ปตท.ย้ำการเงินแกร่งพร้อมระดมทุน 2 ล้านล้านบาทใน 5 ปีข้างหน้า

กรุงเทพฯ 18 ธ.ค.  – ปตท.ย้ำการเงินแกร่งพร้อมระดมทุน 2 ล้านล้านบาทใน 5 ปีข้างหน้า จากกำไรปีนี้ที่คาดว่าจะเกินแสนล้านบาท พร้อมตั้ง 3 สมมติฐานราคาน้ำมันปีหน้า เพื่อปรับตัวตามสถานการณ์ 



นางศรีวรรณ เอี่ยมรุ่งโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลยุทธ์องค์กร  บมจ.ปตท. กล่าว่า จากที่ปีนี้คาดว่า ปตท.จะมีกำไรเกิน 100,000 ล้านบาท นับเป็นกำไรระดับนี้เป็นปีที่ 3 หลังจากเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อปี 2544 ซึ่งกำไรที่ดีขึ้นมาจาก 2 ส่วนหลัก ได้แก่ การดำเนินการของกลุ่ม ปตท.ที่มีนโยบายเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนตามนโยบาย DO now และอีกส่วนมาจากสถานกาณ์ตลาดโลก โดยแม้ราคาน้ำมันปีนี้จะไม่ได้สูงกว่าปีที่แล้วมาก แต่จากการเกิดเหตุการณ์สภาพอากาศที่เกิดพายุทอร์นาโดในสหรัฐมีการปิดโรงกลั่น ก็ส่งผลให้มาร์จินของกลุ่มปิโตรเลียมขั้นปลายทั้งในส่วนโรงกลั่นฯ และปิโตรเคมีดีขึ้น


“ผลกำไรของ ปตท.ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ภาครัฐได้ผลปันผลและภาษีมากขึ้นไปด้วย เพราะถือหุ้นใน ปตท. โดยกระทรวงการคลังร้อยละ 51 และกองทุนรวมวายุภักษ์ ถือรวมอีกประมาณ ร้อยละ 15 ซึ่งหลังจากที่ ปตท.ปันผลแล้วประมาณร้อยละ 40 ก็ประเมินว่าจะส่งผลให้ศักยภาพการเงินทั้งจากกระแสเงินสดและความสามารถในการระดมทุนจะทำให้ 5 ปีข้างหน้ามีความสามารถรวม 200,000 ล้านบาท ทำให้กลุ่ม ปตท.มีเม็ดเงินในการลงทุนมากยิ่งขึ้น ส่วนเม็ดเงินลงทุน 5 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไรจะนำเสนอบอร์ด ปตท. วันที่ 22 ธันวาคมนี้” นางศรีวรรณ กล่าว

สำหรับปี 2561 ปตท.ตั้ง 3 สมมติฐานสำหรับราคาน้ำมันเพื่อเตรียมพร้อมในการดำเนินการ แม้ว่ากลุ่มโอเปกและนอกโอเปกจะจับมือลดกำลังผลิตต่อถึงสิ้นปี 2561 แบ่งออกเป็น 1.Fossil World  การใช้น้ำมันยังเพิ่มขึ้น ส่วนกำลังผลิตยังมีน้อย เพราะผลจากราคาน้ำมันต่ำต่อเนื่องกว่า 2 ปีที่ผ่าน กำลังผลิตยังมีน้อย ดีมานด์/ ซัพพลายตึงตัว ส่งผลให้ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 60-62 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล 2.Balancing World   หรือ possible world เป็นกลไกของโลกที่สหรัฐอมริกาจะผลิตน้ำมันเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะน้ำมันจากหินดินดาน (shale oil ) ประกอบกับโลกมีน้ำมันสำรองจำนวนมาก หากผลิตออกมามากคาดว่าราคาน้ำมันปีหน้าจะใกล้เคียงกับปีนี้ที่คาดว่าจะปิดที่ 52 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยปีหน้าคาดว่าราคาจะอยู่ที่ 50-52 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล  และ 3.Technology Breakthrough เป็นราคาน้ำมันที่ได้รับผลกระทบจากเทคโนโลยีใหม่อย่างรวดเร็ว หรือ Disruptive technology เช่น ยานยนต์ไฟฟ้าหรืออีวี ในส่วนนี้จะทำให้ ราคาน้ำมันต่ำระยะยาวได้ ราคาน้ำมันก็คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 40-50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล/

นางศรีวรรณ กล่าวว่า ปตท.เตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีใหม่ที่จะเกิดขึ้น รวมทั้ง 3 ผันผวนภายใต้นโยบาย PTT 3 D ได้แก่ 1.DO NOW ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ ลดต้นทุน ซึ่งปัจจุบันกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมีก็ได้ดำเนินการอยู่แล้วทำระยะสั้น 1-2 ปี เช่น  โครงการ MAX ของ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) , EVEREST  ของบมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) ,โครงการ SAVE to be SAFE  บมจ. ปตท.สผ. และโครงการ Transcendent บมจ. ไทยออยล์ ขณะที่การลงทุนเหมืองถ่านหิน ก็ลดต้นทุได้ดี ประกอบกับราคาถ่านหินปีนี้ดีขึ้น ทำให้ผลประกอบการของ ปตท.ดีขึ้น


2.DECIDE NOW  เป็นการมองระยะกลาง ซึ่งเป็นการมองหาโอกาสขยายการเติบโตและต่อยอดธุรกิจที่มีอยู่ต้องเร่งตัดสินใจลงทุนก่อนที่ระยะยาวโลกจะใช้ฟอสซิลน้อยลง เช่น โครงการขยายกำลังผลิตของไทยออยล์ที่เรียกว่า “กรีนด์ฟิลด์” โครงการเรโทรฟิตของพีทีทีจีซี โครงการแอลเอ็นจีทั้งในส่วนคลังต่าง ๆ ในประเทศของ ปตท. รวมถึงการลงทุนเกี่ยวเนื่องกับแอลเอ็นจีในต่างประเทศเป็นโครงการที่ตัดสินใจลงทุนบนความเก่งบนทรัพย์สินที่มีอยู่ในปัจจุบัน

3.DESIGN NOW เป็นการเร่งสร้างธุรกิจใหม่ รองรับ DISRUPTIVE TECHNOLOGY ซึ่ง ปตท.ได้ปรับโครงสร้างมี CTO หรือประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านเทคโนโลยี มีกลุ่มเอสเพรสโซ่ เพื่อดูเรื่องนี้โดยเฉพาะจะมีการร่วมลงทุนให้เพิ่มมากขึ้น โดยในส่วนของระบบกักเก็บพลังงาน หรือ ENERGY STORAGE จะมีพันธมิตรใหม่เพิ่มจากปัจจุบันลงทุนใน 24 M ของสหรัฐไปแล้ว รวมทั้งจะดูถึงธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับไฟฟ้าต่อยอดไปยังธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และมองถึงสมาร์ทซิตี้ว่าจะมีการพัฒนาโอกาสใหม่ได้อย่างไร 

“ที่ลงทุนและเร่งหาโอกาสแน่ คือ ธุรกิจเกี่ยวเนื่องแอลเอ็นจี เพราะโลกมีสำรองแยอะมากกระจายไปทุกทวีปทั่วโลก ไม่เหมือนน้ำมันที่กระจุกตัวในตะวันออกกลาง และก๊าซสามารถขนส่งทั้งรูปของเหลวและ ของแข็ง ปตท.สามารถจัดหามาป้อนความต้องการของไทยและทั่วโลก เรียกว่าเป็นการกระจายความเสี่ยงด้านการจัดหาไม่เรียกว่ากระจายประเภทเชื้อเพลิง ทั้งเสริมความมั่นคงและ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยก๊าซธรรมชาติเป็นฟอสซิลที่เติบโตสูงที่สุด เมื่อเทียบกับน้ำมันและถ่านหิน ส่วนธุรกิจเกี่ยวเนื่องไฟฟ้าจะเป็น new s-curve เพราะเทคโนโลยีใหม่กำลังมา”  นางศรีวรรณ กล่าว

นางศรีวรรณ กล่าวว่า โครงการแอลเอ็นจีใหญ่ที่สุดที่ กลุ่ม ปตท. โดย ปตท.สผ.เข้าลงทุน คือ โครงการโมซัมบิก ซึ่งรัฐบาลให้การสนับสนุน ประกอบกับทวีปแอฟริกา เป็นฐานเศรษฐกิจที่กำลังเติบโต ทาง ปตท.ให้ความสำคัญ โดยจะนำประสบการณ์ที่ ปตท.ประสบความสำเร็จจากการพัฒนาก๊าซฯ จากอ่าวไทยไปสร้างดำเนินการในแอฟริกา ซึ่งเป็นการมองโอกาสที่จะขยายการลงทุนในรูปแบบอื่น ๆ ได้ด้วย. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชนแล้วหนี! 2 หนุ่มกลัวถูกจับดึงสลักระเบิดดับ

2 หนุ่มชนแล้วหนี โบกรถมาขึ้นสามล้อเครื่อง ตำรวจตามกระชั้นชิด ตัดสินใจดึงสลักระเบิด แต่สะดุดล้มระเบิดตูมสนั่นดับ 1 ส่วนอีกคน ถูกจับโดยละม่อม

“ไบเดน” เปิดทำเนียบขาวต้อนรับ “ทรัมป์” ถกถ่ายโอนอำนาจ

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐเปิดห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาวหารือนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดี ซึ่งต่างให้คำมั่นการถ่ายโอนอำนาจจะเป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด

“อี้ แทนคุณ” เผยคดีใหม่ “ฟิล์ม” ชวนลงทุนคล้าย forex เสียหายกว่า 60 ล้าน

“อี้ แทนคุณ” เผยคดีใหม่ “ฟิล์ม รัฐภูมิ” ชักชวนลงทุนในดูไบ คล้าย forex ความเสียหายกว่า 60 ล้านบาท ขณะที่อีกฝ่ายอ้างนำเงินไปลงทุนจริงแต่ขาดทุน

ข่าวแนะนำ

“เจ๊พัช” ขอโทษรัฐมนตรีน้ำ ยืนยันไม่รู้จักส่วนตัว

“กฤษอนงค์” โพสต์ขออภัยรัฐมนตรีน้ำและคุณพ่อ ปมคลิปเสียงแอบอ้าง พร้อมขอน้อมรับผิดไว้แต่เพียงผู้เดียว แจงเป็นการสนทนาแนวทางส่งเสริมอาชีพเท่านั้น

“หนุ่ม กรรชัย” งดเคลียร์ “ฟิล์ม” ย้ำดำเนินคดีถึงที่สุด

“หนุ่ม กรรชัย” ประกาศตัดสัมพันธ์ “ฟิล์ม รัฐภูมิ” ย้ำดำเนินคดีถึงที่สุด งดเคลียร์ ซัดเป็นคนไร้ศักดิ์ศรี ชี้เรื่องนี้ไม่ต้องเตือน ให้ย้อนไปดูที่บ้านได้สั่งสอนหรือไม่

เริ่มแล้ว ประเพณียี่เป็งหรือลอยกระทงเชียงใหม่

ประเพณียี่เป็ง หรือลอยกระทง จ.เชียงใหม่ ปีนี้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งเต็มไปด้วยแสงสีจากแสงไฟที่ประดับไปทั่วเมือง และความงดงามทางวัฒนธรรมมากมาย ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ท่ามกลางอากาศเย็นสบาย