ่งเป็นการมองหาโอกาสขยายการเติบโตและต่อยอดธุรกิจที่มีอยู่ต้องเร่งตัดสินใจลงทุนก่อนที่ระยะยาวโลกจะใช้ฟอสซิลน้อยลง เช่น โครงการขยายกำลังผลิตของไทยออยล์ที่เรียกว่า “กรีนด์ฟิลด์” โครงการเรโทรฟิตของพีทีทีจีซี โครงการแอลเอ็นจีทั้งในส่วนคลังต่าง ๆ ในประเทศของ ปตท. รวมถึงการลงทุนเกี่ยวเนื่องกับแอลเอ็นจีในต่างประเทศเป็นโครงการที่ตัดสินใจลงทุนบนความเก่งบนทรัพย์สินที่มีอยู่ในปัจจุบัน

3.DESIGN NOW เป็นการเร่งสร้างธุรกิจใหม่ รองรับ DISRUPTIVE TECHNOLOGY ซึ่ง ปตท.ได้ปรับโครงสร้างมี CTO หรือประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านเทคโนโลยี มีกลุ่มเอสเพรสโซ่ เพื่อดูเรื่องนี้โดยเฉพาะจะมีการร่วมลงทุนให้เพิ่มมากขึ้น โดยในส่วนของระบบกักเก็บพลังงาน หรือ ENERGY STORAGE จะมีพันธมิตรใหม่เพิ่มจากปัจจุบันลงทุนใน 24 M ของสหรัฐไปแล้ว รวมทั้งจะดูถึงธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับไฟฟ้าต่อยอดไปยังธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และมองถึงสมาร์ทซิตี้ว่าจะมีการพัฒนาโอกาสใหม่ได้อย่างไร 

“ที่ลงทุนและเร่งหาโอกาสแน่ คือ ธุรกิจเกี่ยวเนื่องแอลเอ็นจี เพราะโลกมีสำรองแยอะมากกระจายไปทุกทวีปทั่วโลก ไม่เหมือนน้ำมันที่กระจุกตัวในตะวันออกกลาง และก๊าซสามารถขนส่งทั้งรูปของเหลวและ ของแข็ง ปตท.สามารถจัดหามาป้อนความต้องการของไทยและทั่วโลก เรียกว่าเป็นการกระจายความเสี่ยงด้านการจัดหาไม่เรียกว่ากระจายประเภทเชื้อเพลิง ทั้งเสริมความมั่นคงและ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยก๊าซธรรมชาติเป็นฟอสซิลที่เติบโตสูงที่สุด เมื่อเทียบกับน้ำมันและถ่านหิน ส่วนธุรกิจเกี่ยวเนื่องไฟฟ้าจะเป็น new s-curve เพราะเทคโนโลยีใหม่กำลังมา”  นางศรีวรรณ กล่าว

นางศรีวรรณ กล่าวว่า โครงการแอลเอ็นจีใหญ่ที่สุดที่ กลุ่ม ปตท. โดย ปตท.สผ.เข้าลงทุน คือ โครงการโมซัมบิก ซึ่งรัฐบาลให้การสนับสนุน ประกอบกับทวีปแอฟริกา เป็นฐานเศรษฐกิจที่กำลังเติบโต ทาง ปตท.ให้ความสำคัญ โดยจะนำประสบการณ์ที่ ปตท.ประสบความสำเร็จจากการพัฒนาก๊าซฯ จากอ่าวไทยไปสร้างดำเนินการในแอฟริกา ซึ่งเป็นการมองโอกาสที่จะขยายการลงทุนในรูปแบบอื่น ๆ ได้ด้วย. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ทบ.ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน

กรุงเทพฯ 9 ส.ค. – โฆษก ทบ. ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวนเส้นทาง พื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จ.ศรีสะเกษ บาดเจ็บ 3 นาย สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า วันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กรณีกำลังพลของหน่วยกองร้อยทหารราบที่ 111 เหยียบกับระเบิด ขณะทำการลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ 1. จ่าสิบเอก ธานี พาหา ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกัน บาดเจ็บรุนแรง ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด2. พลทหาร ภาคภูมิ ไชยสุระ ตำแหน่งพลปืนเล็ก บาดเจ็บบริเวณแขนและด้านหลัง3. พลทหาร ธนันชัย ไกรวงค์ […]

จับผับรังสิต

สั่งเด้งผู้การปทุมธานี ขาดจากตำแหน่งเดิม เซ่นจับผับดังรังสิต

8 ส.ค. – โดนด้วย! สั่งเด้งผู้การปทุมธานี โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมพวกอีก 5 นาย เซ่นจับผับดังรังสิต พบฉี่ม่วงเพียบเฉียด 200 คน พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 209/2568 เรื่อง ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ ใจความว่า ด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 มีคำสั่งที่ 208/2568 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2568 แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 01.00 น. ชุดปฏิบัติการ พิเศษกรมการปกครอง ได้มีการจัดระเบียบสังคม โดยเปิดปฏิบัติการ (Zero Drug) โดยนำกำลังเข้าทำการ ตรวจสอบและจับกุมสถานบริการ ชื่อ ร้าน “Skin […]

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 กำชับกำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง หลังทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด

10 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 กำชับกำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง หลังทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ จากการตรวจสอบพบเป็นทุ่นใหม่ ถูกวางไว้ช่วงทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานป้องกันการเข้าโจมตีของไทย ไม่ใช่การลอบนำมาวางใหม่หลังถอนกำลัง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยภายหลังการรับมอบสิ่งของช่วยเหลือทหารและเจ้าหน้าที่ตามแนวชายแดน จากภาครัฐและเอกชน ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเจ้าหน้าที่ทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ เมื่อวานว่า จากการตรวจสอบพบว่าเป็นทุ่นใหม่ที่ถูกวางไว้ช่วงทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานเพื่อป้องกันการเข้าโจมตีของไทย ก่อนที่จะถอนกำลังออกไป ไม่ใช่การลอบนำมาวางใหม่หลังถอนกำลัง จึงสั่งการให้ทุกหน่วยเพิ่มความระมัดระวัง พร้อมใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักร เช่น รถไถ รถตักในการเคลียร์เส้นทางและค้นหาทุ่นระเบิดบุคคล เพื่อป้องกันไม่ให้กำลังพลได้รับอันตรายซ้ำ สำหรับพื้นที่แนวปะทะที่มีการวางกำลังของทหารกัมพูชายังถือว่าไม่ปลอดภัยสำหรับทหาร เนื่องจากมีการวางระเบิดไว้มาก ส่วนพื้นที่ชาวบ้านซึ่งอยู่นอกแนวชายแดนลึกเข้ามา ไม่น่าเป็นห่วงจากทุ่นระเบิดบุคคล แต่ยังมีความเสี่ยงจากจรวดที่ยิงเข้ามาแล้วไม่ระเบิด หากประชาชนพบเห็นให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที ห้ามเข้าไปจับ ดึง หรือเก็บเอง อย่างไรก็ตาม พื้นที่ส่วนใหญ่ เช่น ภูมะเขือ อานม้า ซำแปร และตาเมือนธม ไทยสามารถครอบครองได้ […]

นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องชาติมากถึง 75%

กทม. 10 ส.ค.-นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องผลประโยชน์ชาติ จากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา มากถึง 75% แนะเปิดเจรจาทางการทูตสองฝ่ายจริงจัง รวมทั้งเห็นว่าไม่ควรรับผู้ป่วยชาวกัมพูชาทุกคน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ไปต่อแบบไหนดี” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 4-5 สิงหาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เกี่ยวกับความไว้วางใจและความพอใจต่อบทบาทของภาคส่วนต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา พบว่า -กองทัพ ตัวอย่าง ร้อยละ 75.73 ระบุว่า ไว้วางใจมาก รองลงมา ร้อยละ 19.31 ระบุว่า ค่อนข้างไว้วางใจ ร้อยละ 3.66 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ ร้อยละ 1.07 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย และร้อยละ 0.23 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ -กระทรวงการต่างประเทศ ตัวอย่าง ร้อยละ 41.76 […]

พบหลุมระเบิดที่กัมพูชายิงใส่ไทย 824 หลุม ใน 4 จังหวัดชายแดน

กทม. 10 ส.ค.-เพจกองทัพบก ทันกระแส โพสต์เจ้าหน้าที่ EOD เข้าเก็บกู้ระเบิด พบหลุมระเบิดที่เกิดจากฝีมือกัมพูชามากถึง 824 หลุม ใน 4 จังหวัดชายแดนไทย ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่พลเรือนและโรงพยาบาล เพจเฟซบุ๊ก “กองทัพบก ทันกระแส” โพสต์ว่า เจ้าหน้าที่ EOD เข้าพื้นที่เก็บกู้ระเบิด พบหลุมระเบิดที่เกิดจากฝีมือกัมพูชามากถึง 824 หลุม ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่พลเรือนและโรงพยาบาล ซึ่งสร้างความเสียหายและความหวาดกลัวให้ประชาชน ที่กำลังทยอยกลับเข้าพื้นที่เพื่อสำรวจความเสียหายของบ้านพักอาศัย ข้อมูลที่เพจโพสต์แสดงให้เห็นถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นใน 4 จังหวัดชายแดน ได้แก่ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ซึ่งเป็นผลจากการยิงอาวุธของกัมพูชาใส่เป้าหมายพลเรือน ทำให้ประชาชนในพื้นที่ต้องอพยพหนีภัยสงคราม และหากสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลง ประชาชนเริ่มกลับเข้าสู่พื้นที่ตนเอง แต่ต้องเผชิญกับอันตรายจากระเบิดที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ EOD ทำงานอย่างหนัก เพื่อเร่งเก็บกู้ระเบิดให้แล้วเสร็จ เพื่อให้ประชาชนได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยในบ้านของตนเองอีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย

ชวนชมดวงไฟประดับรอบกรุงเทพฯ วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม

ทำเนียบ 10 ส.ค.-รัฐบาลเชิญชวนชมความงดงามของดวงไฟประดับรอบกรุงเทพฯ ในโอกาสเฉลิมพระเกียรติ วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง วันที่ 12 สิงหาคมของทุกปี (วันแม่แห่งชาติ) กรมทางหลวงชนบท (ทช.) และ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง ร่วมใจกัน ติดตั้งไฟประดับทั้ง 2 ข้างทาง เพื่อเฉลิมพระเกียรติและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ขอเชิญชวนประชาชนได้ร่วมสัมผัสความงดงามของดวงไฟประดับ เนื่องในโอกาสมหามงคลนี้ โดยการไฟฟ้านครหลวง ได้ดำเนินการติดตั้งไฟประดับจำนวนกว่า 2 ล้านดวง เพื่อประดับในสถานที่ต่าง ๆ ได้แก่ พระที่นั่งอัมพรสถาน วังศุโขทัย พระบรมมหาราชวัง บริเวณท้องสนามหลวง รอบพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน วังสระปทุม พระที่นั่งอนันตสมาคม ลานพระบรมรูปทรงม้า สนามเสือป่า ทำเนียบองคมนตรี กระทรวงมหาดไทย ถนนราชดำเนินใน ถนนราชดำเนินกลาง ถนนราชดำเนินนอก ถนนศรีอยุธยา ตั้งแต่วันนี้ – […]