หนองคาย 14 ธ.ค.- นายด่านศุลกากรหนองคายเผยพี่น้องชาวลาวยอมรับลอบนำเงินออกนอกประเทศ 98 ล้านบาท พร้อมนำของกลางส่งมอบธนาคารเก็บรักษาไว้ระหว่างเร่งสำนวนคดีส่งกรมศุลกากรพิจารณา
กรณีศุลกากรหนองคายคุมตัวชายพี่น้องชาว สปป.ลาว ขณะขับรถยนต์พร้อมธนบัตรมัดเป็นปึกจำนวน 98 ล้านบาท จะผ่านด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว จ.หนองคาย เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยทั้งสองอ้างว่าทำธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตรา เจ้าหน้าที่จึงเร่งขยายผลหาความชัดเจนที่มาของเงินดังกล่าว และพบว่าแถบมัดธนบัตรเป็นของธนาคาร 4 แห่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะประสานขอรายละเอียดจากธนาคารดังกล่าว รวมทั้งทางการ สปป.ลาว ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองมาติดตามเรื่องนี้จากศุลกากรหนองคายด้วยเช่นกัน
เช้าวันนี้ (14 ธ.ค.) นายนิมิตร แสงอำไพ นายด่านศุลกากรหนองคาย และเจ้าหน้าที่ได้ลำเลียงเงินสด 98 ล้านบาท บรรจุกล่องพลาสติกใหญ่ 2 ใบ มายังธนาคารกรุงไทย สาขาหนองคาย เพื่อให้เก็บรักษาเงินทั้งหมดไว้จนกว่าคดีจะถึงที่สิ้นสุด
นายนิมิตร กล่าวว่า ล่าสุดชายทั้งสองยอมรับแล้วว่าลักลอบนำเงินบาทออกนอกประเทศ และยอมทำตามระเบียบข้อบังคับทุกประการ ด้วยการขอยุติคดีในชั้นศุลกากร ซึ่งวันนี้ศุลกากรหนองคายจะสรุปสำนวนส่งกรมศุลกากร เพื่อพิจารณาเห็นชอบคำขอยุติคดีในชั้นศุลกากร โดยหลักเกณฑ์ของศุลกากรจะทำการเปรียบเทียบปรับ คนละ 20,000 บาท คืนเงินให้คนละ 2 ล้านบาท นั่นคือ จะปรับทั้งสองคนเป็นเงิน 40,000 บาท คืนเงินให้เป็นเงิน 4 ล้านบาท แต่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคณะกรรมการพิจารณาของกรมศุลกากรว่าจะมีความเห็นเป็นอย่างอื่นหรือไม่ ซึ่งเป็นไปได้ทั้งการเห็นตามหลักเกณฑ์นี้ หรือพิจารณาลงโทษยึดเงินทั้งหมดเข้าหลวง ส่วนระยะเวลาการพิจารณาคดียุติยังไม่สามารถกำหนดวันพิจารณาคดีสิ้นสุดได้ ทำให้ทั้งสองคนไม่สามารถเดินทางกลับประเทศได้ แต่หากหลบหนีการประกันตัวก็จะถูกดำเนินคดีอาญาทั้งในประเทศไทยและในประเทศ พร้อมริบเงินของกลางทั้งหมด.-สำนักข่าวไทย