รฟม. วางแผนก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู

กรุงเทพฯ 20 พ.ย. – รฟม. แถลงแผนการเตรียมพื้นที่สำหรับงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู


นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ช่วยผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ผู้อำนวยการโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู      ช่วงแคราย-มีนบุรี เป็นประธานในงานแถลงข่าวการปิดเบี่ยงจราจรเพื่อทำ เข็มทดสอบและรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภค สำหรับการเตรียมงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย – มีนบุรี โดยมี พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ด้านจราจร) และนายวิฑูรย์ สลิลอำไพ ผู้แทนจาก บริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด ร่วมแถลง 

นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย – มีนบุรี เป็นหนึ่งในแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล หรือ M-MAP เพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนในพื้นที่ด้านเหนือของกรุงเทพมหานคร โดยแนวเส้นทางเริ่มต้นที่สถานีศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี ซึ่งถือเป็นจุดเชื่อมต่อกับระบบรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ บริเวณใกล้แยกแคราย ผ่านถนนติวานนท์จนถึงห้าแยกปากเกร็ด แล้วจึงเลี้ยวเข้าถนนแจ้งวัฒนะผ่านเมืองทองธานี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ไปเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ที่แยกหลักสี่บริเวณริมถนนวิภาวดี-รังสิต และเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ บนถนนพหลโยธินบริเวณวงเวียนอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญเข้าสู่ถนนรามอินทรา สิ้นสุดปลายทางที่สถานีมีนบุรี ซึ่งจะบรรจบกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-มีนบุรี รวม 30 สถานี ระยะทาง 34.5 กิโลเมตร โดยมีศูนย์ซ่อมบำรุง  1 แห่ง และอาคารจอดแล้วจร 1 แห่ง บริเวณสถานีมีนบุรี 


ซึ่งปัจจุบันโครงการอยู่ในช่วงของการเข้าพื้นที่ เพื่อเริ่มดำเนินการรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภคสำหรับเตรียมพื้นที่โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า ซึ่งในวันนี้จะเริ่มปิดเบี่ยงช่องจราจรถนนติวานนท์ บริเวณคลองบางตลาด  ถึงกรมชลประทาน และบริเวณถนนรามอินทราตรงข้ามสถานีตำรวจทางหลวง 2 กองบังคับการ 8 เพื่อดำเนินงานเข็มทดสอบ ซึ่งเป็นการทดสอบการรองรับน้ำหนักของเสาเข็ม และจะดำเนินงานรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภค   ในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2560 นี้อีกด้วย   

ด้าน นายวิฑูรย์ สลิลอำไพ ผู้จัดการฝ่ายวิศวกรรม บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น เปิดเผยว่า สำหรับการปิดเบี่ยงช่องจราจร เพื่อดำเนินงานเข็มทดสอบนั้น จะดำเนินการ 2 จุด ตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน 2560 จนถึง 15 มีนาคม 2561 ได้แก่ จุดแรก ถนนติวานนท์ บริเวณคลองบางตลาดถึงกรมชลประทาน ระยะทางประมาณ 210 เมตร ตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน 2560 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2561 จะปิดการจราจรช่องทางขวาสุด (ชิดเกาะกลางถนน) 1 ช่องจราจร ทั้งขาเข้า – ขาออก ตลอด 24 ชั่วโมงและปิดการจราจรเพิ่มอีก 1 ช่องทาง (ขาออก) ในช่วงเวลา 22.00 – 04.00 น.  จุดที่ 2 ถนนรามอินทรา บริเวณฝั่งขาเข้า ตรงข้ามสถานีตำรวจทางหลวง 2 กองบังคับการ 8 (ใกล้ศูนย์การค้าแฟชั่น ไอซ์แลนด์) ระยะทางประมาณ 200 เมตร ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2560 ถึง วันที่ 15 มีนาคม 2561 จะปิดการจราจรช่องทางซ้ายสุด 1 ช่องจราจร บริเวณฝั่งขาเข้า ตั้งแต่เวลา 22.00 – 04.00 น. เฉพาะวันที่มีการขนย้ายเครื่องจักรหนักและวันที่มีงานเทคอนกรีต

ส่วนในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2560 เป็นต้นไป โครงการจะเริ่มปิดเบี่ยงจราจรเพื่อดำเนินงานในส่วนรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภคใต้ดิน โดยจะทยอยดำเนินการรื้อย้ายในช่วงสั้นๆ ช่วงละประมาณ 200 เมตร เมื่อรื้อย้ายแล้วเสร็จจะคืนผิวจราจรก่อน จากนั้นจึงจะขยับปิดผิวจราจรช่วงใหม่อีก 200 เมตร ดำเนินการเช่นนี้ ไปจนเสร็จ ยกเว้น 8 จุดสำคัญที่จำเป็นต้องปิดการจราจรเพิ่มเติมอีก 1 ช่องจราจร ในช่วงเวลา 22.00 – 04.00 น. ได้แก่           1.บริเวณเชิงสะพานพระราม 4 (PK 6 – PK 7) 2.บริเวณคลองประปา – เชื่อมสู่ถนนวิภาวดีรังสิต (PK 11 – PK 13)   3.บริเวณวงเวียนบางเขน (PK 16 – PK 17) 4.บริเวณสนามกอล์ฟทหารบก (PK 17 – PK 18) 5.บริเวณแยกลาดปลาเค้า (PK 18 – PK 23) 6.บริเวณแยกคู้บอน – ถนนรามอินทรา 87 (PK 23 – PK 24) 7.บริเวณคลองบางชัน (PK 26) และ 8. บริเวณแยกเมืองมีน (PK 28 – PK 29)   


ด้าน พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร เปิดเผยว่า การปิดเบี่ยงจราจรในบริเวณถนนติวานนท์นั้น คาดว่าไม่ส่งผลกระทบมากนัก เนื่องจากบริเวณที่ปิดการจราจรมีปริมาณรถไม่หนาแน่น ยกเว้น     ช่วงเช้าและช่วงเย็น แต่สำหรับการปิดการจราจรบริเวณถนนรามอินทรานั้น อาจมีรถติดสะสมได้ จึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงเส้นทาง โดยสามารถใช้ถนนปัญญาอินทรา ถนนเสรีไทย หรือขึ้นทางด่วนอาจณรงค์ – รามอินทรา หน้าศูนย์การค้าแฟชั่น ไอซ์แลนด์ ทดแทนได้ ส่วนกรณีการปิดเบี่ยงจราจรเพื่อรื้อย้ายสาธารณูปโภคนั้น เบื้องต้นคาดว่าจะไม่มีการปิดจุดกลับรถในพื้นที่ และเน้นการปิดกั้นเพียงช่องจราจรเท่านั้น 

นอกจากนี้ ยังได้จัดเส้นทางสำหรับหลีกเลี่ยงการจราจรไว้หลายเส้นทาง เช่น ถนนติวานนท์ สามารถเลี่ยงเข้าสู่ถนนสามัคคี เพื่อไปยังถนนประชาชื่นหรือถนนเลี่ยงเมืองปากเกร็ดได้ ส่วนถนนแจ้งวัฒนะ สามารถเลี่ยงเข้าซอยแจ้งวัฒนะ 14 เพื่อออกสู่ถนนกำแพงเพชร 6 ด้านถนนพหลโยธิน สามารถเลี่ยงเข้าซอยพหลโยธิน 48 เพื่อออกสู่ถนนรามอินทรา และจากถนนรามอินทรา สามารถเลี้ยวเข้าซอยมัยลาภเพื่อออกสู่ถนนเกษตร-นวมินทร์ หรือเข้าซอยรามอินทรา 39 เพื่อออกสู่ถนนวัชรพลและถนนสุขาภิบาล 5 ได้ ยังสามารถเลี้ยวเข้าถนนปัญญาอินทรา หรือถนนพระยาสุเรนทร์ เพื่อมุ่งหน้าสู่  ถนนหทัยราษฎร์ เป็นต้น ซึ่งแผนการจัดจราจรดังกล่าว น่าจะช่วยระบายรถออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ           แต่ในอนาคตอาจมีการปรับแผนการจัดจราจรเพิ่มเติม เมื่อมีการปิดถนนจริง เพื่อให้ประชาชนที่ใช้รถใช้ถนน   ได้รับความสะดวกมากที่สุด – สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”