เตรียมพร้อมรื้อถอนแท่นปิโตรเลียมกลางอ่าวไทย

ชลบุรี 4 ธ.ค. – กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติร่วมกับผู้รับสัมปทานปิโตรเลียม ศึกษานำร่องการนำส่วนบนของแท่นหลุมผลิตไปจัดการบนฝั่ง นับเป็นการเดินหน้าตามแผนรื้อถอนแท่นปิโตรเลียมในทะเลเป็นครั้งแรกของไทย 


กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ร่วมกับ บริษัทเชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ดำเนินโครงการศึกษานำร่องการนำส่วนบนของแท่นหลุมผลิตไปจัดการบนฝั่ง  ณ บริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ  จำกัด (มหาชน) นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเตรียมเรื้อถอนแท่นขุดเจาะปิโตรเลียม หลังหมดอายุสัมปทาน “แหล่งเอราวัณ -บงกช”ปี 2565-2566 รวมทั้งเป็นการศึกษาต้นทุนการรื้อถอนเพื่อประกอบการเปิดประมูลแล่งปิโตรเลียม


นายภูมี ศรีสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักเทคโนโลยีการประกอบกิจการปิโตรเลียม กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าวว่าโครงการดังกล่าวเป็นการดำเนินการเพื่อรื้อถอนแท่นหลุมผลิตปิโตรเลียมเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ซึ่งกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติในฐานะหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลการประกอบกิจการปิโตรเลียมของประเทศ เห็นสมควรให้มีโครงการศึกษานำร่อง เพื่อให้ผู้รับสัมปทานได้ศึกษาเทคนิควิธีการรื้อถอนแท่นหลุมผลิตที่เหมาะสมกับสภาพทะเลในอ่าวไทย การบริหารจัดการผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสียจากการรื้อถอนที่เหมาะสม ตลอดจนพัฒนาขีดความสามารถด้านการรื้อถอนของผู้ประกอบการไทย 

นายวีระศักดิ์ พึ่งรัศมี อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าวว่า กิจกรรมการรื้อถอนที่ผู้รับสัมปทานต้องดำเนินการตามกฎกระทรวงกำหนดแผนงาน ประมาณค่าใช้จ่าย และหลักประกันในการรื้อถอนสิ่งติดตั้งที่ใช้ในกิจการปิโตรเลียม พ.ศ. 2559  โดยกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติได้พิจารณามอบหมายให้ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ซึ่งเป็นผู้รับสัมปทานปิโตรเลียมตามพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 และมีแผนจะดำเนินการรื้อถอนแท่นหลุมผลิตในปี 2562 เป็นผู้ดำเนินโครงการนำร่องในการนำส่วนบนของแท่นหลุมผลิต ไปจัดการบนฝั่ง ประกอบด้วยส่วนบนของแท่นหลุมผลิตยะลาเอ (YAWA) แท่นหลุมผลิตจักรวาลบี (JKWB) 

แท่นหลุมผลิตฟูนานเอ็ม (FUWM) และแท่นหลุมผลิตฟูนานแอล (FUWL) ซึ่งเป็นแท่นหลุมผลิตในทะเลที่ได้หยุดการผลิต เนื่องจากไม่มีปริมาณสำรอง และไม่มีสมรรถนะเชิงพาณิชย์ของการเจาะหลุมผลิตเพิ่มเติม รวมทั้งไม่มีแผนการใช้งานในอนาคต 


“ในขณะนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าต้นทุนการรื้อถอนทั้งหมดจะเป็นเท่าใด หากรวมทั้งบงกช เอราวัณ อาจะเป็นแสนล้านบาท โดยการประเมินต้นทุนจะนำมาดูถึงการประเมินทรัพย์สินกรณีที่ฐานใดยังใช้งานได้ต่อเนื่องหลังหมดอายุสัมปทาน”นายวีระศักดิ์ กล่าว

ปัจจุบัน เชฟรอนฯได้เริ่มดำเนินการขนส่งส่วนบนของแท่นหลุมผลิตดังกล่าวมาบนฝั่งบริเวณจังหวัดชลบุรี และมอบหมายให้บริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แยกชิ้นส่วนเพื่อดำเนินการบริหารจัดการอย่างเหมาะสม และเมื่อการดำเนินงานแล้วเสร็จ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด จะจัดทำรายงานการสิ้นสุดโครงการฯ เพื่อนำเสนอแก่กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ต่อไป  – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ข่าวแนะนำ

อัญเชิญเรือพระที่นั่งกลับพิพิธภัณฑ์

หลังสร้างความตราตรึงให้กับชาวไทยและคนทั้งโลก กับความงดงามของขบวนพยุหยาตราทางชลมารค กองทัพเรือ และกรมศิลปากร เริ่มอัญเชิญเรือพระที่นั่ง และเรือพระราชพิธี กลับเข้าสู่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเรือพระราชพิธี ซึ่งแต่ละขั้นตอนต้องใช้ความละเอียด รอบคอบ เพราะเรือทุกลำถือเป็นสมบัติล้ำค่าของแผ่นดิน

ย้อนรอยเส้นทางชีวิต “บิ๊กโจ๊ก”

เป็นเวลากว่า 6 เดือนแล้วที่เส้นทางตำรวจของ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ต้องยุติลง หลังถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อน กรณีพัวพันเว็บพนันออนไลน์ จากนี้ชะตาชีวิต “บิ๊กโจ๊ก” ขึ้นอยู่กับ ป.ป.ช. ว่าจะได้กลับมาสวมชุดตำรวจอีกหรือไม่

“ปานเทพ” เปิดหลักฐานสัญญาชัด 71 ล้านเป็นชื่อ “มาดามอ้อย”

“อ.ปานเทพ” เปิดหลักฐานหนังสือสัญญาบอกชัด 71 ล้านบาท เป็นชื่อ “มาดามอ้อย” เปิด 3 รายชื่อให้เร่งตรวจสอบ หวั่นโยกย้ายทรัพย์สิน