ดีแทคเผยเทรนด์คนดิจิทัล รักการการเรียนรู้ตลอดเวลา

กรุงเทพฯ 21 พ.ย. – ผู้บริหารดีแทค เผยงานด้านเทคโนโลยียังเป็นที่ต้องการของโลกยุคใหม่ พร้อมวาง 4 กลยุทธ์ผลักดันองค์กร


นางสาวนาฏฤดี อาจหาญวงศ์ รองประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานบริหารทรัพยากรบุคคล บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC กล่าวว่า จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด พบว่า ในประเทศพัฒนาแล้ว ตำแหน่งงานในตลาดจะสูญหายไปถึงร้อยละ 47 ภายใน 25 ปีข้างหน้า จากการแทนที่ของเทคโนโลยีและหุ่นยนต์ รวมทั้งงานด้านเทคโนโลยียังคงเป็นที่ต้องการทั่วโลก และคาดว่าตลาดจะเผชิญภาวะขาดแคลนแรงงานด้านเทคโนโลยีถึงร้อยละ 30 ในปี 2563 เมื่อเทียบกับจำนวนการผลิตของมหาวิทยาลัย สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของตลาดแรงงานทั่วโลกและไทย โดยบริษัทต้องมีการปรับตัวเพื่อตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคและขับเคลื่อนองค์กร

ขณะที่ บุคลากรดิจิทัล ในอนาคต จะมีลักษณะชื่นชอบการทำงานลักษณะแบบ Project  มากกว่างานประจำ ต้องการเวทีแสดงผลงาน ต้องการประสบความสำเร็จ ต้องการผลตอบแทนในรูปของการเป็นเจ้าของหรือลิขสิทธิ์ทางปัญญา ชอบสภาพแวดล้อมการทำงานที่ไม่เป็นทางการ ชอบการทำงานแบบ Connectivity เชื่อมโยงกับหลายฝ่าย และสิ่งสำคัญ คือ รักการเรียนรู้ตลอดเวลา


ทั้งนี้ ดีแทคได้วางกลยุทธ์ผ่านสี่เสาหลัก เพื่อขับเคลื่อนองค์กร ประกอบด้วย 1. โครงสร้างองค์กร การปรับรูปแบบโครงสร้างให้มีความคล่องตัวมากขึ้นลดขั้นตอนและลำดับชั้นเพื่อให้มีการตัดสินใจได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น 2. วัฒนธรรมองค์กร ที่มุ่งเน้นการสร้างผลงานเป็นสำคัญมากกว่าการทำงานแบบกิจวัตร 3. ทักษะและความคิด ส่งเสริมให้มีทักษะที่เหมาะสมกับการทำงานในยุคดิจิทัล ทั้ง ทักษะความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ การคิดเชิงวิพากษ์และการทำงานเป็นทีม และ 4. มุ่งเสริมสร้างประสบการณ์ดิจิทัลแก่พนักงาน ด้วยการอบรมผ่านหลักสูตรออนไลน์ที่สามารถเรียนรู้ได้ 24 ชั่วโมง. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย