ก.ยุติธรรม 14 ธ.ค.-รองปลัดฯยุติธรรมและตำรวจ ยืนยันทั้ง 2 หน่วยงานจับมือร่วมกันทำงานคดีครูจอมทรัพย์ ไม่ขัดแย้ง แม้ความคิดต่าง ขณะนี้คดีมีความชัดเจนขึ้นมาก คาดไม่เกินเดือนนี้สรุปสำนวนคดีและส่งศาลได้ภายใน 20 ธ.ค.นี้
พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) ในฐานะหัวหน้าศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ร่วมแถลงข่าวหลัง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4
พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า วันนี้รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ได้เข้ามาพูด คุยถึงการทำหน้าที่ในฐานะหัวหน้าคณะทำงาน รื้อคดีครูจอมทรัพย์ โดยไม่ได้สอบปากคำเป็นการพูดคุย โดยได้แจ้งว่าขอให้ทำหนังสือแจ้งข้อมูล หรือประเด็นคำถามที่อยากจะทราบมา ตนก็พร้อมตอบคำถาม คำให้การเป็นลายลักษณ์อักษร กลับไปให้ตำรวจในทุกข้อสงสัย จะเน้นชี้แจงการปฎิบัติหน้าที่ของชุดปฎิบัติการรื้อฟื้นคดีครูจอมทรัพย์
พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวด้วยว่า ขอชี้แจงว่าในการสื่อข่าวของสื่อมวลชนในช่วงที่ผ่านมาที่ดูเหมือนว่าทั้ง 2 หน่วยงาน ทั้งกระทรวงยุติธรรมและตำรวจ ขัดแย้งกัน แต่ยืนยันว่าประสานการทำงานตลอดเวลา ต่างฝ่ายต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเอง กระทรวงยุติธรรมก็มีหน้าที่ช่วยเหลืออำนวยความยุติธรรม ให้ผู้มาร้องขอความช่วยเหลือ ส่วนตำรวจก็มีหน้าที่ในการปราบปรามจับกุม บังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดทางอาญา
สำหรับกรณีครูจอมทรัพย์ ดำเนินการไปตามพยานหลักฐาน และครูมาพร้อมกับสิทธิ์ในการร้องขอรื้อฟื้นคดีอาญา โดยผลสอบปากคำด้วยเครื่องจับเท็จ ไม่สามารถอ่านแปรผลได้ เนื่องจากสภาพร่างกายครูจอมทรัพย์เหงื่อไม่ออกที่ลายนิ้ว ดังนั้นสิทธิ์จึงอยู่ครบถ้วน ส่วนผลการสอบ ปากคำที่ให้การเป็นเท็จของนายสับ และนายอ๋อง ตนไม่ได้ลงลึกในระดับปฎิบัติการ และไม่เคยพบทั้ง 2 คน เพียงแต่สั่งการในแนวทางการทำงานเท่านั้น
“หลังเกิดเรื่องโกรธครูจอมทรัพย์หรือไม่ ที่มาแจ้งเรื่องเท็จ เรื่องนี้คงจะไม่มีสิทธิ์ไปโกรธใครที่มาร้องขอความช่วยเหลือ เดือดร้อน เพราะเราไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธไม่ว่าจะในกรณีใด ถือเป็นหน้าที่ของข้าราชการกระทรวงยุติธรรม และที่ผ่านมาแม้จะมีการผูกโยงเรื่องว่ามีเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมไปเกี่ยวข้อง ยืนยันทำตามหน้าที่ ส่วนจะผิดถูกก็เป็นหน้าที่ของตำรวจ เรื่องนี้มองเป็นเรื่องดีที่สื่อมวลชน และสังคมช่วยกันตรวจสอบ ” พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าว
ส่วนเรื่องการสร้างพยานหลักฐานเท็จเพื่อรื้อฟื้นคดี เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรม มีส่วนรู้เห็นหรือไม่นั้น พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า เรื่องนี้จะไม่ขอลงรายละเอียด ขอให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสืบสวนสอบสวน กระทรวงมีหน้าที่อำนวยความสะดวก ไม่สามารถปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือได้ ส่วนการให้ความช่วยเหลือรื้อฟื้นคดีไนอนาคต กระทรวงยุติธรรม โดยปลัดกระทรวงฯ ได้วางแนวทางให้พิจารณาการให้ความช่วยเหลือในรูปแบบของคณะกรรมการ เพื่อจะได้เพิ่มความรอบคอบรัดกุม โดยใช้กรณีนี้เป็นตัวอย่าง
ด้าน พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ กล่าวว่าการสอบสวนวันนี้มาสอบในฐานะรองปลัด กระทรวงยุติธรรม เป็นหัวหน้าศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้ ฯ ส่วนผลสุดท้ายคดีนี้จะออกมาในรูปแบบใดจะถือว่าเป็นผลงานร่วมระหว่าง 2หน่วยงาน ยืนยันอีกครั้งว่าทั้ง 2หน่วยไม่ได้มีความขัดแย้ง มีการประสานการทำงานกันอยู่ตลอดเวลา ไม่อยากให้สังคมคิดว่าขัดแย้ง ต่างคนต่างคิดกัน ตอนนี้ความคืบหน้าของคดีความชัดเจนมีปรากฎชัดขึ้นมาก ไม่เกินเดือนนี้จะสามารถสรุปสำนวนคดีได้ คาดว่าน่าจะสรุปเสร็จส่งศาลได้ภายในวันที่ 20 ธ.ค.นี้ ส่วนหนังสือประเด็นคำถามที่จะส่งให้รองปลัดกระทรวงยุติธรรมตอบกลับมาเป็นลายลักษณ์อักษรนั้น คาดว่าจะสามารถส่งให้ได้ภายในวันนี้
ส่วนการให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ออกมาระบุว่า ในเรื่องการรื้อฟื้นคดีอาจมีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ แท้จริงแล้วสิ่งที่ท่านพูด ตนมองว่าสิ่งที่สื่อสารออกมาเป็นไปในทางเดียวกับการดำเนินการ ของตำรวจ ที่ต้องการนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ ไม่ได้มีเจตนากล่าวหาเจ้าหน้าที่ว่าทุจริตไนการทำหน้าที่
ในส่วนเจ้าหน้าที่มีโอกาสจะเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ยังไม่ขอตอบ ขอพิจารณาจากพยานหลักฐาน ซึ่งตอนนี้กำลังรวบรวมพยานหลักฐาน หากสิ่งไหนที่ทำเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ให้ถือไม่ผิดเพราะทำไปตามอำนาจ
พร้อมฝากไปยังประชาชน ต่อไปหากจะมาร้องขอให้ช่วยเหลือรื้อฟื้นคดี ขอให้สิ่งที่มาแจ้ง และพยานหลักฐานเป็นเรื่องจริง เพราะตอนนี้ทั้งตำรวจและกระทรวงยุติธรรมจับมือกันตรวจสอบ อย่างในกรณีนี้ พบว่ามีการปั้นพยานหลักฐานก็จะต้องรับความผิดและอย่าไปหลงเชื่อขบวนการสร้างพยาน ทั้งข้าราชการ ทนาย หรือกลุ่มคนแปลกหน้าเพราะจะเป็นผลร้าย กับตัวเองได้ในอนาคต.-สำนักข่าวไทย