หวั่น คสช.ใช้อำนาจแทรกแซงเลือกตั้ง

กรุงเทพฯ 13 ธ.ค.- “สมชัย”  แนะ จับตาอำนาจรัฐแทรกแซงเลือกตั้ง หาก คสช.สืบทอดอำนาจ การเลือกตั้งไม่เป็นธรรม  นำสังคมสู่ความเป็นปกติสุขไม่ได้  ด้าน “ศุภชัย”  หวั่น กกต.ใหม่ไม่เป็นกลาง  เสนอบรรจุ อำนาจกองทัพในรัฐธรรมนูญ  “ไพบูลย์”  ชี้แผนปฏิรูปการเมือง ขาดรูปธรรม นำไปปฏิบัติ แถมให้ความสำคัญเรื่องเงิน เสี่ยงหายนะมากกว่าแก้ปัญหา  ขณะที่ “สุริยะใส”  ไม่ต้องนิรโทษแกนนำ แต่ให้นิรโทษ คดีของประชาชน  


คณะกรรมการปฏิรูปการเมืองได้จัดรับฟังความคิดเห็น  ร่างแผนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง  โดยนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์  ประธานคณะกรรมการฯ เสนอแผน 5 ด้าน ประกอบด้วย ด้านแรกการเสริมสร้างวัฒนธรรมทางการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ,กลไกการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งโดยสันติวิธีและการรู้จักรักสามัคคีของสังคมไทย เพื่อสร้างบรรยากาศทางการเมืองไม่ให้นำไปสู่ความขัดแย้งในอนาคต,การกระจายอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่นและการจัดสรรทรัพยากรที่เป็นธรรม , การเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรมเพื่อการปฏิรูปประเทศ และการสร้างรัฐธรรมาธิปไตย

โดยมีนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง นายสุริยะใส กตะศิลา แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย  นายบรรจง นะแส นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทยจังหวัดสงขลา นายไพบูลย์ นิติตะวัน ผู้ก่อตั้งพรรคประชาชนปฏิรูป   นายศุภชัย ใจสมุทร รองเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย   นายสุภาพ คลี่ขจาย ประธานชมรมผู้ประกอบการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอลภาคพื้นดิน   พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า   เข้าร่วมแสดงความเห็น   


ซึ่งส่วนใหญ่ เป็นห่วงการทำหน้าที่ของ กกต.ชุดใหม่ว่าจะจะมีความเป็นกลางหรือไม่  เนื่องจากยังมีข้อครหาว่าได้รับการแต่งตั้งจากผู้มีอำนาจในปัจจุบัน และเห็นตรงกันว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะสุจริตเที่ยงธรรม หาก คสช.ไม่สืบทอดอำนาจและลงมาเป็นผู้เล่นทางการเมืองเอง 

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง กล่าวว่า ประชาธิปไตยที่ดีต้องมีการเลือกตั้งที่ดี   ซึ่งการจะได้การเลือกตั้งที่ดีต้องมีปัจจัยหลายอย่าง คือ กติกาต้องดี แต่เห็นว่ากติกาที่ออกแบบใหม่ยากที่จะทำให้เกิดผลสำเร็จในการเลือกตั้ง   ซึ่งหากมีการปลดล็อคพรรคการเมืองตามที่นายกรัฐมนตรีระบุ และกฎหมายลูก 4 ฉบับแล้วเสร็จต้องมีการเลือกตั้งภายใน 150 วัน  พรรคการเมืองจะมีเวลาในการเตรียมการตามกฎหมายอย่างมากที่สุดไม่เกินสองเดือนครึ่ง การเปลี่ยนแปลงผู้จัดการเลือกตั้งคือ กกต.ที่คาดว่าจะเข้ารับตำแหน่งประมาณกลางเดือนมีนาคม 2561 จากนั้นจะต้องจัดการทุกอย่างในเวลาที่จำกัด จะนำไปสู่การจัดการเลือกตั้งที่ดีได้แค่ไหน  

ส่วนผู้เล่นคือนักการเมืองหากปฏิบัติตามกฎหมายก็ไม่มีปัญหา แต่ที่ผ่านมามีการใช้สามอำนาจ คือ อำนาจเงิน อำนาจอิทธิพล และอำนาจรัฐ   ซึ่งตนเชื่อว่าอำนาจอิทธิพลในระดับท้องถิ่นลดน้อยลง เจ้าพ่อเจ้าแม่ในพื้นที่ตายหมดแล้ว  ส่วนอำนาจเงินแม้จะยังมีผลอยู่ เพราะประชาชนส่วนหนึ่งยังเห็นว่าการเลือกตั้งเป็นโอกาสที่จะทำให้เขาได้เงิน   แต่ก็เสื่อมถอยไปเยอะ ดังนั้นอำนาจที่น่ากลัวที่สุดคืออำนาจรัฐ  ที่เกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัยของการเลือกตั้ง  


นายสมชัย กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลปัจจุบันไม่ยุ่งกับพรรคการเมืองไหนเลย  ไม่เอาตัวเข้าไปสนับสนุนพรรคการเมืองเพื่อวางแผนสืบทอดอำนาจ การเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นการเลือกตั้งที่ดี แต่ถ้าคิดว่าจะต้องเข้าไปมีโอกาสมีตำแหน่งในรัฐบาลหน้า อำนาจนี้จะน่ากลัวมาก เพราะจะถูกถ่ายทอดเข้าไปสู่ข้าราชการที่เป็นกลไกของการเลือกตั้ง  ซึ่งยังไม่รวมถึงผู้ที่จัดการเลือกตั้งว่าจะมีความเกรงใจรัฐบาลเพราะได้รับการส่งเสริมเข้ามาหรือไม่ จะมีความกล้าหรือไม่ ลูบหน้าปะจมูกหรือไม่ ถ้าไม่เป็นหนี้บุญคุณต่อกัน เป็นคนของเขาอยู่หน้าห้องเขา จึงเป็นสิ่งที่น่าห่วงว่าจะทำงานได้ดีอย่างเต็มที่หรือไม่ 

นายสมชัย กล่าวว่า ขณะเดียวกันกลุ่มผู้ดูคือประชาชนก็คาดหวังไม่ได้   เพราะยังไม่เข้มแข็งพอ ไม่รู้สึกว่าการเอาตัวเองไปมีส่วนร่วมเป็นหน้าที่พลเมือง  แต่คิดว่าเป็นการหาเรื่องใส่ตัว ส่วนกลุ่มเอ็นจีโอนั้นหลายองค์กรก็เป็นองค์กรจัดตั้งทำหน้าที่เป็นพิธีกรรมรองรับความถูกต้องของการเลือกตั้ง  ขณะที่กลุ่มสื่อปัจจุบันต้องถามว่ามีกี่สำนักที่เป็นกลางดูแลการเลือกตั้งอย่างตรงไปตรงมา เพราะสื่อจำนวนหนึ่งเลือกข้างบางส่วนติดกับกลุ่มอิทธิพลทางการเมือง  จึงต้องหาทางสนับสนุนสื่อที่เป็นกลางให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ 

“ถ้าต้องการสังคมที่ไม่มีความขัดแย้งต้องทำให้การเลือกตั้งเป็นธรรม แต่กติกาก็ไม่เป็นธรรม ผู้เล่นก็มีความได้เปรียบ เสียเปรียบ ถ้าเป็นอย่างนี้อย่าหวังว่าหลังเลือกตั้งสังคมจะปกติสุข วันนี้ยังทันที่จะปรับปรุงในเรื่องที่ไม่แฟร์เกม อย่าคิดมุ่งเอาชนะมากเกินไป ทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าจะมีการเลือกตั้งสุจริตเที่ยงธรรม หากทำได้สังคมปกติก็จะกลับคืนมา” นายสมชัย กล่าว

ด้านนายศุภชัย ใจสมุทร กล่าวว่า การสรรหา กกต.ซึ่งได้ว่าที่ กกต.มาแล้ว  ยังเป็นห่วงเรื่องความเป็นกลาง แม้จะบอกว่าเป็นเสป็คเทพแต่ก็เชื่อว่า กกต.ชุดใหม่จะทำงานได้ไม่ดีกว่า กกต.ที่กำลังถูกเซ็ตซีโร  และหากรัฐบาลชุดปัจจุบันต้องการจะสืบทอดอำนาจ  อีกไม่นานความจริงจะปรากฏ โดยเฉพาะการตั้งพรรคการเมือง และการที่ยังไม่ปลดล็อคพรรคการเมือง  อาจเป็นเพราะอยู่ระหว่างเตรียมการบางอย่าง  จึงเชื่อว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นจะไม่เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม ถ้าคสช.ลงมาเป็นผู้เล่นด้วย นอกจากนี้ตนเห็นว่าควรมีการบรรจุอำนาจกองทัพไว้ในรัฐธรรมนูญ  เพื่อให้เกิดการถ่วงดุลด้วย  เพราะที่ผ่านมาเมื่อเกิดความขัดแย้งกองทัพก็ออกมา จึงควรสร้างให้เห็นชัดเจนว่า อำนาจกองทัพเป็นอำนาจที่มีอยู่จริงและควรถูกตรวจสอบ  ถ่วงดุล เหมือนองค์กรอิสระ 

ขณะที่นายสุริยะใส กตะศิลา กล่าวว่า สภาวะเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นจะนำประเทศไทยไปสู่ประชาธิปไตยครึ่งใบ โดยมีการใช้ภาวะที่ประชาชนผวากับนักการเมืองมาล้อมกรอบการเคลื่อนไหวของประชาชน และเชื่อว่าในอนาคตจะเกิดความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับรัฐที่ลุกลามมากขึ้น  เรื่องของรัฐธรรมาธิปไตย ต้องทำให้ความชอบธรรมเป็นอำนาจ ไม่ใช่อำนาจเป็นความชอบธรรม นอกจากนี้ในแผนปฏิรูปการเมืองเรื่องความปรองดองก็เขียนไว้ไม่ชัด เขียนแบบนี้ไม่ต้องเขียนจะดีกว่า สำหรับเรื่องการปรองดองนั้น ไม่ต้องนิรโทษกรรมแกนนำ แต่ขอให้นิรโทษกรรมให้ประชาชนที่เคลื่อนไหวประท้วงรัฐบาลแล้วถูกดำเนินคดี โดยรัฐบาลไม่ควรเป็นศัตรูกับประชาชน

ส่วนนายไพบูลย์ นิติตะวัน กล่าวว่า การทำแผนปฏิรูปด้านการเมืองไม่อยากให้เป็นแค่แผนแต่ต้องเป็นรูปธรรมจับต้องได้ ไม่ใช่อยู่บนหิ้งแล้วไม่ได้ทำอะไร โดยการเลือกตั้งที่สุจริตจะเป็นหัวใจในการปฏิรูปการเมือง และสร้างรัฐธรรมาธิปไตยได้แน่นอน แต่จากแผนที่คณะกรรมการฯ ทำในเรื่องการเลือกตั้งสุจริตนั้น ยังไม่เขียนชัดเจนว่าจะทำอย่างไร ขณะเดียวกันก็เขียนในลักษณะที่เป็นการส่งเสริมให้มีการใช้เงิน ทั้งเรื่องการหาเสียง การจัดเลี้ยง เพราะถ้าส่งเสริมเรื่องเงิน ผู้สมัครก็ต้องใช้เงินและเข้ามากอบโกย จะไม่สามารถสร้างรัฐธรรมาธิปไตยตามแผนของคณะกรรมการฯ ได้ แต่จะเป็นหายนะของประเทศได้  รัฐควรเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทุกอย่างให้กับผู้ที่เข้าสู่สนามการเมือง เพื่อให้ปลอดเรื่องการใช้เงิน และอยากให้พิจารณาว่าทำอย่างไรให้ประชาชนใช้ดุลพินิจในการเลือกตั้งอย่างแท้จริง 

พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาส  กล่าวว่า อยากให้จัดรูปแบบเลือกตั้งท้องถิ่นให้ชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไร เพื่อเป็นรากฐานให้การเลือกตั้งใหญ่ แต่รัฐบาลก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมายังไม่มีความชัดเจน   ส่วนการเลือกตั้ง ส.ส.นั้น กติกาตามรัฐธรรมนูญทำให้ไม่มีพรรคไหนได้เสียงข้างมากจนจัดตั้งรัฐบาลได้  ซึ่งจะเป็นปัญหาทำให้ต้องเป็นรัฐผสมหลายพรรค พร้อมกับวิเคราะห์ถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตหลังการเลือกตั้งว่า ที่กำหนดให้การนับคะแนนในเขตเลือกตั้ง 325 เขตก่อน หากเกิดปัญหานับไม่ได้ เพราะมีการร้องเรียน มีการฟ้องร้อง ก็จะเกิดวิกฤตการฟ้องร้องจนทำให้นับคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ไม่ได้ นอกจากนี้หากมีบางหน่วยเกิดปัญหาต้องระงับการเลือกตั้งในหน่วยนับ การนับคะแนนทั้งประเทศก็ยังทำไม่ได้ ดังนั้นที่ระบุว่าต้องประกาศจำนวนส.ส.ร้อยละ 95 เพื่อนำไปสู่การเปิดประชุมสภาก็จะแทบเป็นไปไม่ได้เลย ซึ่งจะนำไปสู่วิกฤตเลือกตั้งทั้งหมด อีกทั้งไม่มีเขียนในรัฐธรรมนูญว่า หากเกิดปัญหาในการเลือกตั้งแล้วจะมีองค์กรไหนเข้ามาแก้ปัญหาความขัดแย้ง 

ด้านนายเอนก  เหล่าธรรมทัศน์ กล่าวสรุปว่า เห็นด้วยกับข้อเสนอของผู้ที่เข้าร่วมรับฟังความเห็นว่าแผนการปฏิรูปการเมืองมีการเขียนไว้หมดแล้ว คณะกรรมการทำหน้าที่เพียงแค่รวบรวมและเรียบเรียง และเห็นด้วยว่าผู้ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งควรให้มีการดีเบต ส่วนสิ่งที่นายสมชัยฝากมานั้นจะพูดในเวลาที่เหมาะสม.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ไม่ไปยูเอ็นแล้ว เหตุเงื่อนเวลาไม่เอื้อ

ภท. 23 ก.ย.-นายกฯ ไม่ไปยูเอ็นแล้ว เหตุเงื่อนเวลาไม่เอื้อ หวั่นกลับมาไม่ทันแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ไม่เสียโอกาสแจงเรื่องอธิปไตย เชื่อชาวโลกรู้ไทยมีนโยบายชัดเจน ยันร่างนโยบายปกน้ำเงินเสร็จแล้ว นำเข้า ครม. นัดพิเศษพรุ่งนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนในการเดินทางไปร่วมประชุมผู้นำโลก UNGA ครั้งที่ 78 ว่า ได้มีการหารือกับฝ่ายคนใหม่แล้ว ซึ่งจากการดูเวลา กลัวจะไม่ทัน การแถลงนโยบายต่อรัฐสภา แต่ทั้งนี้ก็จะมีการหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่สำคัญมีในเรื่องของอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ด้วย ซึ่งจะต้องตรวจสอบให้ดี มีความคิดเห็นหลากหลายทั้งไปได้และไปไม่ได้ แต่ทั้งนี้มีแนวทางที่ชัดเจน ไม่ได้มีการลงนามในข้อตกลง แต่แนวทางของประเทศไทย เมื่อรัฐบาลนี้เข้าปฎิบัติหน้าที่เป็นที่เรียบร้อยก็มีความชัดเจน ที่จะบริหารสถานการณ์ ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาอย่างไร ส่วนจะเป็นการเสียโอกาสในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศหรือไม่นั้น นายอนุทิน กล่าวว่าความเชื่อมั่นอยู่ที่การจัดการและการได้รับการสนับสนุนจากประชาชนที่มีต่อรัฐบาลและกองทัพ ซึ่งความเชื่อมั่นอยู่ตรงจุดนี้ ไม่ใช่อยู่ที่เวทีไหนไหน เพราะเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย ขณะที่ทุกฝ่ายในบ้านเรามีความพร้อม ประชาชนให้การสนับสนุนนโยบายต่างๆ นโยบายต่างๆของกองทัพและรัฐบาล นี่ต่างหากคือความเชื่อมั่น ส่วนกรณีที่กฤษฎีกาชี้ว่า หากมีเหตุที่จำเป็น ก็ถือว่าดำเนินการได้นั้น นานอนุทินกล่าวว่า คำว่าจำเป็นคืออะไร อย่างสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ก็ไม่จำเป็นจะต้องชี้แจงกับใคร เพราะประชาคมโลกก็รับทราบสถานการณ์อยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ทั้งนี้หากนายกรัฐมนตรีไม่ได้เดินทางไปจะส่งผลเสียต่อประเทศหรือไม่ นายอนุทิน […]

เร่งล่ามือมืดรัว 15 นัด ยิงดับสมาชิก อบต.กรงปินัง

ยะลา 23 ก.ย. – เร่งล่ามือมืดรัว 15 นัด ยิงสมาชิก อบต.กรงปินัง เสียชีวิตหน้าบ้านพัก อ.กรงปินัง จ.ยะลา ตำรวจตั้ง 2 ปม “แค้นส่วนตัว-สร้างสถานการณ์” จากเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงนายอิสมาแอ กาแจ อายุ 61 ปี สมาชิก อบต.กรงปินัง ขณะจอดรถยนต์กระบะเตรียมเข้าบ้านพักในพื้นที่บ้านลือมุ อ.กรงปินัง จ.ยะลา ตรวจสอบรอยกระสุนในตัวผู้ตายพบ 12 นัด เข้าบริเวณหน้าอกและลำตัว โดยแขนซ้าย 2 นัด และใบหน้าอีก 1 นัด เมื่อเวลา 21.22 น. ของวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา เช้านี้ (23 ก.ย.) ตำรวจ สภ.กรงปินัง ลงพื้นที่เกิดเหตุรวบรวมพยานหลักฐาน โดยในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบกองเลือดอยู่ใกล้รถยนต์กระบะของผู้ตาย แต่ไม่พบปลอกกระสุนแต่อย่างใด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตั้งปมก่อเหตุเรื่องส่วนตัว แต่ยังไม่ตัดประเด็นการสร้างสถานการณ์ นายอาดือนัน ฮามิดง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ […]

นายกสมาคมค้าทองคำ รับทองขึ้นเร็ว-แรง สิ้นปีทองไทยอาจแตะ 59,000 บาท

กรุงเทพฯ 23 ก.ย. – ทองไทยทุบสถิตินิวไฮรอบใหม่ เปิดตลาดพุ่งพรวด 550 บาท ทองไทยแตะ 57,300 บาท ตามราคาทองโลกที่นิวไฮต่อเนื่อง นายกสมาคมค้าทองคำ รับทองขึ้นเร็ว-แรงกว่าคาด สิ้นปีทองไทยอาจแตะ 59,000 บาท สมาคมค้าทองคำรายงานราคาทองคำเปิดตลาดเช้านี้ (23 ก.ย.) เวลา 09.04 น. ปรับเพิ่มขึ้นทันที 550 บาท โดยทองแท่ง ราคารับซื้อ 56,400 บาท ขายออก 56,500 บาท ทองรูปพรรณ รับซื้อ 55,273.36 ขายออก 57,300 บาท แตะระดับสุงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ โดยล่าสุดเมื่อเวลา 09.49 น. ปรับเปลี่ยนไปแล้ว 3 ครั้ง ทองแท่ง รับซื้อ 56,300 บาท ขายออก 56,400 บาท ทองรูปพรรณ รับซื้อ […]

“แม่ทัพกุ้ง” รับเคยถูกทาบนั่งตำแหน่งระดับสูง แต่ปฏิเสธ มองไม่ยั่งยืน

กองทัพบก 23 ก.ย.- “แม่ทัพกุ้ง” เผยการเมืองทาบทามนั่งตำแหน่งระดับสูง แต่ปฏิเสธ มองไม่ยั่งยืน ขอเป็นที่ปรึกษาเพื่อนๆ ในกองทัพ ย้ำ ปะทะรอบ 2 ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ มองเหตุพื้นที่สระแก้ว-กปจ.ชต.เชื่อมต่อ ทภ.2 เส้นเขตแดนเดียวกัน พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่2 ตรวจเยี่ยมศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ภายในกองบัญชาการกองทัพบก พร้อมร่วมร้องเพลงชาติกับเด็ก โดยพลโทบุญสิน กล่าวย้ำว่า แม้จะเกษียณอายุราชการในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ยืนยันว่าจะยังคงช่วยงานของกองทัพอย่างแน่นอน แม้ไม่ได้แต่งเครื่องแบบทหารแล้ว ยังสามารถเป็นที่ปรึกษาให้กับเพื่อน ๆ ได้ พร้อมยืนยันว่าจะไม่ทำงานด้านการเมือง และที่ผ่านมา ตนได้เข้าไปพูดคุยกับนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อเราบอกว่าไม่ได้เล่นการเมือง เขาก็เปิดใจ พูดคุยกับเรา ยืนยันตนจะรักษาสถานภาพนี้ไปเรื่อยๆ ไม่เอาเรื่องการเมืองเข้ามายุ่ง รับว่ามีคนติดต่อเข้ามา จะให้ตำแหน่งระดับสูงทางการเมือง แต่ก็ไม่เอา มองว่าไม่ยั่งยืน นอกจากนี้พลโทบุญสิน ยังกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมการประชุม คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-กัมพูชา(RBC) ว่า ยังไม่ได้กำหนดวัน ส่วนการถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ตามข้อตก การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC)ที่ให้รือกันภายใน3สัปดาห์ นั้น ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน ซึ่งยอมรับว่าเป็นสิ่งที่เขาพูดกันเอาไว้ แต่ก็ต้องรอดูสถานการณ์ […]