ครอบครัว ‘เมย’ มารับอวัยวะที่รพ.พระมงกุฎเกล้า

กทม. 23 พ.ย.-ครอบครัว ‘เมย’ นักเรียนเตรียมทหารที่เสียชีวิต เดินทางมารับอวัยวะที่ รพ.พระมงกุฎเกล้า เพื่อนำไปผ่าพิสูจน์กับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รอบ 2




ที่โรงพยาบาล (รพ.)  พระมงกุฎเกล้า เวลาประมาณ 11.00 น.ผู้สื่อข่าวติดต่อสอบถามไปยัง น.ส.สุพิชชา ตัญกาญจน์ หรือเมี่ยง พี่สาวของนายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ที่เสียชีวิตหลังกลับเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร เพียง 1 วัน โดยในวันนี้จะเดินทางมาพร้อมกับนายพิเชษฐและนางสุกัลยา ตัญกาญจน์ พ่อและแม่ของน้องเมย เพื่อมารับชิ้นส่วนอวัยวะที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพของโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้าได้นำออกไปจากร่างของน้องเมยเพื่อไปทำการตรวจพิสูจน์รอบแรก  ได้แก่ หัวใจ สมอง กระเพาะอาหาร เพื่อนำไปให้สถาบันนิติวิทยา ตรวจซ้ำรอบ 2 

พนักงานสอบสวน สภ.องครักษ์ จ.นครนายก นัดครอบครัวไว้ที่สถาบันพยาธิวิทยา รพ.พระมงกุฎเกล้า เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางไปถึงเจ้าหน้าที่ประจำตึกแจ้งว่าสถานที่แคบเกินไปที่จะรองรับสื่อมวลชน จึงขอให้คณะสื่อไปรอที่ห้องพักผู้วายชนม์ ด้านในสุดของโรงพยาบาล โดยในห้องได้มีการนำกล่องโฟม 2 กล่องบรรจุชิ้นอวัยวะของน้องเมยเตรียมให้ครอบครัวนำส่งต่อให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์


เวลา 11.15 น. ครอบครัวเดินทางมาถึงบริเวณหน้าห้องพักผู้วายชนม์ โดยมี พล.ต.นพ.ธารา พูนประชา ผู้อำนวยการสถาบันพยาธิวิทยา ศูนย์อำนวยการแพทย์พระมงกุฎเกล้า ต้อนรับและอธิบายขั้นตอนการรับอวัยวะ บรรยากาศระหว่างที่มีการอธิบายขั้นตอน เป็นไปด้วยความโศกเศร้า คุณแม่ของน้องเมยร้องไห้ตลอดเวลา และระหว่างนั้นคุญแม่ได้ถามถึงชิ้นส่วนหัวใจก่อนจะเดินเอามือไปวางบนกล่อง ก่อนจะพูดทั้งน้ำตาว่า “เมย แม่จะพูดอะไรกับลูกคำนึงว่า ใจแม่คิดถึงลูก มีอะไรก็บอกแม่ ขอให้บอกแม่มา ” ก่อนพ่อจะดึงตัวกลับเข้าไปโอบกอดปลอบใจ 

พล.ต.นพ.ธารา ได้กล่าวขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น และแจ้งถึงผลการตรวจของทีมแพทย์ ระบุว่าหัวใจของน้องเมย มีอาการโตผิดปกติ สรุปคือเป็นกล้ามเนื้อหัวใจโต แต่ว่าโตจากอะไร ขณะนี้ยังตอบไม่ได้ เนื่องจากทางครอบครัวต้องการนำหัวใจและอวัยวะอื่นๆไปให้สถาบันนิติฯตรวจรอบ 2 ซึ่งถ้าหากยังอยู่ที่สถาบันจะได้เชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวไจมาตรวจหาสาเหตุให้ประจักษ์ต่อไป

ส่วนสาเหตุที่ไม่ได้แจ้งกับครอบครัวว่ามีการนำหัวใจออกไปจากร่างเป็นเพราะความรอบคอบของทีมแพทย์เพราะทีมงานรู้อยูแล้วว่าเป็นการเสียชีวิตแบบผิดธรรมชาติ จึงต้องนำออกผ่าพิสูจน์หาสาเหตุซึ่งกฎหมายระบุไว้ว่าไม่ต้องบอกญาติก็ได้ แต่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นคงต้องขอใช้เหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนสำคัญให้หน่วยงานต่างๆมาปรับเปลี่ยนวิธีการในอนาคต เพื่อที่จะไม่ใช่ดูแลแค่ศพ แต่ต้องดูแลจิตใจญาติด้วย 

พร้อมกับตอบข้อซักถามของพี่สาวน้องเมยว่ายังไม่ได้รับผลการตรวจภายในจากโรงเรียนนายร้อยฯ เพราะตามกฎของโรงพยาบาล หากได้รับมาจะทำให้ที่แพทย์เกิดความลำเอียงได้ ทางสถาบันฯจะรับศพมาโดยที่ไม่มีข้อมูลใดๆ ทำหน้าที่มาวินิจฉัยใหม่ทั้งหมดถึงสาเหตุการเสียชีวิต เหมือนทำหน้าที่เป็นศาลตัดสินการเสียชีวิต ในอนาคตจะต้องมีการปรับเปลี่ยนระบบเพื่อดูข้อมูลควบคู่กันไป ตอนนี้ยอมรับขั้นตอนระบบยังไม่นิ่ง ผลจากจึงยังไม่ออกมาชัดเจน เมื่อผลที่ได้ยังไม่ชัดเจน ทางผู้ใหญ่จึงยังไม่ได้รับข้อมูล 

ส่วนที่ทางรัฐมนตรีกลาโหมไปให้ข่าวว่า เป็นฮีทสโตรก เพราะที่ผ่านมานักเรียนเตรียมฯมีปัญหาเรื่องฮีทสโตรกเยอะจนทำให้เสียชีวิต 

“เรื่องนี้มีนักข่าวไปถามท่าน ท่านก็ต้องตอบตามข้อมูล เพราะถ้าหากนิ่งก็จะเหมือนว่าท่านไม่ตอบสนอง”พล.ต.นพ.ธารา  กล่าว

ด้านนายพิเชษฐ  บิดาของน้องเมย กล่าวฝากไปถึง พล.อ.ประวิทย์ วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่ออกมาให้ข่าวว่าลูกตนเสียชีวิตด้วยโรคฮีทสโตรกบ้าง เป็นทหารต้องอดทนบ้าง จนนายกรัฐมนตรี หรือ ผบ.ทหารสูงสุดต้องออกมาแก้ข่าวให้ ระบุคนเป็นพ่อแค่ลูกเสียชีวิตก็เสียใจมากพอแล้ว แล้วการที่ท่านมาให้ข่าวแบบนี้ ท่านไม่ให้คุณค่า ไม่ให้เกียรติกับลูกตัวเองเลย ก็อยากฝากไปถึงผู้ใหญ่ในบ้านเมืองบ้าง การออกมาให้ข่าวขอให้นึกถึงใจคนเสียชีวิตบ้าง

“คนเป็นพ่อเป็นแม่ถ้าลูกตายคุณจะเสียใจไหม พี่ตาย น้องตายยังไม่เสียใจเท่าลูกตาย ถ้าลูกคุณตายทั้งคนคุณจะเสียใจไหม” คุณพ่อน้องเมยกล่าว

หลังเสร็จสิ้นการเซ็นต์เอกสารรับ ครอบครัวน้องเมยก็ได้นำกล่องอวัยวะออกไปไว้บนรถ ก่อนเดินทางไปยังโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ รังสิต พร้อมกับพนักงานสอบสวน สภ.องครักษ์ โดย ครอบครัวของน้องเมยไม่สะดวก ที่จะให้สัมภาษณ์เนื่องจากสภาพจิตใจยังไม่พร้อม .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]