จ.กาญจนบุรี 16 ธ.ค. – กรมธนารักษ์เตรียมเสนอ ครม.พิจารณาออกเหรียญรัชกาลที่ 10 หมุนเวียนใช้ในระบบ 19 ธ.ค.นี้ ยอมรับแนวโน้มการผลิตเหรียญลดลงตามนโยบายสังคมไร้เงินสด
นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า หลังจากกรมธนารักษ์ทูลเกล้าพระราชวินิจฉัยรูปแบบเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชุดใหม่ทั้ง 9 ชนิดราคา ขณะนี้ได้รับราชานุญาตให้กรมธนารักษ์จัดทำเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนตามรูปที่เสนอแล้ว โดยมีรูปแบบชนิดราคาเหมือนเดิมทุกประเภท ด้านหน้าจัดทำเป็น รูปพระฉายาลักษณ์ รัชกาลที่ 10 ด้านหลังเป็นอักษรพระนามย่อ วปร. เตรียมเสนอ ครม.พิจารณาวันที่ 19 ธันวาคมนี้ จากนั้นเตรียมเปิดจ่ายแลกเพื่อใช้จ่ายและทยอยปล่อยเหรียญกษาปณ์ชุดใหม่ประจำรัชกาลที่10 ออกสู่ระบบ
อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า การใช้เหรียญหมุนเวียนในระบบจะมีทั้งเหรียญรัชกาลที่ 9 และเหรียญรัชกาลที่ 10 โดยจะปล่อยให้เหรียญหมดสภาพอายุของเหรียญประมาณ 10 ปี จะไม่มีปัญหาเหรียญประเภทใดประเภทหนึ่งขาดแคลนในตลาด และยังใช้เหรียญกษาปณ์ชุดใหม่หยอดตามเครื่องหยอดเหรียญต่าง ๆ ได้เหมือนเดิม ปัจจุบันกรมธนารักษ์ผลิตเเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนในระบบ 9 ชนิดราคา ประกอบด้วย เหรียญ 10 บาท, เหรียญ 5 บาท, เหรียญ 2 บาท, เหรียญ 1 บาท, 50 สตางค์, 25 สตางค์, 10 สตางค์, 5 สตางค์,1 สตางค์ ประมาณ 30,772 ล้านเหรียญ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 61,723 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังเตรียมจัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกในโอกาสพระบรมราชาภิเษกสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร พระมหากษัตริย์ไทยรัชกาลที่ 10 แห่งราชวงศ์จักรี เมื่อที่ประชุม ครม.ประกาศออกมาชัดเจน
นางนงลักษณ์ ขวัญแก้ว รองอธิบดีกรมธนารักษ์ ยอมรับว่าแนวโน้มการผลิตเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนอาจต้องปรับลดลงเหมือนการผลิตธนบัตรของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จากนโยบาย E-Payment สังคมไร้เงินสด เมื่อใช้จ่ายผ่านระบบออนไลน์ ทำให้ผลิตเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนเริ่มลดลง แต่ยืนยันต้องผลิตให้เพียงพอกับความต้องการของตลาด สำหรับต้นทุนการผลิตเหรียญ 50 สตางค์ลงมายังมีต้นทุนสูงกว่าราคาหน้าเหรียญ แต่เฉลี่ยโดยรวมแล้วยังคุ้มทุนในการผลิต. – สำนักข่าวไทย