อนุสาวรีย์ชัยฯ23 พ.ย.-มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เผยสถิติความรุนแรงในครอบครัวพุ่งสูงขึ้น จากข่าวปี 2559 พบ 466 เหตุการณ์ สูงสุดสามีฆ่าภรรยา รองลงมาทำร้ายร่างกาย จับมือ สสส. เร่งรณรงค์ บ้านไม่ใช่เวทีมวย ผู้ชายไม่ทำร้ายผู้หญิง
ที่บริเวณเกาะพญาไท อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดกิจกรรมรณรงค์เนื่องในวันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล ปี 2560 ภายใต้แนวคิด “บ้านไม่ใช่เวทีมวย ผู้ชายไม่ทำร้ายผู้หญิง”
ภายในงานมีกิจกรรมรณรงค์ยุติความรุนแรง ถือป้ายระบุข้อความ บ้านไม่ใช่เวทีมวย และการแสดงละครสื่อความหมาย ยุติความรุนแรงในบ้าน มวยใช้แต่บนสังเวียน และกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ถอดนวม แขวนความรุนแรงไว้นอกบ้าน และการเสวนาหัวข้อ บ้านไม่ใช่เวทีมวย
น.ส.อังคณา อินทสร หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกลกล่าวว่า สถานการณ์การกระทำความรุนแรงต่อสตรีโดยสามีนับวันยิ่งเพิ่มสูงขึ้น โดยการจากเก็บข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ 13 สำนักตลอดปี 2559 พบข่าวความรุนแรงในครอบครัวสูงถึง 466 ข่าว มากกว่าปี 2555 ที่พบจำนวน 333 ข่าว โดยในจำนวน 466 ข่าว กว่าร้อยละ 48.5 เป็นข่าวสามีฆ่าภรรยา รองลงมาร้อยละ 17.6 สามีฆ่าตัวตายตามหลังเกิดเหตุ และสามีทำร้ายร่างกายภรรยาโดยการใช้กำลังกว่าร้อยละ 17.4 และความรุนแรงทางเพศกว่าร้อยละ 5.8 สาเหตุสำคัญมาจากการหวงหึง ระแวง ฝ่ายหญิงไม่ยอมคืนดีร้อยละ 78.6 โดยมีแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยกระตุ้น และสิ่งที่น่ากังวลคือ ปัญหาความรุนแรงในครอบครัวทำให้เสียชีวิต สูงถึง 308 ข่าวหรือร้อยละ 66.1 ส่วนใหญ่คนกระทำคือผู้ชาย ถือเป็นปัญหาสำคัญที่สังคมต้องหันมาใส่ใจไม่ใช่ปัญหาภายใสครอบครัวอีกต่อไป คติความคิดที่ว่าชายเป็นใหญ่ หญิงเป็นสมบัติของผู้ชาย ถือเป็นรากฝังลึกที่ทำให้เกิดปัญหาเหล่านี้ นอกจากทำใหญ่ผู้หญิงถูกกระทำ กระทบจิตใจแล้ว ยัง ส่งผลต่อลูก สังคม และเศรษฐกิจของประเทศชาติ เพราะผู้หญิงควรได้รับการส่งเสริมพัฒาศักยภาพได้มากกว่าการเป็นนวมให้สามีซ้อม ซึ่งการรณรงค์ภายใต้แนวคิด บ้านไม่ใช่เวทีมวยนี้ เพื่อเป็นการนำกีฬามวย ที่ต้องอยู่ในสังเวียน มีกรรมการ มีคู่ต่อสู้ที่เหมาะสม ไม่ควรนำมาใช้ที่บ้าน เพราะภรรยาไม่ใช่คู่ต่อสู้ สื่อความหมายถึงผู้ชายให้ยุติความรุนแรงต่อภรรยา
นางสาวเอ (นามสมมติ) วัย 34 ปี หนึ่งในผู้หญิงที่ถูกสามีทำร้ายร่างกาย บอกว่า แม้เหตุการความรุนแรงจะผ่านมาแล้วกว่า 7 ปี แต่ความโหดร้ายยังคงอยู่ในความทรงจำ ไม่ต่างจากรอยแผลเป็นตามร่างกาย เธอถูกอดีตสามีทำร้ายอย่างหนักทั้งไม้หน้าสามและเหล็กตี ใช้มีดแทงที่ท้อง และรุนแรงที่สุดคือฟันเข้าที่ศีรษะแต่เธอหลบ แล้วเอามือรับ จนทำให้มือด้านซ้ายเอ็นขาด ใช้การไม่ได้นานหลายปี ในทีสุดทนไม่ไหวจึงแจ้งมาที่มูลนิธิชายหญิงก้าวไกล จนได้รับการช่วยเหลือ แม้ปัจจุบันอดีตสามีจะถูกจำคุก แต่ความกลัวที่มีก็ไม่ลดลง
พร้อมอยากฝากเตือนผู้หญิงทุกคนที่ร่วมชะตากรรมเดียวกับเธอว่า อย่าทนข์ทุกทรมานกับความเจ็บปวดจากคนที่ขึ้นชื่อว่า สามีหยิบยื่นให้ เพียงเพราะคิดว่าเขาคือคู่ชีวิต คือพ่อของลูก ควรต่อสู้ ออกมาเรียกร้องสิทธิของตัวเอง ออกมาจากความรุนแรง ต้องรู้จักที่จะขอความช่วยเหลือจากคนอื่นและสังคม รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยไม่ต้องอาย เพราะคนที่ควรอายมากที่สุดคือคนที่ทำร้ายร่างกายเรา ฟันเข้าที่หัวแต่เธอใช้มือรับจึงทำให้มือด้านซ้ายเอ็นขาด ใช้การไม่ได้หลายปี สาเหตุสำคัญคือสามีหึงหวง เพราะคิดว่าเธอมีชู้.-สำนักข่าวไทย