ไทยยืนยันลอยตัวราคาน้ำตาลฤดูหีบอ้อย 60/61

กรุงเทพฯ 10 พ.ย. – สอน.เดินหน้าแก้ไขกฎหมายลูก เตรียมความพร้อมลอยตัวราคาน้ำตาลในประเทศภายในฤดูการผลิต 60/61 ยืนยันคนไทยมีน้ำตาลพอบริโภคแน่ ชาวไร่ยังได้รับการดูแล 


นางวรวรรณ ชิตอรุณ รองเลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) รักษาราชการแทนเลขาธิการ กอน. คาดว่า ประเทศไทยจะปล่อยลอยตัวราคาน้ำตาลทรายภายในประเทศให้ปรับขึ้นลงตามกลไกตลาดเสรีที่สะท้อนราคาตลาดโลกภายในฤดูการผลิตปี 2560/2561 ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) อยู่ระหว่างดำเนินการส่งร่างแก้ไขกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องประมาณ 4-5 ฉบับที่ออกภายใต้พระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 ไปให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา หากคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ จึงจะสามารถปล่อยลอยตัวราคาน้ำตาลทรายภายในประเทศได้  โดยราคาน้ำตาลหลังลอยตัวตามกลไกตลาดเสรีราคาจะปรับเปลี่ยนตามกลไกตลาด หากราคาน้ำตาลตลาดโลกต่ำลงราคาน้ำตาลจำหน่ายในประเทศก็จะจำหน่ายในราคาที่ต่ำลงเช่นกัน และหากช่วงที่มีการปล่อยลอยตัวราคาน้ำตาลระดับราคาน้ำตาลในตลาดโลกยังคงทรงตัวอยู่ในระดับเท่า ๆ กับปัจจุบัน เชื่อว่าเมื่อลอยตัวระดับราคาน้ำตาลในประเทศไทยน่าจะถูกลง

สำหรับราคาน้ำตาลทรายในประเทศ จะสะท้อนราคาตามกลไกตลาดการค้าเสรี โดยจะต้องรอการพิจารณาจากคณะรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม ยังจะมีกลไกกำกับดูแลราคาน้ำตาลทรายในประเทศให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายทั้งเกษตรกรชาวไร่อ้อย ผู้ผลิตน้ำตาล และผู้บริโภค 


ปัจจุบันไทยผลิตน้ำตาลทรายปีละประมาณ 9-10 ล้านตัน ส่วนใหญ่ส่งออกไปประเทศในเอเชีย เช่น อินโดนีเซีย โดยมีปริมาณส่งออกมากที่สุดเป็นอันดับ 1 เมื่อเทียบกับการส่งออกไปประเทศอื่น โดยมีการนำเข้าถึงปีละประมาณ  2 ล้านตันจากยอดส่งออกน้ำตาลของประเทศไทยแต่ละปีรวมทั้งหมดประมาณ 7 ล้านตัน ขณะที่การบริโภคน้ำตาลภายในประเทศอยู่ที่ปีละประมาณ  2.5-2.6 ล้านตัน ส่วนประเทศอื่น ได้แก่ เกาหลี ประมาณ 1 ล้านตัน จีน และญี่ปุ่น รวมถึงส่งออกไปกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านรอบ ๆ ไทยด้วย

สอน.ยืนยันว่าน้ำตาลทรายเพื่อการบริโภคในประเทศ ทั้งในส่วนของประชาชนและภาคผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารจะมีอย่างเพียงพอ เพราะกำหนดให้โรงงานผลิตน้ำตาลทรายจะต้องสำรองการผลิต 1 เดือน หรือประมาณเดือนละ 2.5 ล้านกระสอบ หรือมีน้ำตาลสำรองเดือนละ 250,000 ตัน จากยอดบริโภคภายในประเทศปีละ 2.5-2.6 ล้านตัน ระบบนี้นับเป็นการเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่น้ำตาลผลิตได้จะจัดสรรตามระบบโควตาน้ำตาล ก. โควตา ข.และโควตา ค. ซึ่งถูกยกเลิกเปลี่ยนมาเป็นระบบบัฟเฟอร์สตอกสำรองน้ำตาลไว้ใช้ภายในประเทศ ซึ่งเป็นไปในลักษณะเดียวกันกับที่หลายประเทศใช้ ทั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นคงในการมีน้ำตาลไว้บริโภคภายในประเทศอย่างเพียงพอ 

ด้านชาวไร่อ้อยมั่นใจได้ว่าจะยังคงได้รับการดูแลต่อไป โดยชาวไร่อ้อยและโรงงานน้ำตาลจะตกลงกันเพื่อดำเนินการจัดเก็บเงินรายได้จากการจำหน่ายน้ำตาลทราย และส่งเข้ากองทุนอ้อยฯ สะสมไว้ เพื่อสำรองไว้นำมาใช้ช่วยเหลือชาวไร่อ้อยในหลายรูปแบบต่อไป จะไม่อยู่ในรูปแบบการจ่ายเงินเพิ่มค่าอ้อยแต่ละฤดูการผลิตอีกต่อไป สำหรับสถานะกองทุนแม้จะยังมีหนี้สินเดิมอยู่ แต่ก็มีสินทรัพย์มากกว่า.-สำนักข่าวไทย 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

อดีตครูจำใจสร้างห้องขังในบ้าน เตรียมคุมลูกติดยา

สลด! อดีตครูวัย 64 ปี จำใจจ้างช่างทำห้องคล้ายกรงขังในบ้าน เตรียมคุมลูกติดยา-พนันออนไลน์ หลังส่งตัวบำบัดกว่า 10 ครั้ง แต่ออกมาก็เหมือนเดิม

หนุ่มใหญ่ควบเก๋งเผลอเหยียบผิดพุ่งทะลุกำแพงอาคารจอดรถดิ่งตกจากชั้น 2

หนุ่มใหญ่ควบเก๋งเผลอเหยียบผิดพุ่งทะลุกำแพงอาคารจอดรถดิ่งตกจากชั้น 2 โชคดีบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ส่งรักษาตัวที่ รพ.เจ้าพระยา

อาม่าแจ้งความ “หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง” หลอกทำพิธีสูญ 60 ล้าน

อาม่าวัย 77 ปี โร่แจ้งความเอาผิด “หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง” หลอกทำพิธี-แนะซื้อวัตถุมงคลแล้วไม่ได้รับของ สูญเงินกว่า 60 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิลดลง 1-2 องศาฯ

กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส กับมีลมแรงในภาคอีสาน ส่วนบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคอีสานตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

เรือใบอิตาลีที่สวยงามที่สุดในโลกเดินทางถึงภูเก็ตแล้ว

ภูเก็ตคึกคัก เรือใบอิตาลีที่ขึ้นชื่อว่างดงามที่สุดลำหนึ่งของโลก ออกเดินทางมาแล้วรอบโลก ได้เข้าจอดเทียบท่าจังหวัดภูเก็ต โดยมีทัพเรือภาคที่ 3 ให้การต้อนรับทหารเรืออิตาลีกว่า 150 นาย อย่างอบอุ่นพร้อมเปิดให้ประชาชนขึ้นชมเรือฟรีได้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (6 พ.ย.)

พระเปย์สีกา ช่องโหว่ผลประโยชน์ในดงขมิ้น

รองเจ้าอาวาสวัดชื่อดังแห่งหนึ่งในมหาสารคาม ขอลาสิกขากลางดึก หลังถูกแฉ เป็นพระปลัดใจป๋า เปย์สีกาไม่อั้น ขณะที่รอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สั่งตรวจสอบว่า เป็นเงินส่วนตัว หรือ เงินวัด เพราะจะมีความผิดแตกต่างกัน