เวียดนาม 11 พ.ย.- นายกฯ กล่าวถ้อยแถลงในเวทีเอเปค นำเสนอเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ขับเคลื่อนการเกษตรเข้าสู่ยุคดิจิทัล พร้อมเสนอตัวจัดทำแผนงาน MSMEs ส่วงเสริมธุรกิจสีเขียว หวังเอเปคจะประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิดมากขึ้นในอนาคต ให้ประชาชนทุกกลุ่มก้าวสู่สังคมดิจิทัลอย่างเต็มศักยภาพและเท่าเทียม
“พัทธนันท์ สงชัย” ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ติดตาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 25 ณ นครดานัง สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ระหว่างวันที่ 10-12 พฤศจิกายน 2560 รายงานว่า วะนนี้ (11 พ.ย.) นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถ้อยแถลงในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 25 ช่วงที่ 1 ภายใต้หัวข้อ การเติบโตอย่างมีนวัตกรรม การมีส่วนร่วม และการจ้างงานที่ยั่งยืนในยุคดิจิทัล(Innovative Growth, Inclusion and Sustainable Employment in the Digital Age) ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล นครดานัง สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
นายกรัฐมนตรี เสนอว่า สิ่งที่เอเปคสามารถเริ่มดำเนินการ เพื่อวางรากฐานไปสู่การเติบโตอย่างครอบคลุมและยั่งยืนนั่น ได้แก่ การพัฒนาทุนมนุษย์ การเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร ต้องสนับสนุนภาคการเกษตรให้ปรับตัวเข้ากับยุคดิจิทัล ด้วยเหตุนี้ ไทยจึงสนับสนุนให้เกษตรกรน้อมนำเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาปรับใช้กับเทคโนโลยีสมัยใหม่
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะที่ การส่งเสริมธุรกิจสีเขียว ไทยร่วมกับเปรูผลักดันยุทธศาสตร์เอเปคว่าด้วยการส่งเสริมการส่งเสริมให้วิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ยั่งยืน และมีนวัตกรรม (APEC Strategy for Green, Sustainable and Innovative MSMEs) ซึ่งผู้นำเอเปคจะรับรองในปีนี้ เพี่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ MSMEs มีส่วนร่วมในห่วงโซ่มูลค่าโลก และเป็นรากฐานให้เอเปคเติบโตอย่างยั่งยืน ครอบคลุม และมีนวัตกรรม และไทยพร้อมรับที่จะจัดทำแผนงาน และดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนให้สมาชิกเอเปคนำยุทธศาสตร์ดังกล่าว ไปปฏิบัติให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมต่อไป
นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่า การดำเนินการข้างต้น ควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของการบูรณาการความร่วมมือระหว่างทุกภาคส่วน และหวังว่า เอเปคและกลไกเหล่านี้จะประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิดมากขึ้นในอนาคต เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มก้าวสู่สังคมดิจิทัลได้อย่างเต็มศักยภาพและเท่าเทียม .- สำนักข่าวไทย