กรุงเทพฯ 15 ธ.ค.- ผบ.ตร. พร้อม ปปง. นำทีมคืนเงินให้กับผู้เสียหายจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 1.4 ล้านบาท นับเป็นครั้งประวัติศาสตร์ที่อายัดเงินคืนมาได้ ขณะที่เหยื่อ เผย มีโทรศัพท์ปริศนาที่ใช้เบอร์ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ บอกให้โทรไปที่สายด่วน ปปง. กระทั่งรู้ตัวว่าถูกหลอกและได้รับเงินคืน.
พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พร้อมตัวแทนจากธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารไทยพาณิชย์ และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมกันส่งมอบเงินจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถยับยั้งการถอนเงินออกจากบัญชี จำนวน 1,494,329 บาท คืนให้กับผู้เสียหาย 3 คนที่ตกเป็นเหยื่อ โดยเจ้าหน้าที่สามารถยับยั้งและอายัดเงินได้เพียงบางส่วนจากยอดความเสียหายทั้งหมด 3,569,000 บาท ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกที่มีการส่งมอบเงินคืนให้กับผู้เสียหายอย่างเป็นทางการ
สำหรับขบวนการคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว มีผู้ต้องหาถูกออกหมายจับจำนวน 146 คน จับได้ 98 คน ยึดและอายัดทรัพย์ที่ได้จากการก่อเหตุรวม 120 ล้านบาท
ด้านนายเอกพันธ์ ตุ่นแก้ว หนึ่งในผู้เสียหาย เล่าว่า ได้ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรศัพท์มารวมทั้งหมด 4 ครั้ง ครั้งแรกมีผู้โทรมาบอกว่า ตนเองเป็นหนี้เงินกู้ แต่ได้ปฏิเสธไปว่าไม่เป็นความจริง จากนั้นสายที่ 2 มีผู้อ้างว่าเป็นตำรวจ แจ้งว่ามีการกู้เงินจริง ก่อนสอบถามข้อมูลส่วนตัว, ข้อมูลธนาคาร และ ข้อมูลบัตรเครดิต หลังจากนั้นไม่นานมีโทรศัพท์สายที่ 3 โทรมาอ้างว่าเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ โดยสายนี้ย้ำว่าให้โอนเงินไปยังบัญชีหนึ่ง เพื่อทำการตรวจสอบ เนื่องจากเงินดังกล่าวพัวพันกับการค้ายาเสพติดและฟอกเงิน จึงต้องตรวจสอบที่มาของเงินทั้งหมด พร้อมให้เปลี่ยนรหัสรักษาทรัพย์สิน ตนจึงหลงเชื่อ โอนเงินไปจำนวน 44,000 บาทไปยังบัญชีของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีคนไทยรับจ้างเปิดบัญชีกับธนาคา
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นไม่นานมีโทรศัพท์สายที่ 4 โดยใช้เบอร์โทรของสายที่ 2 โทรมา ระบุว่า ธุรกรรมต่างๆ ผิดพลาด ให้ติดต่อกลับไปที่สายด่วน ปปง. 1710 ตนจึงโทรไป และพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ ปปง. รับสายดังกล่าวจริง แต่จากการพูดคุยเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าไม่พบธุรกรรมดังกล่าวเกิดขึ้น จึงได้เล่ารายละเอียดทั้งหมดให้กับเจ้าหน้าที่ ปปง. รับทราบ จึงสรุปร่วมกันว่า ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง กระทั่งมีการดำเนินการอายัดเงินที่โอนออกจากบัญชี 44,000 บาทได้สำเร็จ
ด้าน พล.ต.อ.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บอกว่า เมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์อีก 23 คน ที่บ้านเช่าและอพาร์ทเมนท์รวม 11 แห่งในอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา โดยเป็นชาวจีนจากมณฑลฟูเจี้ยนและเหอหนาน ซึ่งพฤติการณ์คือได้เช่าบ้านและอพาร์ทเมนท์เป็น “รัง” เพื่อใช้ระบบอินเทอร์เน็ตและติดต่อผ่านแอพฯ Wechat ไปหลอกลวงและต้มตุ๋นคนจีนในต่างประเทศ เพื่อหลอกให้ร่วมลงทุน, เล่นการพนัน และ ซื้อของผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งถือว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์รูปแบบใหม่ที่เพิ่งตรวจพบและจับกุมได้ ส่วนหัวหน้าขบวนการทราบว่าเป็นชาวมาเลเซีย ทั้งนี้ จากการตรวจค้นสามารถยึดตู้เซฟได้ 4 ใบ และบัตรอิเล็กทรอนิกส์หลายร้อยใบ นอกจากนี้ยังพบว่ามีผู้ต้องหาอีก 40-50 คนหลบหนีไปได้ อยู่ระหว่างขอศาลอนุมัติหมายจับ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับสถิติการร้องทุกข์ว่าตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของ ปปง. พบว่าตั้งแต่ห้วงวันที่ 15 พ.ย.2560 – 14 ธ.ค.2560 ได้รับแจ้งเหตุ 132 ราย มีผู้หลงเชื่อ 58 ราย ไม่หลงเชื่อ 74 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย 38 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย