นายกฯ ยืนยัน ปรับ ครม. ตามความเหมาะสมของสถานการณ์

ทำเนียบฯ 7 พ.ย.-  นายกฯ ยืนยัน ปรับ ครม. ตามความเหมาะสมของสถานการณ์ และเพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติ ย้ำ ไม่มีเรื่องโควต้าของฝ่ายต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึง การปรับคณะรัฐมนตรี หลัง พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ลาออกจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ว่า ถือเป็นวิธีการหนึ่งในการบริหารงานของข้าราชการการเมือง  เพื่อความเหมาะสม   ยืนยันว่า การพิจารณารัฐมนตรีคนใหม่  ไม่มีเรื่องของโควต้าของฝ่ายต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ทหาร หรือ พลเรือน 

“ยืนยันว่า การพิจารณาปรับ ครม.  ผมจะทำอย่างดีที่สุด  จะพิจารณาจากหลักเกณฑ์ความเหมาะสมของสถานการณ์  ในการเดินหน้าการปฏิรูปประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติ การขับเคลื่อนการวางโครงสร้างประเทศ การดูแลประชาชน และ ดูแลการใช้จ่ายงบประมาณอย่างถูกต้อง และเมื่อมีการปรับแล้ว ก็ต้องประเมินการทำงาน หากงานยังไม่ดีขึ้น ก็แปลว่าอยู่ที่ระบบ  ไม่อยากให้มองที่ตัวบุคคล” นายกรัฐมนตรี กล่าว


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า  ที่ผ่านมารัฐมนตรีทุกคนทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ไม่มีข้อบกพร่อง  ในส่วนของ พล.อ.ศิริชัย ก็ได้ให้เหตุผลการลาออกว่า ต้องไปทำธุรกิจส่วนตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนเข้าใจ และช่วงเวลาที่ยังไม่ได้แต่งตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานคนใหม่ ก็ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำกับดูแลกระทรวงแรงงานไปพลางก่อน ซึ่งเป็นไปตามระเบียบหลักเกณฑ์ที่มีอยู่แล้ว จนกว่าจะมีการแต่งตั้งคนใหม่ และงานทุกอย่างก็ขับเคลื่อนต่อไปได้

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง กรณีที่เมื่อมีข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี จะต้องมีชื่อของ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อยู่ด้วยทุกครั้ง ว่า ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ไม่ว่าใครจะเข้ามาทำหน้าที่ ก็จะต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่เสมอ ดังนั้น ขอให้มองย้อนกลับไปมองผลงานของ พล.อ.ฉัตรชัย 

“พล.อ.ฉัตรชัย ไม่ใช่กล่องดวงใจของผม เพราะผมมีครอบครัวเป็นกล่องดวงใจ คนอื่นก็คือเพื่อนและเพื่อนร่วมงาน ซึ่งผมแยกแยะระหว่างการทำหน้าที่ในคณะรัฐมนตรีกับความเป็นเพื่อน  ไม่เอาเรื่องส่วนตัวไปปะปนกับเรื่องงาน” นายกรัฐมนตรี กล่าว        .- สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เครื่องบินภูเก็ตมุ่งหน้ามอสโก ขอลงจอดฉุกเฉินที่สุวรรณภูมิ

เที่ยวบิน 777-300ER สายการบิน Aeroflot ขึ้นจากภูเก็ตไปมอสโก เตรียมลงสุวรรณภูมิ หลังบินวนกลางทะเลอันดามันหลายชั่วโมง จากปัญหาระบบลงจอดขัดข้อง

ไข้หวัดใหญ่ระบาด

ไข้หวัดใหญ่ระบาดในสหรัฐ-เสียชีวิตแล้ว 13,000 ราย

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ หรือซีดีซี รายงานว่า พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ในฤดูกาลนี้อย่างน้อย 24 ล้านคนแล้วทั่วสหรัฐ

ตัดไฟเมียนมา

มาตรการตัดไฟเมียนมาได้ผล กลุ่มเว็บพนันปลดพนักงานแล้วกว่าร้อยคน

มาตรการตัดไฟเมียนมาได้ผล กลุ่มเว็บพนันออนไลน์และกลุ่มสแกมเมอร์ที่จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ปลดพนักงานแล้วกว่า 100 คน เนื่องจากขาดแคลนกระแสไฟฟ้า ทำให้พนักงานทยอยเดินทางออกจากท่าขี้เหล็ก กลับมาทางด่าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย อย่างต่อเนื่อง

ข่าวแนะนำ

ไทยตอนบน อุ่นขึ้น 1-2 องศาฯ อากาศร้อนตอนกลางวัน

กรมอุตุฯ รายงานไทยตอนบน อุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศาฯ อากาศเย็นกับมีหมอกตอนเช้า โดยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด และยอดภูอากาศหนาว

เข้มทางบก แก๊งลักลอบเข้าเมือง หนีไปทางน้ำ

หลังมาตรการ Seal Stop Safe ชายแดนของรัฐบาล ซึ่งเริ่มตั้งแต่ 30 มกราคม เพื่อเข้มงวด ตั้งจุดตรวจ จุดสกัดตามเส้นทางต่างๆ พบขบวนการลักลอบเข้าเมืองด้านชายแดนกาญจนบุรี ซึ่งฝั่งตรงข้ามคือ เมืองพญาตองซู ของเมียนมา เลี่ยงไปใช้เส้นทางน้ำแทน

ทองไทยใกล้เป้าหมายบาทละ 5 หมื่น

ทองไทยเข้าภาวะกระทิง เปลี่ยนแปลงคึกคักวันนี้ (11 ก.พ.) ปรับเปลี่ยน 27 รอบ เข้าใกล้ 48,000 บาทต่อบาททองคำ มองเป้าหมายถัดไปที่ 50,000 บาทต่อบาททองคำ ด้านสภาทองคำโลก ชี้การซื้อทองเป็นการลงทุนมากกว่าการใช้เป็นเครื่องประดับ ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นตลาดทองคำที่แข็งแกร่งในปี 67 สูงเป็นอันดับ 7 ของโลก