ยธ.-ตำรวจ ยันไม่ขัดแย้ง คดีครูจอมทรัพย์

ก.ยุติธรรม 14 ธ.ค.-รองปลัดฯยุติธรรมและตำรวจ ยืนยันทั้ง  2 หน่วยงานจับมือร่วมกันทำงานคดีครูจอมทรัพย์ ไม่ขัดแย้ง แม้ความคิดต่าง ขณะนี้คดีมีความชัดเจนขึ้นมาก คาดไม่เกินเดือนนี้สรุปสำนวนคดีและส่งศาลได้ภายใน 20 ธ.ค.นี้ 


พ.ต.อ.ดุษฎี  อารยวุฒิ  รองปลัดกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) ในฐานะหัวหน้าศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์  รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4  ร่วมแถลงข่าวหลัง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4


พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า วันนี้รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ได้เข้ามาพูด คุยถึงการทำหน้าที่ในฐานะหัวหน้าคณะทำงาน รื้อคดีครูจอมทรัพย์ โดยไม่ได้สอบปากคำเป็นการพูดคุย โดยได้แจ้งว่าขอให้ทำหนังสือแจ้งข้อมูล หรือประเด็นคำถามที่อยากจะทราบมา ตนก็พร้อมตอบคำถาม  คำให้การเป็นลายลักษณ์อักษร กลับไปให้ตำรวจในทุกข้อสงสัย จะเน้นชี้แจงการปฎิบัติหน้าที่ของชุดปฎิบัติการรื้อฟื้นคดีครูจอมทรัพย์


พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวด้วยว่า ขอชี้แจงว่าในการสื่อข่าวของสื่อมวลชนในช่วงที่ผ่านมาที่ดูเหมือนว่าทั้ง 2 หน่วยงาน ทั้งกระทรวงยุติธรรมและตำรวจ ขัดแย้งกัน แต่ยืนยันว่าประสานการทำงานตลอดเวลา ต่างฝ่ายต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเอง กระทรวงยุติธรรมก็มีหน้าที่ช่วยเหลืออำนวยความยุติธรรม ให้ผู้มาร้องขอความช่วยเหลือ ส่วนตำรวจก็มีหน้าที่ในการปราบปรามจับกุม บังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดทางอาญา

สำหรับกรณีครูจอมทรัพย์ ดำเนินการไปตามพยานหลักฐาน และครูมาพร้อมกับสิทธิ์ในการร้องขอรื้อฟื้นคดีอาญา   โดยผลสอบปากคำด้วยเครื่องจับเท็จ ไม่สามารถอ่านแปรผลได้ เนื่องจากสภาพร่างกายครูจอมทรัพย์เหงื่อไม่ออกที่ลายนิ้ว ดังนั้นสิทธิ์จึงอยู่ครบถ้วน ส่วนผลการสอบ ปากคำที่ให้การเป็นเท็จของนายสับ และนายอ๋อง ตนไม่ได้ลงลึกในระดับปฎิบัติการ และไม่เคยพบทั้ง 2 คน เพียงแต่สั่งการในแนวทางการทำงานเท่านั้น 

“หลังเกิดเรื่องโกรธครูจอมทรัพย์หรือไม่ ที่มาแจ้งเรื่องเท็จ เรื่องนี้คงจะไม่มีสิทธิ์ไปโกรธใครที่มาร้องขอความช่วยเหลือ เดือดร้อน เพราะเราไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธไม่ว่าจะในกรณีใด ถือเป็นหน้าที่ของข้าราชการกระทรวงยุติธรรม และที่ผ่านมาแม้จะมีการผูกโยงเรื่องว่ามีเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมไปเกี่ยวข้อง ยืนยันทำตามหน้าที่ ส่วนจะผิดถูกก็เป็นหน้าที่ของตำรวจ เรื่องนี้มองเป็นเรื่องดีที่สื่อมวลชน และสังคมช่วยกันตรวจสอบ ” พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าว

ส่วนเรื่องการสร้างพยานหลักฐานเท็จเพื่อรื้อฟื้นคดี เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรม มีส่วนรู้เห็นหรือไม่นั้น พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า เรื่องนี้จะไม่ขอลงรายละเอียด ขอให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสืบสวนสอบสวน กระทรวงมีหน้าที่อำนวยความสะดวก ไม่สามารถปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือได้  ส่วนการให้ความช่วยเหลือรื้อฟื้นคดีไนอนาคต กระทรวงยุติธรรม โดยปลัดกระทรวงฯ ได้วางแนวทางให้พิจารณาการให้ความช่วยเหลือในรูปแบบของคณะกรรมการ  เพื่อจะได้เพิ่มความรอบคอบรัดกุม โดยใช้กรณีนี้เป็นตัวอย่าง

ด้าน พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ กล่าวว่าการสอบสวนวันนี้มาสอบในฐานะรองปลัด กระทรวงยุติธรรม เป็นหัวหน้าศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้ ฯ ส่วนผลสุดท้ายคดีนี้จะออกมาในรูปแบบใดจะถือว่าเป็นผลงานร่วมระหว่าง 2หน่วยงาน ยืนยันอีกครั้งว่าทั้ง 2หน่วยไม่ได้มีความขัดแย้ง  มีการประสานการทำงานกันอยู่ตลอดเวลา ไม่อยากให้สังคมคิดว่าขัดแย้ง ต่างคนต่างคิดกัน  ตอนนี้ความคืบหน้าของคดีความชัดเจนมีปรากฎชัดขึ้นมาก ไม่เกินเดือนนี้จะสามารถสรุปสำนวนคดีได้ คาดว่าน่าจะสรุปเสร็จส่งศาลได้ภายในวันที่ 20 ธ.ค.นี้   ส่วนหนังสือประเด็นคำถามที่จะส่งให้รองปลัดกระทรวงยุติธรรมตอบกลับมาเป็นลายลักษณ์อักษรนั้น คาดว่าจะสามารถส่งให้ได้ภายในวันนี้

ส่วนการให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ออกมาระบุว่า ในเรื่องการรื้อฟื้นคดีอาจมีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ แท้จริงแล้วสิ่งที่ท่านพูด ตนมองว่าสิ่งที่สื่อสารออกมาเป็นไปในทางเดียวกับการดำเนินการ ของตำรวจ ที่ต้องการนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ  ไม่ได้มีเจตนากล่าวหาเจ้าหน้าที่ว่าทุจริตไนการทำหน้าที่

ในส่วนเจ้าหน้าที่มีโอกาสจะเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ยังไม่ขอตอบ ขอพิจารณาจากพยานหลักฐาน ซึ่งตอนนี้กำลังรวบรวมพยานหลักฐาน หากสิ่งไหนที่ทำเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ให้ถือไม่ผิดเพราะทำไปตามอำนาจ

พร้อมฝากไปยังประชาชน ต่อไปหากจะมาร้องขอให้ช่วยเหลือรื้อฟื้นคดี ขอให้สิ่งที่มาแจ้ง และพยานหลักฐานเป็นเรื่องจริง เพราะตอนนี้ทั้งตำรวจและกระทรวงยุติธรรมจับมือกันตรวจสอบ อย่างในกรณีนี้ พบว่ามีการปั้นพยานหลักฐานก็จะต้องรับความผิดและอย่าไปหลงเชื่อขบวนการสร้างพยาน ทั้งข้าราชการ ทนาย หรือกลุ่มคนแปลกหน้าเพราะจะเป็นผลร้าย กับตัวเองได้ในอนาคต.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

9 ทันโลก : แจงด่วน! คณะมนตรีความมั่นคง ไทยนี้รักสงบ

25 ก.ค. – นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะร่วมประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ตามที่กัมพูชาร้องขอไว้ รายงาน 9 ทันโลก พาไปติดตามบทบาทและโอกาสของไทยบนเวทีสำคัญนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาตินานเกือบ 80 ปี จะได้แสดงบทบาทอีกครั้งในคณะมนตรีความมั่นคง ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการสื่อสารกับประชาคมโลก ถึงการกระทำของกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศหลายด้าน รวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติที่ไทยยึดมั่น ในห้องประชุมนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาติ ลำดับที่ 55 จะทำหน้าที่อีกครั้งในภารกิจด้านสันติภาพ ตั้งแต่เข้าเป็นสมาชิกเมื่อปี 2489 ที่นี่ไทยเคยทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะมนตรีความมั่นคง โดยพลอากาศเอก สิทธิ เศวตศิลา และหม่อมหลวง พีระพงศ์ เกษมศรี ทำหน้าที่สองวาระ ในปี 2528 และ 2529 ในเวลาที่สงครามเย็นคุกรุ่น มาในวันนี้ไทยกำลังจะมีโอกาสอันดีที่ได้ใช้ช่องทางการทูตสำคัญ เสาหลักความมั่นคงของสหประชาชาติ ในอีกบทบาทหนึ่งที่ยังคงอยู่บนพื้นฐานการแสวงหาสันติภาพตามกลไกนี้ เมื่อประเทศสมาชิก ในกรณีนี้คือกัมพูชา ร้องขอให้เปิดประชุมเร่งด่วน สมาชิกคณะมนตรีซึ่งมีสมาชิกถาวร 5 ประเทศ และสมาชิกไม่ถาวร 10 ประเทศ พิจารณากรณีที่เป็นภัยคุกคามใดต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ เช่น กรณีการปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา […]

น่านยังอ่วม บางจุดน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร

น่าน 25 ก.ค. – เข้าสู่วันที่ 3 น้ำท่วมใหญ่เป็นประวัติการณ์ของเมืองน่าน แม้ระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว แต่ในตัวเมือง-เขตเศรษฐกิจยังท่วมสูง บางจุดระดับน้ำเกือบ 2 เมตร ขณะที่ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” นำทีมกู้ภัยฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน .-สำนักข่าวไทย

มีผลทันที! ประกาศกฎอัยการศึก 8 อำเภอ “จันทบุรี-ตราด”

25 ก.ค.- กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ประกาศใช้กฎอัยการศึกบางพื้นที่ มีผลทันที กองทัพเรือ โดย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “ประกาศใช้กฎอัยการศึก” บางพื้นที่ ดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลงวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลา 21.05 นาฬิกา ซึ่งต่อมาได้มีพระบรมราชโองการเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 นั้น โดยที่ปรากฏว่าประเทศกัมพูชาได้ใช้กำลังและอาวุธรุกรานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตลอดแนวชายแดน จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อป้องกันประเทศให้พ้นจากภัยคุกคามอันมีที่มาจากภายนอกราชอาณาจักรดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 176 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี […]

จรวด BM-21 ตกในพื้นที่สุรินทร์ 6 ลูก เร่งอพยพคนเพิ่ม

สุรินทร์ 25 ก.ค. – กระสุนของฝั่งกัมพูชามาตกไกลกว่าเหตุปะทะปี 2554 ตามที่เจ้าหน้าที่คาดการณ์ ล่าสุดมีจรวด BM-21 จำนวน 6 ลูก ตกในพื้นที่ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เตรียมอพยพประชาชนไปยังที่ปลอดภัยกว่า .-สำนักข่าวไทย