ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 22 พ.ย.-“อภิสิทธิ์” แจงคณะกรรมการปฎิรูปการเมือง ควรชัดเจนว่าทิศทางประเทศจะไปทางไหน หวัง กกต.-สำนักทะเบียนราษฎร์ แก้ปัญหาเรื่องการเปลี่ยนแปลงสมาชิกพรรค ชมรัฐบาลไม่เร่งเลือกตั้งท้องถิ่น
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าชี้แจงคณะกรรมการปฏิรูปการเมือง ที่มีนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ เป็นประธาน ว่า เห็นด้วยกับกรอบที่คณะกรรมการฯ ได้วางไว้ แต่มีสิ่งที่อยากจะเสนอแนะเพิ่มเติมในเรื่องการจัดลำดับความสำคัญ ความเร่งด่วนที่ควรจะดำเนินการ แม้ว่าแผนดังกล่าวจะหวังผลใน 5 ปีจากนี้ แต่เมื่อเราอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านก่อนการเลือกตั้ง มีบางเรื่องจึงควรใช้ความไม่ปกติเป็นตัวนำในการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง เช่น มีเแผนเฉพาะหน้าว่าการแข่งขันเพื่อที่จะเข้าสู่การเมือง ควรอยู่ในขอบเขตไหน อะไรในอดีตที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต สิ่งเหล่านี้ควรต้องพิจารณาเพื่อให้สอดคล้องเมื่อมีการผ่อนคลายทางการเมืองและเข้าสู่การเลือกตั้ง มาตรฐานคุณธรรม จริยธรรมผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อะไรที่ควรให้เกิดขึ้นก็ควรทำ จะได้เห็นว่าการเมืองที่เราปรารถนามีหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ถ้าเราไม่มีแผนในขณะนี้เลย ก็เหมือนเราอยู่ในสภาวะไม่ปกติ เลือกตั้งแล้วก็ไม่รู้จะไปในทิศทางไหน
“ที่เน้นมาตลอดการเมืองจะเปลี่ยนวัฒนธรรมการเมือง ที่ผ่านมาเราใช้เวลาไปมากกับการร่างกฎหมาย แต่วัฒนธรรมการเมือง ถ้าไม่เอามารยาทเข้ามามากกว่ากฎกติกาก็เปลี่ยนยาก เวลานี้ถ้าถามว่าพร้อมเลือกตั้งหรือไม่ มันยากที่จะรู้ว่าพร้อมไม่พร้อม เพราะเรายังไม่รู้พฤติกรรมของฝ่ายต่าง ๆ โดยเฉพาะนักการเมืองเป็นอย่างไร แต่มันจะชัดเจนเมื่อให้พรรคการเมืองเดินหน้าปฏิรูปตามกฎหมายใหม่ ตามความคิดของแต่ละพรรคว่าเขาจะเปลี่ยนตัวเองอย่างไร” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวขอบคุณนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่รับฟังข้อเสนอขอตนว่าควรพิจารณาเรื่องการปฏิรูปปรับโครงสร้างของท้องถิ่น ก่อนตัดสินใจให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่น เพราะไม่มีประโยชน์ที่จะเลือกตั้งไปตามกฎหมายเดิมก่อน แล้วมาแก้ไขปรับโครงสร้าง ซึ่งก็ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ รวมทั้งข้อเสนอที่จะสะสางมาตรา 44 ที่ใช้กับผู้บริหารท้องถิ่น ใครที่ผิดก็ลงโทษไปตามกฎหมาย แต่ใครที่ไม่ผิด ก็ควรคืนตำแหน่งให้ เพื่อไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบเมื่อเข้าสู่การเลือกตั้ง และที่สำคัญเห็นว่าควระต้องหารือกับ กกต. เพราะภาระหนักจะตกอยู่ที่ กกต. ไม่ใช่ปล่อยเลือกตั้งท้องถิ่นไปแล้ว สุดท้ายก็ได้แบบเดิมมา เพราะสิ่งที่เราต้องการคือการเลือกตั้งที่สุจริต เที่ยงธรรม
“ควรหารือกับ กกต.เขา โดยเฉพาะเอาภารกิจหลักของ กกต. คือการจัดการเลือกตั้งระดับชาติ ถามเขาว่าถ้าต้องมาจัดเลือกตั้งท้องถิ่นก่อน จะเป็นปัญหาเขาไหม และ กกต.ก็ควรพูดความจริง อย่าเกรงใจกันว่า ถ้า กกต.ต้องดูแลเรื่องแบ่งเขต เรื่องไพรมารี่โหวตของพรรคการเมืองด้วยไม่มีปัญหาเลย ถ้าจะจัดท้องถิ่นด้วย แต่ถ้าเห็นว่าเป็นอุปสรรคภาระงานเยอะ รัฐบาลก็ควรรับฟัง เพราะสิ่งที่เราต้องการ คือ การทำให้การเลือกตั้งสุจริต เที่ยงธรรม ได้คนดี มันสำคัญกว่า” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงข้อเสนอที่ให้มีการปรองดองก่อนการเลือกตั้งว่า อย่างที่ตนบอกก่อนหน้านี้แล้วว่าอยากเห็นแผนเฉพาะหน้าว่าระยะเปลี่ยนผ่านจะทำอย่างไร ที่ผ่านมายังไม่ค่อยเห็นการมาทำความเข้าใจของผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้ง คสช. พรรคการเมือง เอ็นจีโอ สื่อมวลชน ว่าปัญหาที่ผ่านมาคืออะไร
“ที่ผ่านมา คสช.จะใช้วิธีการเชิญคนไป ทั้งปรับทัศนคติและขอความเห็น แต่ไม่เคยมีในลักษณะของการแลกเปลี่ยน ทุกคนจะรู้เมื่อท่านออกมาอย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว กลายเป็นว่าสิ่งที่เรารู้ รู้แต่ความเห็นตัวเอง และเมื่อไม่มีการแลกเปลี่ยนก็หาจุดร่วมไม่ได้ ทำให้ความเข้าใจเกิดขึ้นได้ยาก ซึ่งเป็นอย่างนี้มา 3 ปี คสช. ควรมีการทบทวน เพราะถ้าย้อนไปถามใครก็จะไม่มีใครตอบได้เลยว่าปฏิรูปแล้วจะไปในทิศทางใด” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงการแจ้งเปลี่ยนแปลงฐานข้อมูลสมาชิกพรรค ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ว่า ขณะนี้กำลังรอสำนักงาน กกต.คุยกับสำนักทะเบียนราษฎร์ กระทรวงมหาดไทยว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร แต่เห็นว่าแนวนี้เป็นแนวทางที่ง่ายที่สุด
“เพราะพรรคประชาธิปัตย์มีสมาชิก 2,800,000 คน การจะให้พรรคไปตรวจสอบว่าสมาชิกอยู่ที่ไหน ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายมาก แต่ถ้าให้สำนักทะเบียนราษฎร์ยืนยันตัวตนมา ก็จะทราบได้ทันที และไม่ต้องมีใครไปติดคุก ไม่ไปละเมิดสิทธิ์ใคร รวมทั้งใช้เวลาเพียง 1 สัปดาห์ก็แล้วเสร็จ ก็จะทันในกรอบเวลา 90 วันตามที่กฎหมายกำหนด ไม่ต้องไปแก้กฎหมายลูก” นายอภิสิทธิ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย