กรุงเทพฯ 17 ธ.ค. – คลังเดินหน้าแจกโชคเงินล้านจากการใช้บัตรเดบิต ขยายสิทธิ์ผู้ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ-ร้านธงฟ้า หวังยกระดับเศรษฐกิจไทยสู่การเป็นสังคมไร้เงินสด
นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การแจกโชคจากการใช้บัตรเดบิตเดือนธันวาคม 2560 ขยายสิทธิ์เป็นครั้งแรกไปถึงผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 11.4 ล้านคน ให้สามารถลุ้นโชคได้โดยการใช้จ่ายผ่านบัตร 1 ครั้ง เท่ากับ 1 สิทธิ์ สำหรับผู้ที่ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐซื้อสินค้าหรือวัตถุดิบการเกษตร ไม่รวมค่าใช้จ่ายในสวัสดิการเดินทางผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และเป็นที่น่ายินดีกับผู้มีรายได้น้อยที่ใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คือ คุณเหน็ง คำจำรัส เป็นผู้โชคดีได้รับรางวัลที่ 1 มูลค่า 1 ล้านบาท ส่วนร้านค้าที่ได้รับรางวัลที่ 1 มูลค่า 1 ล้านบาท คือ ร้านคุณสมคิด แก่นนอก ซึ่งเป็นร้านค้าที่รับชำระเงินผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นอกจากนี้ ได้ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์ได้รับรางวัลอื่น ๆ บนเว็บไซต์ www.epayment.go.th โดยธนาคารจะติดต่อผู้มีสิทธิ์ได้รับรางวัลโดยตรงต่อไป
ทั้งนี้ โครงการแจกโชคจากการใช้บัตรเดบิตมีกำหนดการแจกโชคทุกเดือนเป็นระยะเวลา 1 ปี (มิ.ย.60-พ.ค.61) รวมเงินรางวัล 84 ล้านบาท โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งแต่ละเดือนผู้ใช้บัตรเดบิตจะมีรางวัลสูงสุด 1 ล้านบาท 1 รางวัล และรางวัลอื่น ๆ ลดหลั่นกันลงมาตั้งแต่ 100,000 บาท ถึง 2,000 บาท รวมทั้งสิ้น 1,001 รางวัล ส่วนร้านค้าจะมีรางวัลสูงสุด 1 ล้านบาท 1 รางวัล และมีรางวัลย่อยรางวัลละ 30,000 บาท อีก 5-30 รางวัลต่อเดือน
นายพรชัย กล่าวว่า กระทรวงการคลังมอบโชคเงินล้านในโครงการแจกโชคจากการใช้บัตรเดบิตครั้งที่ 7 ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนและผู้ประกอบการลดใช้เงินสดและปรับพฤติกรรมหันมาใช้ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ชำระสินค้าและบริการ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการบริหารจัดการเงินสดในภาพรวมของประเทศ พร้อมทั้งช่วยยกระดับเศรษฐกิจไทยสู่การเป็นสังคมไร้เงินสดในอนาคต โดยตั้งแต่ดำเนินโครงการ มีกระแสตอบรับดีขึ้นต่อเนื่อง โดยจำนวนครั้งการใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตเฉลี่ยต่อเดือนขยายตัวในอัตราสูงและมูลค่าการใช้จ่ายต่อรายการโดยเฉลี่ยลดลง สะท้อนพฤติกรรมของประชาชนที่มีแนวโน้มหันมาใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตในรายการย่อยในชีวิตประจำวันมากขึ้น อีกทั้งมีการกระจายวางเครื่องรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ภายใต้โครงการนี้อย่างต่อเนื่อง.-สำนักข่าวไทย