กระทรวงแรงงาน 10 พ.ย.-ปลัดแรงงาน ยืนยันยังไม่ได้ซื้อเครื่องสแกนม่านตาตามที่ถูกกว่าหาว่าแพงเกินจริง ย้ำถ้าซื้อต้องโปร่งใส พร้อมระบุเป็นเครื่องมือช่วยตรวจอัตลักษณ์บุคคลได้ดีกว่าลายนิ้วมือ
นายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงกรณีการจัดซื้อเครื่องสแกนม่านตา เพื่อตรวจอัตลักษณ์ของแรงงานต่างด้าววงเงิน 120 ล้านบาท ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้เสนอเรื่องจัดซื้อตามที่มีกระแสข่าว ต้องรอมติจากคณะกรรมการแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าวที่ คสช.ตั้งขึ้นมาพิจารณาก่อน ซึ่งเครื่องสแกนม่านตาที่กรมการจัดหางานกระทรวงแรงงานใช้อยู่ในขณะนี้เป็นของกรมเจ้าท่า มีอยู่ 30 เครื่อง และน่าจะเพียงพอต่อการพิสูจน์อัตลักษณ์แรงงานประมง 7 หมื่นคน ที่ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จในเดือนมีนาคมปี 2561ซึ่งขณะนี้ดำเนินการไปแล้วกว่า 3 หมื่นคน ส่วนแรงงานต่างด้าวอีกประมาณ 2 ล้านคน คณะกรรมการชุดดังกล่าวจะพิจารณาต่อไปว่าจะใช้วิธีใด
“ที่กล่าวหาว่าจัดซื้อจัดจ้างราคาสูง เกิดการทุจริต ขอยืนยันว่ายังไม่ได้ซื้อ หากจัดซื้อจริงจะต้องเป็นไปด้วยความโปร่งใส เพราะไม่มีใครกล้าทำเรื่องไม่ดี เรื่องนี้สังคมจับตาอยู่ ส่วนเรื่องการพิสูจน์สัญชาติและพิสูจน์อัตลักษณ์ของแรงงานต่างด้าว มีหลายหน่วยงานดำเนินการ ก่อนจะปรับเปลี่ยนโดยให้กระทรวงแรงงานรับผิดชอบ เพราะการพิสูจน์ตัวตนของแรงงานประมงด้วยลายนิ้วมือค่อนข้างมีปัญหา ลายนิ้วมือเลือนลางจากการทำงาน จึงต้องใช้เครื่องสแกนม่านตาดำเนินการแทน ปัจจุบันเครื่องทั้งหมดกระจายอยู่ใน 22 จังหวัดที่ติดทะเล” ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าว
นายจรินทร์ กล่าวว่า การเก็บข้อมูลแรงงานต่างด้าวในช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างสับสน เพราะมีหลายหน่วยงานรับผิดชอบ แต่หลังจากที่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาจัดระบบและใช้คำสั่งตามมาตรา 44 ดำเนินการ ฐานข้อมูลทั้งหมดถูกนำไปใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น ทั้งจำนวน อาชีพ และที่อยู่อาศัย ของคนต่างด้าวในไทย การเข้าสู่ระบบสุขภาพตามกฎหมายไทย ตลอดจนการถ่ายเทแรงงานไปสู่ตลาดแรงงานอื่นๆ ที่คนไทยไม่ทำ ที่สำคัญต่างชาติจะไม่มีข้ออ้างเรื่องการค้ามนุษย์ เพราะไทยปฏิบัติตามหลักสากล.- สำนักข่าวไทย
