แนะรัฐตั้งองค์กรกลางดูแลการออม

กรุงเทพฯ  5 ธ.ค. – นายกสมาคมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพแนะรัฐบาลตั้งองค์กรกลางดูแลการออมให้ประชาชนทุกคนมีเงินออมเพียงพอและใช้จ่ายยามเกษียณอายุ  หลังพบไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมากขึ้น พร้อมเร่งตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ ดึงบริษัทขนาดใหญ่ที่มีลูกจ้าง 100 คนเข้ามาเป็นสมาชิกกองทุนก่อน เพื่อให้แรงงานนอกระบบมีเงินออมโดยเร็ว 


นายพิสิฐ ลี้อาธรรม นายกสมาคมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เปิดเผยว่า ปัจจุบันประชากรไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมากขึ้นจะส่งผลกระทบต่อภาระงบประมาณและเงินภาษีของรัฐบาลในการดูแลผู้สูงอายุ ขณะที่การออมเพื่อวัยเกษียณของแต่ละหน่วยงานยังไม่ได้บูรณาการร่วมกัน จึงเสนอให้มีการตั้งหน่วยงานเฉพาะขึ้นมาดูแลการออมเพื่อวัยเกษียณเหมือนกับการตั้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ทำหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับการประกันภัย ประกันชีวิต และประกันวินาศภัยทั้งระบบ เพื่อสนับสนุนให้การออมเพื่อวัยเกษียณมีประสิทธิภาพประชาชนทุกคนมีเงินออมเพียงพอและใช้จ่ายยามเกษียณอายุ 

“ปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทำหน้าที่ดูแลกองทุนสำรองเลี้ยงชีพตั้งแต่ปี 2542 และดูแลบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ต่าง ๆ ทำให้ ก.ล.ต.มีหน้าที่ส่งเสริมการออมไปโดยปริยาย แต่หน้าที่หลักของ ก.ล.ต. คือ การดูแลซื้อขายหลักทรัพย์ ดังนั้น จึงเห็นว่าควรจะมีหน่วยงานกลางเข้ามาทำหน้าที่ส่งเสริมการออมให้มีความยั่งยืนและไม่ให้เป็นภาระหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง” นายพิสิฐ กล่าว


นายพิสิฐ์ ยืนยันว่า รัฐบาลควรตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติภาคบังคับ (กบช.) โดยเร็ว เพราะหากล่าช้าก็ยิ่งทำแรงงานที่อยู่นอกระบบหมดโอกาสออมเพื่อเกษียณอายุ เพราะหากออมเร็วขึ้นก็จะมีเม็ดเงินสะสมมากขึ้น ซึ่งคาดหวังว่าร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติจะบังคับใช้ให้ได้ภายในปี 2561 และจะเริ่มส่งเงินสะสมใน กบช.ปี 2562 โดยจะเริ่มจากบริษัทที่มีลูกจ้าง 100 คนขึ้นไปก่อน  เพราะยอมรับว่าปีแรกอาจจะมีบริษัทที่มีความพร้อมเข้ามาเป็นสมาชิก กบช.ไม่มาก เพราะหลายบริษัทอาจมองว่า กบช.เป็นภาระ จึงต้องเริ่มบริษัทขนาดใหญ่ก่อน แต่เชื่อว่าหากบริษัทเข้าร่วม กบช.จะช่วยสร้างขวัญและกำลังใจให้พนักงานในการดูแลความยั่งยืน และทำให้พนักงานลาออกน้อยลง เพราะมีการดูแลสวัสดิการพนักงาน ซึ่งการที่บริษัทต้องรับสมัครพนักงานใหม่แต่ละครั้งจะมีต้นทุนสูงขึ้นด้วย  ขณะที่อัตราการส่งเงินเข้า กบช.จะเริ่มที่ร้อยละ 3 ของค่าจ้าง เป็นอัตราที่ไม่สูงมาก หากบริษัทที่ยังไม่พร้อมรับภาระก็จะสามารถส่งในอัตรานี้ได้ 

นายพิสิฐ ยอมรับว่าเมื่อมีการจัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติภาคบังคับปริมาณเงินออมใหม่ผ่านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีอัตราการเติบโตที่ช้า จากปัจจุบันขนาดกองทุนอยู่ที่ 1 ล้านล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างศึกษา เพื่อไม่ให้มีผลกระทบหรือมีผลกระทบน้อยที่สุด .- สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก