หวั่น คสช.ใช้อำนาจแทรกแซงเลือกตั้ง

กรุงเทพฯ 13 ธ.ค.- “สมชัย”  แนะ จับตาอำนาจรัฐแทรกแซงเลือกตั้ง หาก คสช.สืบทอดอำนาจ การเลือกตั้งไม่เป็นธรรม  นำสังคมสู่ความเป็นปกติสุขไม่ได้  ด้าน “ศุภชัย”  หวั่น กกต.ใหม่ไม่เป็นกลาง  เสนอบรรจุ อำนาจกองทัพในรัฐธรรมนูญ  “ไพบูลย์”  ชี้แผนปฏิรูปการเมือง ขาดรูปธรรม นำไปปฏิบัติ แถมให้ความสำคัญเรื่องเงิน เสี่ยงหายนะมากกว่าแก้ปัญหา  ขณะที่ “สุริยะใส”  ไม่ต้องนิรโทษแกนนำ แต่ให้นิรโทษ คดีของประชาชน  


คณะกรรมการปฏิรูปการเมืองได้จัดรับฟังความคิดเห็น  ร่างแผนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง  โดยนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์  ประธานคณะกรรมการฯ เสนอแผน 5 ด้าน ประกอบด้วย ด้านแรกการเสริมสร้างวัฒนธรรมทางการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ,กลไกการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งโดยสันติวิธีและการรู้จักรักสามัคคีของสังคมไทย เพื่อสร้างบรรยากาศทางการเมืองไม่ให้นำไปสู่ความขัดแย้งในอนาคต,การกระจายอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่นและการจัดสรรทรัพยากรที่เป็นธรรม , การเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรมเพื่อการปฏิรูปประเทศ และการสร้างรัฐธรรมาธิปไตย

โดยมีนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง นายสุริยะใส กตะศิลา แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย  นายบรรจง นะแส นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทยจังหวัดสงขลา นายไพบูลย์ นิติตะวัน ผู้ก่อตั้งพรรคประชาชนปฏิรูป   นายศุภชัย ใจสมุทร รองเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย   นายสุภาพ คลี่ขจาย ประธานชมรมผู้ประกอบการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอลภาคพื้นดิน   พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า   เข้าร่วมแสดงความเห็น   


ซึ่งส่วนใหญ่ เป็นห่วงการทำหน้าที่ของ กกต.ชุดใหม่ว่าจะจะมีความเป็นกลางหรือไม่  เนื่องจากยังมีข้อครหาว่าได้รับการแต่งตั้งจากผู้มีอำนาจในปัจจุบัน และเห็นตรงกันว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะสุจริตเที่ยงธรรม หาก คสช.ไม่สืบทอดอำนาจและลงมาเป็นผู้เล่นทางการเมืองเอง 

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง กล่าวว่า ประชาธิปไตยที่ดีต้องมีการเลือกตั้งที่ดี   ซึ่งการจะได้การเลือกตั้งที่ดีต้องมีปัจจัยหลายอย่าง คือ กติกาต้องดี แต่เห็นว่ากติกาที่ออกแบบใหม่ยากที่จะทำให้เกิดผลสำเร็จในการเลือกตั้ง   ซึ่งหากมีการปลดล็อคพรรคการเมืองตามที่นายกรัฐมนตรีระบุ และกฎหมายลูก 4 ฉบับแล้วเสร็จต้องมีการเลือกตั้งภายใน 150 วัน  พรรคการเมืองจะมีเวลาในการเตรียมการตามกฎหมายอย่างมากที่สุดไม่เกินสองเดือนครึ่ง การเปลี่ยนแปลงผู้จัดการเลือกตั้งคือ กกต.ที่คาดว่าจะเข้ารับตำแหน่งประมาณกลางเดือนมีนาคม 2561 จากนั้นจะต้องจัดการทุกอย่างในเวลาที่จำกัด จะนำไปสู่การจัดการเลือกตั้งที่ดีได้แค่ไหน  

ส่วนผู้เล่นคือนักการเมืองหากปฏิบัติตามกฎหมายก็ไม่มีปัญหา แต่ที่ผ่านมามีการใช้สามอำนาจ คือ อำนาจเงิน อำนาจอิทธิพล และอำนาจรัฐ   ซึ่งตนเชื่อว่าอำนาจอิทธิพลในระดับท้องถิ่นลดน้อยลง เจ้าพ่อเจ้าแม่ในพื้นที่ตายหมดแล้ว  ส่วนอำนาจเงินแม้จะยังมีผลอยู่ เพราะประชาชนส่วนหนึ่งยังเห็นว่าการเลือกตั้งเป็นโอกาสที่จะทำให้เขาได้เงิน   แต่ก็เสื่อมถอยไปเยอะ ดังนั้นอำนาจที่น่ากลัวที่สุดคืออำนาจรัฐ  ที่เกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัยของการเลือกตั้ง  


นายสมชัย กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลปัจจุบันไม่ยุ่งกับพรรคการเมืองไหนเลย  ไม่เอาตัวเข้าไปสนับสนุนพรรคการเมืองเพื่อวางแผนสืบทอดอำนาจ การเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นการเลือกตั้งที่ดี แต่ถ้าคิดว่าจะต้องเข้าไปมีโอกาสมีตำแหน่งในรัฐบาลหน้า อำนาจนี้จะน่ากลัวมาก เพราะจะถูกถ่ายทอดเข้าไปสู่ข้าราชการที่เป็นกลไกของการเลือกตั้ง  ซึ่งยังไม่รวมถึงผู้ที่จัดการเลือกตั้งว่าจะมีความเกรงใจรัฐบาลเพราะได้รับการส่งเสริมเข้ามาหรือไม่ จะมีความกล้าหรือไม่ ลูบหน้าปะจมูกหรือไม่ ถ้าไม่เป็นหนี้บุญคุณต่อกัน เป็นคนของเขาอยู่หน้าห้องเขา จึงเป็นสิ่งที่น่าห่วงว่าจะทำงานได้ดีอย่างเต็มที่หรือไม่ 

นายสมชัย กล่าวว่า ขณะเดียวกันกลุ่มผู้ดูคือประชาชนก็คาดหวังไม่ได้   เพราะยังไม่เข้มแข็งพอ ไม่รู้สึกว่าการเอาตัวเองไปมีส่วนร่วมเป็นหน้าที่พลเมือง  แต่คิดว่าเป็นการหาเรื่องใส่ตัว ส่วนกลุ่มเอ็นจีโอนั้นหลายองค์กรก็เป็นองค์กรจัดตั้งทำหน้าที่เป็นพิธีกรรมรองรับความถูกต้องของการเลือกตั้ง  ขณะที่กลุ่มสื่อปัจจุบันต้องถามว่ามีกี่สำนักที่เป็นกลางดูแลการเลือกตั้งอย่างตรงไปตรงมา เพราะสื่อจำนวนหนึ่งเลือกข้างบางส่วนติดกับกลุ่มอิทธิพลทางการเมือง  จึงต้องหาทางสนับสนุนสื่อที่เป็นกลางให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ 

“ถ้าต้องการสังคมที่ไม่มีความขัดแย้งต้องทำให้การเลือกตั้งเป็นธรรม แต่กติกาก็ไม่เป็นธรรม ผู้เล่นก็มีความได้เปรียบ เสียเปรียบ ถ้าเป็นอย่างนี้อย่าหวังว่าหลังเลือกตั้งสังคมจะปกติสุข วันนี้ยังทันที่จะปรับปรุงในเรื่องที่ไม่แฟร์เกม อย่าคิดมุ่งเอาชนะมากเกินไป ทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าจะมีการเลือกตั้งสุจริตเที่ยงธรรม หากทำได้สังคมปกติก็จะกลับคืนมา” นายสมชัย กล่าว

ด้านนายศุภชัย ใจสมุทร กล่าวว่า การสรรหา กกต.ซึ่งได้ว่าที่ กกต.มาแล้ว  ยังเป็นห่วงเรื่องความเป็นกลาง แม้จะบอกว่าเป็นเสป็คเทพแต่ก็เชื่อว่า กกต.ชุดใหม่จะทำงานได้ไม่ดีกว่า กกต.ที่กำลังถูกเซ็ตซีโร  และหากรัฐบาลชุดปัจจุบันต้องการจะสืบทอดอำนาจ  อีกไม่นานความจริงจะปรากฏ โดยเฉพาะการตั้งพรรคการเมือง และการที่ยังไม่ปลดล็อคพรรคการเมือง  อาจเป็นเพราะอยู่ระหว่างเตรียมการบางอย่าง  จึงเชื่อว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นจะไม่เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม ถ้าคสช.ลงมาเป็นผู้เล่นด้วย นอกจากนี้ตนเห็นว่าควรมีการบรรจุอำนาจกองทัพไว้ในรัฐธรรมนูญ  เพื่อให้เกิดการถ่วงดุลด้วย  เพราะที่ผ่านมาเมื่อเกิดความขัดแย้งกองทัพก็ออกมา จึงควรสร้างให้เห็นชัดเจนว่า อำนาจกองทัพเป็นอำนาจที่มีอยู่จริงและควรถูกตรวจสอบ  ถ่วงดุล เหมือนองค์กรอิสระ 

ขณะที่นายสุริยะใส กตะศิลา กล่าวว่า สภาวะเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นจะนำประเทศไทยไปสู่ประชาธิปไตยครึ่งใบ โดยมีการใช้ภาวะที่ประชาชนผวากับนักการเมืองมาล้อมกรอบการเคลื่อนไหวของประชาชน และเชื่อว่าในอนาคตจะเกิดความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับรัฐที่ลุกลามมากขึ้น  เรื่องของรัฐธรรมาธิปไตย ต้องทำให้ความชอบธรรมเป็นอำนาจ ไม่ใช่อำนาจเป็นความชอบธรรม นอกจากนี้ในแผนปฏิรูปการเมืองเรื่องความปรองดองก็เขียนไว้ไม่ชัด เขียนแบบนี้ไม่ต้องเขียนจะดีกว่า สำหรับเรื่องการปรองดองนั้น ไม่ต้องนิรโทษกรรมแกนนำ แต่ขอให้นิรโทษกรรมให้ประชาชนที่เคลื่อนไหวประท้วงรัฐบาลแล้วถูกดำเนินคดี โดยรัฐบาลไม่ควรเป็นศัตรูกับประชาชน

ส่วนนายไพบูลย์ นิติตะวัน กล่าวว่า การทำแผนปฏิรูปด้านการเมืองไม่อยากให้เป็นแค่แผนแต่ต้องเป็นรูปธรรมจับต้องได้ ไม่ใช่อยู่บนหิ้งแล้วไม่ได้ทำอะไร โดยการเลือกตั้งที่สุจริตจะเป็นหัวใจในการปฏิรูปการเมือง และสร้างรัฐธรรมาธิปไตยได้แน่นอน แต่จากแผนที่คณะกรรมการฯ ทำในเรื่องการเลือกตั้งสุจริตนั้น ยังไม่เขียนชัดเจนว่าจะทำอย่างไร ขณะเดียวกันก็เขียนในลักษณะที่เป็นการส่งเสริมให้มีการใช้เงิน ทั้งเรื่องการหาเสียง การจัดเลี้ยง เพราะถ้าส่งเสริมเรื่องเงิน ผู้สมัครก็ต้องใช้เงินและเข้ามากอบโกย จะไม่สามารถสร้างรัฐธรรมาธิปไตยตามแผนของคณะกรรมการฯ ได้ แต่จะเป็นหายนะของประเทศได้  รัฐควรเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทุกอย่างให้กับผู้ที่เข้าสู่สนามการเมือง เพื่อให้ปลอดเรื่องการใช้เงิน และอยากให้พิจารณาว่าทำอย่างไรให้ประชาชนใช้ดุลพินิจในการเลือกตั้งอย่างแท้จริง 

พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาส  กล่าวว่า อยากให้จัดรูปแบบเลือกตั้งท้องถิ่นให้ชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไร เพื่อเป็นรากฐานให้การเลือกตั้งใหญ่ แต่รัฐบาลก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมายังไม่มีความชัดเจน   ส่วนการเลือกตั้ง ส.ส.นั้น กติกาตามรัฐธรรมนูญทำให้ไม่มีพรรคไหนได้เสียงข้างมากจนจัดตั้งรัฐบาลได้  ซึ่งจะเป็นปัญหาทำให้ต้องเป็นรัฐผสมหลายพรรค พร้อมกับวิเคราะห์ถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตหลังการเลือกตั้งว่า ที่กำหนดให้การนับคะแนนในเขตเลือกตั้ง 325 เขตก่อน หากเกิดปัญหานับไม่ได้ เพราะมีการร้องเรียน มีการฟ้องร้อง ก็จะเกิดวิกฤตการฟ้องร้องจนทำให้นับคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ไม่ได้ นอกจากนี้หากมีบางหน่วยเกิดปัญหาต้องระงับการเลือกตั้งในหน่วยนับ การนับคะแนนทั้งประเทศก็ยังทำไม่ได้ ดังนั้นที่ระบุว่าต้องประกาศจำนวนส.ส.ร้อยละ 95 เพื่อนำไปสู่การเปิดประชุมสภาก็จะแทบเป็นไปไม่ได้เลย ซึ่งจะนำไปสู่วิกฤตเลือกตั้งทั้งหมด อีกทั้งไม่มีเขียนในรัฐธรรมนูญว่า หากเกิดปัญหาในการเลือกตั้งแล้วจะมีองค์กรไหนเข้ามาแก้ปัญหาความขัดแย้ง 

ด้านนายเอนก  เหล่าธรรมทัศน์ กล่าวสรุปว่า เห็นด้วยกับข้อเสนอของผู้ที่เข้าร่วมรับฟังความเห็นว่าแผนการปฏิรูปการเมืองมีการเขียนไว้หมดแล้ว คณะกรรมการทำหน้าที่เพียงแค่รวบรวมและเรียบเรียง และเห็นด้วยว่าผู้ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งควรให้มีการดีเบต ส่วนสิ่งที่นายสมชัยฝากมานั้นจะพูดในเวลาที่เหมาะสม.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เตือนทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง ‘ตะวันออก’ หนักสุด

กทม. 12 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง เตือนภาคตะวันออกรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “โพดุล” (PODUL) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไต้หวัน และเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณด้านตะวันออกของประเทศจีนในช่วงวันที่ 13 – 14 ส.ค. โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

เสียงสะท้อนจากวีรบุรุษแนวหน้าถึงแนวหลัง

11 ส.ค. – แม้สถานการณ์สู้รบไทย-กัมพูชาเหมือนจะดีขึ้น แต่ยังวางใจไม่ได้ เช่นข่าวทหารไทยเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บอีก 3 นาย วันนี้จะพาไปดูความพร้อมของหน่วยแพทย์ในการดูแลทหารของชาติในฐานะวีรบุรุษ พร้อมข้อคิดจากจ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญชูกล้า หรือจ่าเต้ 1 ในวีรบุรุษ ฝากถึงแนวหลัง.-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังถก​ สมช.​ เคาะสถานการณ์สงบจริง

เมืองทองธานี 11 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ลั่น​ ก็จบ!! ​ หลัง “กองทัพ” ยืนยันแล้ว “แม่ทัพภาค 2” ไม่ได้พูดยึดปราสาทตาควาย ย้ำยังไม่มีอะไรผิดสัญญา เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังประชุม​ สมช.​ 13-14 ส.ค.นี้​ เคาะสถานการณ์สงบจริง​ นายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี​ กล่าวถึงกรณีพลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2​ ออกมา ประกาศยึดคืนปราสาทตาควาย จะถือเป็นการละเมิดข้อตกลงไทย-กัมพูชาหรือไม่ ว่า​ ยังไม่ได้ยินแม่ทัพภาคที่ 2 พูด​ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อตกลง​ เมื่อถามว่าแม้กองทัพ จะออกมาปฏิเสธแล้ว​ แต่ทางกัมพูชา​อาจมองเป็นการกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้ง และละเมิดข้อตกลง 13 ข้อ นายภูมิ​ธรรม​ กล่าวว่า​ ยังไม่มีอะไรผิดสัญญา กองทัพซึ่งเป็นตัวหลักได้ยืนยันแล้ว​ ก็จบตามนั้น​ เมื่อถามว่า​ สถานการณ์ชายแดน 2-3 วันที่ผ่านมา​ ถือว่าสงบนิ่งหรือไม่​ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าเหตุการณ์ความไม่สงบจะกลับมา​อีก […]

ทบ.ยัน ‘มทภ.2’ ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย

11 ส.ค.- โฆษกกองทัพบกโต้กัมพูชา ยันแม่ทัพภาค 2 ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย ย้ำไทยไม่มีความพยายาม “ยั่วยุ-วางแผน” ใช้กำลังทางทหารตามที่เขมรกล่าวอ้าง พลตรี​ วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงกรณีกระทรวงกลาโหมกัมพูชาแถลงการณ์ถึงคำสัมภาษณ์ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เรื่องของปราสาทตาควาย ว่า “ยืนยันว่าเนื้อหาที่แม่ทัพภาคที่ 2 พูด ไม่ได้มีความหมายในแบบที่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้แถลงไป โดยเฉพาะท่านไม่พูดเรื่องการเคลื่อนย้ายกำลัง เพื่อรุกล้ำอธิปไตยกัมพูชา สิ่งที่ท่านได้กล่าวในวันนั้นคือ ปราสาทตาควายอยู่ภายใต้อธิปไตยของไทย ในช่วงที่มีการปะทะที่ผ่านมาพยายามเข้าไปยึดด้วยการวางกำลัง แต่ยังไม่สำเร็จ จึงได้ทำการวางกำลังบริเวณด้านนอก ห่างจากตัวปราสาท 30 เมตร แต่ในอนาคตจะต้องพยายามนำกลับมาภายใต้การควบคุมของไทยให้ได้ ตามขั้นตอนที่เหมาะสม พร้อมกล่าวว่าเตรียมนำเรื่องต่างๆ ไปพูดคุยเจรจาในวงเจรจาในกรอบการประชุม RBC ที่จะเกิดขึ้นใน 2 สัปดาห์ และย้ำถึงจุดยืนว่าไทยจะไม่ถอยจากแนวการวางกำลังเดิม ขอยืนยันว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ได้พูดถึงเรื่องการใช้กำลังทางทหาร ไปดำเนินการอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นที่กล่าวไปในข้างต้น จึงไม่ใช่ความพยายามที่มีการยั่วยุและมีการวางแผนใช้กำลังทางทหารต่อกรณีปราสาทตาควายอย่างที่กัมพูชากล่าวอ้างแต่อย่างใด” -สำนักข่าวไทย