รฟม. วางแผนก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู

กรุงเทพฯ 20 พ.ย. – รฟม. แถลงแผนการเตรียมพื้นที่สำหรับงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู


นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ช่วยผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ผู้อำนวยการโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู      ช่วงแคราย-มีนบุรี เป็นประธานในงานแถลงข่าวการปิดเบี่ยงจราจรเพื่อทำ เข็มทดสอบและรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภค สำหรับการเตรียมงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย – มีนบุรี โดยมี พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ด้านจราจร) และนายวิฑูรย์ สลิลอำไพ ผู้แทนจาก บริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด ร่วมแถลง 

นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย – มีนบุรี เป็นหนึ่งในแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล หรือ M-MAP เพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนในพื้นที่ด้านเหนือของกรุงเทพมหานคร โดยแนวเส้นทางเริ่มต้นที่สถานีศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี ซึ่งถือเป็นจุดเชื่อมต่อกับระบบรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ บริเวณใกล้แยกแคราย ผ่านถนนติวานนท์จนถึงห้าแยกปากเกร็ด แล้วจึงเลี้ยวเข้าถนนแจ้งวัฒนะผ่านเมืองทองธานี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ไปเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ที่แยกหลักสี่บริเวณริมถนนวิภาวดี-รังสิต และเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ บนถนนพหลโยธินบริเวณวงเวียนอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญเข้าสู่ถนนรามอินทรา สิ้นสุดปลายทางที่สถานีมีนบุรี ซึ่งจะบรรจบกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-มีนบุรี รวม 30 สถานี ระยะทาง 34.5 กิโลเมตร โดยมีศูนย์ซ่อมบำรุง  1 แห่ง และอาคารจอดแล้วจร 1 แห่ง บริเวณสถานีมีนบุรี 


ซึ่งปัจจุบันโครงการอยู่ในช่วงของการเข้าพื้นที่ เพื่อเริ่มดำเนินการรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภคสำหรับเตรียมพื้นที่โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า ซึ่งในวันนี้จะเริ่มปิดเบี่ยงช่องจราจรถนนติวานนท์ บริเวณคลองบางตลาด  ถึงกรมชลประทาน และบริเวณถนนรามอินทราตรงข้ามสถานีตำรวจทางหลวง 2 กองบังคับการ 8 เพื่อดำเนินงานเข็มทดสอบ ซึ่งเป็นการทดสอบการรองรับน้ำหนักของเสาเข็ม และจะดำเนินงานรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภค   ในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2560 นี้อีกด้วย   

ด้าน นายวิฑูรย์ สลิลอำไพ ผู้จัดการฝ่ายวิศวกรรม บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น เปิดเผยว่า สำหรับการปิดเบี่ยงช่องจราจร เพื่อดำเนินงานเข็มทดสอบนั้น จะดำเนินการ 2 จุด ตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน 2560 จนถึง 15 มีนาคม 2561 ได้แก่ จุดแรก ถนนติวานนท์ บริเวณคลองบางตลาดถึงกรมชลประทาน ระยะทางประมาณ 210 เมตร ตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน 2560 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2561 จะปิดการจราจรช่องทางขวาสุด (ชิดเกาะกลางถนน) 1 ช่องจราจร ทั้งขาเข้า – ขาออก ตลอด 24 ชั่วโมงและปิดการจราจรเพิ่มอีก 1 ช่องทาง (ขาออก) ในช่วงเวลา 22.00 – 04.00 น.  จุดที่ 2 ถนนรามอินทรา บริเวณฝั่งขาเข้า ตรงข้ามสถานีตำรวจทางหลวง 2 กองบังคับการ 8 (ใกล้ศูนย์การค้าแฟชั่น ไอซ์แลนด์) ระยะทางประมาณ 200 เมตร ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2560 ถึง วันที่ 15 มีนาคม 2561 จะปิดการจราจรช่องทางซ้ายสุด 1 ช่องจราจร บริเวณฝั่งขาเข้า ตั้งแต่เวลา 22.00 – 04.00 น. เฉพาะวันที่มีการขนย้ายเครื่องจักรหนักและวันที่มีงานเทคอนกรีต

ส่วนในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2560 เป็นต้นไป โครงการจะเริ่มปิดเบี่ยงจราจรเพื่อดำเนินงานในส่วนรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภคใต้ดิน โดยจะทยอยดำเนินการรื้อย้ายในช่วงสั้นๆ ช่วงละประมาณ 200 เมตร เมื่อรื้อย้ายแล้วเสร็จจะคืนผิวจราจรก่อน จากนั้นจึงจะขยับปิดผิวจราจรช่วงใหม่อีก 200 เมตร ดำเนินการเช่นนี้ ไปจนเสร็จ ยกเว้น 8 จุดสำคัญที่จำเป็นต้องปิดการจราจรเพิ่มเติมอีก 1 ช่องจราจร ในช่วงเวลา 22.00 – 04.00 น. ได้แก่           1.บริเวณเชิงสะพานพระราม 4 (PK 6 – PK 7) 2.บริเวณคลองประปา – เชื่อมสู่ถนนวิภาวดีรังสิต (PK 11 – PK 13)   3.บริเวณวงเวียนบางเขน (PK 16 – PK 17) 4.บริเวณสนามกอล์ฟทหารบก (PK 17 – PK 18) 5.บริเวณแยกลาดปลาเค้า (PK 18 – PK 23) 6.บริเวณแยกคู้บอน – ถนนรามอินทรา 87 (PK 23 – PK 24) 7.บริเวณคลองบางชัน (PK 26) และ 8. บริเวณแยกเมืองมีน (PK 28 – PK 29)   


ด้าน พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร เปิดเผยว่า การปิดเบี่ยงจราจรในบริเวณถนนติวานนท์นั้น คาดว่าไม่ส่งผลกระทบมากนัก เนื่องจากบริเวณที่ปิดการจราจรมีปริมาณรถไม่หนาแน่น ยกเว้น     ช่วงเช้าและช่วงเย็น แต่สำหรับการปิดการจราจรบริเวณถนนรามอินทรานั้น อาจมีรถติดสะสมได้ จึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงเส้นทาง โดยสามารถใช้ถนนปัญญาอินทรา ถนนเสรีไทย หรือขึ้นทางด่วนอาจณรงค์ – รามอินทรา หน้าศูนย์การค้าแฟชั่น ไอซ์แลนด์ ทดแทนได้ ส่วนกรณีการปิดเบี่ยงจราจรเพื่อรื้อย้ายสาธารณูปโภคนั้น เบื้องต้นคาดว่าจะไม่มีการปิดจุดกลับรถในพื้นที่ และเน้นการปิดกั้นเพียงช่องจราจรเท่านั้น 

นอกจากนี้ ยังได้จัดเส้นทางสำหรับหลีกเลี่ยงการจราจรไว้หลายเส้นทาง เช่น ถนนติวานนท์ สามารถเลี่ยงเข้าสู่ถนนสามัคคี เพื่อไปยังถนนประชาชื่นหรือถนนเลี่ยงเมืองปากเกร็ดได้ ส่วนถนนแจ้งวัฒนะ สามารถเลี่ยงเข้าซอยแจ้งวัฒนะ 14 เพื่อออกสู่ถนนกำแพงเพชร 6 ด้านถนนพหลโยธิน สามารถเลี่ยงเข้าซอยพหลโยธิน 48 เพื่อออกสู่ถนนรามอินทรา และจากถนนรามอินทรา สามารถเลี้ยวเข้าซอยมัยลาภเพื่อออกสู่ถนนเกษตร-นวมินทร์ หรือเข้าซอยรามอินทรา 39 เพื่อออกสู่ถนนวัชรพลและถนนสุขาภิบาล 5 ได้ ยังสามารถเลี้ยวเข้าถนนปัญญาอินทรา หรือถนนพระยาสุเรนทร์ เพื่อมุ่งหน้าสู่  ถนนหทัยราษฎร์ เป็นต้น ซึ่งแผนการจัดจราจรดังกล่าว น่าจะช่วยระบายรถออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ           แต่ในอนาคตอาจมีการปรับแผนการจัดจราจรเพิ่มเติม เมื่อมีการปิดถนนจริง เพื่อให้ประชาชนที่ใช้รถใช้ถนน   ได้รับความสะดวกมากที่สุด – สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ชาวบ้าน-พระ เดือดร้อน

สุโขทัย 28 ส.ค. – หลายพื้นที่เมืองสุโขทัย จมอยู่ใต้น้ำและขยายวงกว้าง แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ด้านหลังวัดปากแคว พระและชาวบ้าน ช่วยกันขนสิ่งของหนีน้ำ ภาพมุมสูง เผยให้เห็นสภาพน้ำท่วมสูงภายในวัดปากแคว และบริเวณโดยรอบ ทหารนำกำลังพล 22 นาย ลงพื้นที่ช่วยเหลือ พระวัดปากแคว ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 2 หมู่ 4 ต.ปากแคว 4 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ถูกน้ำท่วมขยายวงกว้าง รถยนต์จมน้ำหลายคัน ด้านหลังวัดปากแคว อำเภอเมือง แม่น้ำยมผนังกั้นน้ำล้นตลิ่ง มวลน้ำมหาศาล ทะลักเข้าท่วมเต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงรอบวัดเกือบ 2 เมตร ทะลักเข้าท่วม ไหลข้ามถนนจรดวิถีถ่อง ระยะทางกว่า 500 เมตร ต้องปิดกั้นถนนห้ามสัญจรไปมา พระครูปลัดสุวัฒนสาธุคุณ (พระอาจารย์นาค) เจ้าคณะตำบลบ้านกล้วย เจ้าอาวาสวัดพายชุมพล หลังทราบข่าว ระดับน้ำท่วม ในวัดปากแคว รีบนำอาหารกล่องพร้อมทั้งถุงยังชีพ เข้าไปถวายพระสงฆ์ 18 รูป ที่จำพรรษาอยู่ในวัดปากแคว เร่งหาผู้สูญหายที่แม่ฮ่องสอน […]

เร่งค้นหาอีก 3 ผู้สูญหายดินถล่มปางอุ๋ง ท่ามกลางความหวังของญาติ

28 ส.ค. – เข้าสู่วันที่ 2 ของเหตุดินโคลนถล่มบ้านปางอุ๋ง หมู่บ้านกลางหุบเขา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอีก 3 ราย โดยระดมกำลังนับร้อยนายพร้อมเครื่องจักรเดินหน้าค้นหา ท่ามกลางบรรดาญาติที่เฝ้ารอด้วยความหวัง ล่าสุดวันนี้พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มเป็น 6 ราย และยังสูญหายอีก 3 คน ขณะที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียบ้านที่อยู่มาหลายสิบปีและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. โผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด

กทม. 28 ส.ค.-ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. หลัง “ภูมิธรรม” ถกลับ ผบ.ตร. นานหลายชั่วโมง เหตุมีหนังสือร้องเรียนจำนวนมาก ทำโผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2568 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 มีระเบียบวาระการประชุม 5 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ /วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 6/2568 /วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.สืบสวนสอบสวน ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการแทน […]

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]