หน่วยงานการบินพร้อมรับเทศกาลลอยกระทง

กรุงเทพฯ  3 พ.ย. – บวท.เตรียมมาตรการรองรับความปลอดภัยด้านการบินช่วงเทศกาลลอยกระทง หลังพบเที่ยวบินเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 ขณะที่เทศกาลโคมลอยกระทบเที่ยวบินท่าอากาศยานเชียงใหม่ 17 สายการบิน แจ้งปรับเปลี่ยนเวลาทำการบิน 78 เที่ยวบิน และยกเลิกเที่ยวบิน 113 เที่ยวบิน


บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) รายงานว่า สำหรับมาตรการลอยกระทงปี 2560 จากข้อมูลพบว่าปริมาณเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นช่วงเทศกาลลอยกระทง ระหว่างวันที่ 1 – 5 พฤศจิกายนนี้ เฉลี่ยร้อยละ 6 จากเดิม 12,480 เที่ยวบิน เป็น 13,289 เที่ยวบิน 

ขณะที่ได้วางแผนการบริหารจัดการจราจรทางอากาศ ประกอบด้วย การกำหนดพื้นที่ที่ต้องระวังเป็นพิเศษ การกำหนดพื้นที่ปลอดภัย คือ บริเวณแนวขึ้น – ลงของเครื่องบิน และบริเวณโดยรอบสนามบินรัศมี 8 กิโลเมตร และการกำหนดช่วงเวลาให้เครื่องบินหลีกเลี่ยงทำการบินในช่วงเวลาที่มีกิจกรรม อีกทั้งการจัดเตรียมอัตรากำลังเพิ่ม และเสริมบุคลากรที่มีประสบการณ์ในการควบคุมจราจรทางอากาศมากำกับดูแลอย่างใกล้ชิดในช่วงเทศกาลดังกล่าว นอกจากนี้ได้เตรียมความพร้อมในการส่งต่อข้อมูลการแจ้งรายงานของนักบินที่พบเห็นสิ่งแปลกปลอมที่ขึ้นไปบนท้องฟ้าซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของเครื่องบิน


ส่วนพื้นที่ที่มีการจัดงานประเพณีโคมลอยในพื้นที่ภาคเหนือ เช่น ท่าอากาศยานเชียงใหม่ โดยจังหวัดเชียงใหม่กำหนดให้ประชาชนจุดและปล่อยโคมลอย โคมไฟ ตั้งแต่เวลา 19.00-01.00 น. ในวันที่ 3 – 4 พฤศจิกายน 2560 สำหรับโคมควัน (ว่าวฮม) ให้จุดและปล่อยตั้งแต่เวลา 10.00 -12.00 น. ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อความปลอดภัยในการเดินอากาศ ระหว่างวันที่ 2 – 3 พฤศจิกายน 2560 สายการบินที่เดินทางมาท่าอากาศยานเชียงใหม่ 17 สายการบิน จึงได้ปรับเปลี่ยนเวลาทำการบินรวม 78 เที่ยวบิน และยกเลิกเที่ยวบินรวม 113 เที่ยวบิน

ทั้งนี้ บวท.ได้ขอความร่วมมือแจ้งข้อมูลเพื่อดำเนินกิจกรรมโคมลอย โคมควัน และจุดพลุ เช่น การให้ดาวน์โหลดแบบฟอร์มการแจ้งข่าวเกี่ยวกับความปลอดภัยการเดินอากาศ หรือการออกประกาศนักบิน (NOTAM) ของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ทาง www.caat.or.th จะส่งให้ กพท. และ บวท.ล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน ก่อนจุดพลุให้แจ้งหอบังคับการบินล่วงหน้า 10 นาที บวท.จะนำข้อมูลดังกล่าวมาวางแผนบริหารจัดการจราจรทางอากาศให้เกิดความปลอดภัย หลังเสร็จกิจกรรมให้แจ้งหอบังคับการบินทางโทรศัพท์

ขณะที่ในเขตกรุงเทพมหานครต้องได้รับอนุญาตจากผู้อำนวยการเขต เพื่อจะได้มีการประสานงานตามขั้นตอนรายงานหน่วยงานการบินที่เกี่ยวข้อง สำหรับนายอำเภอท้องที่หรือจังหวัด ซึ่งรับผิดชอบในเขตพื้นที่ที่จะจุดและปล่อยต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของประกาศจังหวัดนั้น ๆ  


เรืออากาศเอกปรารถนา พัฒนศิริ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายความปลอดภัย ความมั่นคงและมาตรฐานการบิน การบินไทย เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลลอยกระทงของทุกปีหลายจังหวัดทางภาคเหนือได้จัดให้มีการปล่อยโคมลอยในช่วงเทศกาลดังกล่าว ทั้งนี้ การปล่อยโคมลอยอาจมีผลกระทบต่อความปลอดภัยในการปฏิบัติการบิน ดังนั้น เพื่อเป็นการรักษามาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดของการปฏิบัติการบิน บริษัทฯ จึงทำการปรับตารางการบินและยกเลิกบางเที่ยวบินในช่วงวันที่ 3-4 พฤศจิกายน 2560 ประกอบด้วย ยกเลิกเที่ยวบินเส้นทางไป – กลับ กรุงเทพฯ – เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 3-4 พฤศจิกายน 2560 ได้แก่ เที่ยวบินทีจี 120 เส้นทางกรุงเทพฯ – เชียงใหม่ วันที่ 3-4 พฤศจิกายน 2560, เที่ยวบินทีจี 121 เส้นทางเชียงใหม่ – กรุงเทพฯ วันที่ 3-4 พฤศจิกายน 2560

ปรับเปลี่ยนเวลาบิน ระหว่างวันที่ 3-4 พฤศจิกายน 2560 เที่ยวบินทีจี 103 วันที่ 3 พฤศจิกายน 2560  จากเดิมออกจากเชียงใหม่ เวลา 10.05. น. ถึงกรุงเทพฯ เวลา 11.25 น. ปรับเปลี่ยนเวลาบินใหม่เป็น ออกจากเชียงใหม่ เวลา 09.55 น. ถึงกรุงเทพฯ เวลา 11.15 น.  เที่ยวบินทีจี 105 วันที่ 3 พฤศจิกายน 2560  เดิมออกจากเชียงใหม่ เวลา 10.40 น. ถึงกรุงเทพฯ เวลา 11.55 น. ปรับเปลี่ยนเวลาบินใหม่เป็น ออกจากเชียงใหม่ เวลา 12.05 น. ถึงกรุงเทพฯ เวลา 13.15 น.,เที่ยวบินทีจี 116 วันที่ 3-4 พฤศจิกายน 2560 เดิมออกจากกรุงเทพฯ เวลา 17.10 น. ถึงเชียงใหม่ เวลา 18.30 น. ปรับเปลี่ยนเวลาบินใหม่เป็น ออกจากกรุงเทพฯ เวลา 16.00 น. ถึงเชียงใหม่ เวลา 17.10 น. เที่ยวบินทีจี 117 วันที่ 3-4 พฤศจิกายน 2560 เดิมออกจากเชียงใหม่ เวลา 19.20 น. ถึงกรุงเทพฯ เวลา 20.40 น.ปรับเปลี่ยนเวลาบินใหม่เป็น ออกจากเชียงใหม่ เวลา 18.00 น. ถึงกรุงเทพฯ เวลา 19.10 น. ทั้งนี้ ผู้โดยสารสามารถดูรายละเอียดตารางการบิน สำรองที่นั่ง และออกบัตรโดยสารได้ที่ thaiairways.com หรือโทรศัพท์สอบถามที่ THAI Contact Center โทร 0-2356-1111 ตลอด 24 ชั่วโมง

นายประยูร  ช่วยแก้ว  รองผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถองค์การ รักษาการในตำแหน่ง ผู้อำนวยการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่าในวันลอยกระทง ประจำปี 2560 ซึ่งตรงกับวันที่ 3 พฤศจิกายน  หลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนได้จัดงานลอยกระทงขึ้น  เพื่อสืบสานประเพณีไทย รวม 30 แห่ง เช่น   Asia tique the riverfront, สวนลุมพินี, วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร, สะพานพระราม 8, เขาดินวนา, วัดอรุณราชวราราม, สวนสยามลอยกระทงมิดไนท์, ดรีมเวิลด์ลอยกระทงโต้รุ่ง และท่ามหาราช เป็นต้น ขสมก. เตรียมจัดเดินรถโดยสารออกวิ่งให้บริการประชาชนอย่างเต็มอัตรา  โดยจัดรถวิ่งบริการ  2,546 คัน 21,442 เที่ยววิ่ง ได้แก่ เส้นทางปกติเพิ่มจำนวนรถ  เที่ยววิ่ง  และการเปลี่ยนกะของพนักงานประจำรถ  ทั้งกะเช้า  กะบ่าย  และกะสว่าง 117 เส้นทาง และขยายเวลาการเดินรถจากปกติออกไปอีก 1 ชั่วโมง 

จัดเดินรถเชื่อมต่อสถานีขนส่งกรุงเทพ  4  สถานี รวม  37  เส้นทาง  คือ สถานีขนส่งกรุงเทพ (จตุจักร) 13 เส้นทาง ได้แก่ 3, 16, 26, 49, 77, 96, 134, 136, 138,  145, 509, 517 และ 536 สถานีขนส่งกรุงเทพ (เอกมัย)  8  เส้นทาง ได้แก่ 2, 23, 25, 71, 72, 501, 508 และ 511 สถานีขนส่งกรุงเทพ (สายใต้ใหม่)  6 เส้นทาง ได้แก่ 66, 79, 511, 515, 516 และ 556  สถานีรถไฟหัวลำโพง  10 เส้นทาง ได้แก่ 4, 7, 21, 25, 29, 34, 73, 73ก, 75 และ 501 และจัดเดินรถ  AIRPORT  BUS เชื่อมต่อท่าอากาศยานดอนเมือง  5 เส้นทาง  ประกอบด้วย สาย A 1 ท่าอากาศยานดอนเมือง สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสจตุจักร วันละ 15 คัน, สาย A 2 ท่าอากาศยานดอนเมือง – อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ  วันละ 8 คัน, สาย A 3 ท่าอากาศยานดอนเมือง – สวนลุมพินี  วันละ 6 คัน, สาย A 4 ท่าอากาศยานดอนเมือง – สนามหลวง วันละ 6 คัน, สาย S 1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ – สนามหลวง วันละ 8 คัน

ด้านมาตรการเพื่อความปลอดภัย มีการเตรียมความพร้อมของรถโดยสาร ขสมก.ได้เข้มงวดตรวจเช็คการซ่อมบำรุงให้เป็นไปตามแผน และระเบียบปฏิบัติ โดยให้หัวหน้างานคอยย้ำเตือนพนักงานประจำรถให้ตรวจสอบสภาพรถ พร้อมอุปกรณ์ส่วนควบอย่างละเอียดถี่ถ้วน  และอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานก่อนนำรถออกวิ่งให้บริการ  เช่น  ระบบไฟฟ้า ระบบเบรค ประตูเปิด-ปิดอัตโนมัติ การติดตั้งเครื่องดับเพลิง เป็นต้น การเตรียมความพร้อมของพนักงานประจำรถ ให้หัวหน้างาน ตรวจความพร้อมร่างกายของพนักงานประจำรถ ตรวจวัดแอลกอฮอล์ ตรวจใบอนุญาตขับขี่ก่อนขึ้นปฏิบัติหน้าที่ทุกครั้ง ตักเตือนพนักงาน  ขับรถให้เปิดประตูเมื่อรถจอดสนิท และปิดประตูก่อนนำรถออกจากป้าย ใช้ความเร็วตามกฎหมายกำหนด ไม่ขับปาดซ้ายปาดขวาหรือขับแข่งแซงกัน ไม่จอดแช่ป้าย เพื่อป้องกันการจราจรติดขัด และให้ระวังผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมกัน รวมถึงให้พนักงานเก็บค่าโดยสารช่วยดูแลอำนวยความสะดวกในการขึ้น-ลงรถเมล์แก่ผู้ใช้บริการเป็นกรณีพิเศษ  จัดพนักงานสายตรวจพิเศษ นายตรวจ  ช่วยอำนวยความสะดวกการจราจรบริเวณวัดที่รถวิ่งผ่าน และตามป้ายหยุดรถโดยสารที่มีผู้ใช้บริการหนาแน่น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]