รมว.พลังงานเร่งหาทางเพิ่มสตอกไบโอดีเซลดูดซับปาล์มแสนตัน

กรุงเทพฯ 8 ธ.ค. – รมว.พลังงานเร่งช่วยดูดซับน้ำมันปาล์มดิบ (ซีพีโอ ) 1 แสนตันใช้สำหรับการผลิตไบโอดีเซล ชี้ไม่คุ้มทุนค่าไฟฟ้าหากไปใช้ที่โรงไฟฟ้า “กระบี่” ส่วนโรงไฟฟ้าถ่านหิน “เทพา-กระบี่” จะยุติหรือไม่ รู้ผลใน 3-6 เดือนข้างหน้า ด้านการประมูล “เอราวัณ-บงกช” ชี้จะเสร็จภายใน 1 ปี 


นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า จากที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้กระทรวงพลังงานช่วยดูดซับซีพีโอ 100,000  ตัน จากที่ประเทศไทยมีสตอก สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 540,000 ตัน ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากกำลังผลิตที่เพิ่มขึ้นจาก 2 ล้านตัน/ปี เป็น 2.4 ล้านตัน/ปีนั้น ทางกระทรวงพลังงานจะเร่งดำเนินการภายใน 1-2 เดือน โดยจะไม่ใช้แนวทางนำไปผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้ากระบี่ เพราะภาพรวมแล้วมีผลกระทบมากกว่าผลดี เพราะที่ผ่านมาจากการเก็บตัวเลขพบว่าการนำไปใช้ผลิตไฟฟ้าช่วยเหลือเกษตรกรได้ 35 ล้านบาท แต่ต้องเสียค่าดำเนินการรวมถึง 400 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลกระทบประชาชนมากกว่า เพราะกระทบต่อค่าไฟฟ้าเอฟที

ดังนั้น กระทรวงพลังงานจะช่วยในเรื่องการนำมาใช้เป็นสตอกในไบโอดีเซล หรือบี 100 ให้มากขึ้น โดยจะมีการหารือกับผู้ค้าน้ำมัน ผู้ผลิตบี 100 ว่าจะดำเนินการอย่างไร ให้เกิดผลกระทบต่อราคาน้ำมันให้น้อยที่สุด ซึ่งอาจจะต้องปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์การผสมน้ำมัน โดยที่ไม่ต้องเพิ่มส่วนผสมจากปัจจุบันที่เป็นบี 7 หากสามารถใช้บี 7อย่างสม่ำเสมอก็จะสามารถใช้ซีพีโอได้ถึง 1.2 ล้านตัน/ปี ปัจจุบันมีความต้องการใช้บี 100 ประมาณ 3.4-3.5 ล้านลิตร/วัน ส่วนโรงงานไบโอดีเซลมีกำลังผลิตประมาณ 6 ล้านลิตร/วัน


นายศิริ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของโรงไฟฟ้าถ่านหินในภาคใต้ “กระบี่-เทพา” นั้น จะก่อสร้างหรือจะเปลี่ยนเป็นโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติหรือไม่ จะรอดูการปรับปรุงแผนพัฒนากำลังไฟฟ้าระยะยาว 20 ปี (พีดีพี 2015) ที่จะเสร็จภายใน 3-6 เดือนข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าที่ภาคใต้เพิ่มสูงรองรับการท่องเที่ยว จึงจำเป็นต้องมีโรงไฟฟ้าพื้นฐานในพื้นที่  เพื่อให้เกิดความมั่นคง เพียงพอ

ส่วนการเปิดประมูลปิโตรเลียมที่หมดอายุสัมปทานปี 2565-2566 แหล่ง “เอราวัณ-บงกช” รมว.พลังงานกล่าวว่า ในปีนี้ไม่สามารถเปิดทีโออาร์ประมูลได้ แต่จะดำเนินการให้เสร็จสิ้นตามโรดแมพของรัฐบาล คือภายใน 1 ปีนี้ หากดำเนินการไม่ได้ ก็ถือว่าเป็นการดำเนินการที่ล้มเหลวของกระทรวงพลังงาน เพราะเรื่องนี้ เป็นเรื่องความมั่นคงด้านพลังงาน โดยสิ่งที่มอบให้กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติดำเนินการ คือ ดูทุกด้านให้รัดกุม รอบคอบ ตอบคำถามสังคมได้  เช่น การรื้อถอนแท่นปิโตรเลียมในปัจจุบัน รื้อแล้วดำเนินการอย่างไร ตีมูลค่าอย่างไร การทบทวนแบบสัญญาระบบแบ่งปันผลผลิต (พีเอสซี) ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฏีกา โดยทีโออาร์จะต้องพิจารณาทุกอย่างให้ตกผลึก ชัดเจน มั่นคง

“ร่างทีโออาร์ แหล่ง “เอราวัณ-บงกช” จะเปิดประมูลเมื่อใด ก็คงเป็นปีหน้า แต่กรุณาอย่าใช้คำว่าเลื่อน โดยต้องดูชิ้นส่วนให้ประกอบเป็นทีโออาร์ได้ลงตัว เพราะถ้าไม่ลงตัวก็จะเกิดความสุมเสี่ยง ซึ่งการเปิดประมูลจะเสร็จภายใน 1 ปี แต่จะได้ผู้ประมูลเมื่อใดยังไม่ขอตอบ ” นายศิริ กล่าว. -สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย