รร.โอกุระ 3 พ.ย. – นักวิชาการชี้รัฐบาลไม่จำเป็นต้องออกมาตรการช้อปช่วยชาติ เหตุเศรษฐกิจฟื้นตัวแล้วขยายตัวถึงร้อยละ 4
ในงานสัมนา Global and Thailand Economic Outlook 2018 นายสมประวิณ มันประเสริฐ ผู้บริหารสายงานวิจัยเศรษฐกิจและหัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดถึงกรณีที่รัฐบาลมีแนวคิดออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปีด้วยมาตรการช้อปช่วยชาติ ว่า ยังไม่มีความจำเป็นต้องออกมาตรการดังกล่าว เพราะเศรษฐกิจฟื้นตัวแล้ว การกระตุ้นด้วยมาตรการการคลังระยะสั้นจะเป็นการดึงเงินในอนาคตมาใช้ อาจจะส่งให้เศรษฐกิจช่วงต้นปีหน้าชะลอตัวได้ จึงควรเก็บมาตรการต่าง ๆ ใช้ปีหน้าจะดีกว่า เพราะแม้จะมีการกระตุ้นระยะสั้นอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ หรือจีดีพี ก็ไม่ได้ปรับขึ้นมาก ล่าสุดธนาคารได้มีการปรับประมาณจีดีพีปีนี้เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 3.8 และมีโอกาสที่เศรษฐกิจขยายตัวได้ถึงร้อยละ 4 ดีขึ้นกว่าที่คาดการณ์เดิมที่ร้อยละ 3.6 เนื่องจากการส่งออกในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ขยายตัวเกินร้อยละ 10 ทำให้เชื่อว่าการส่งออกปีนี้จะขยายตัวได้ร้อยละ 6.5 ส่งผลให้ภาคการผลิตที่เกี่ยวกับการส่งออกฟื้นตัวขึ้นใน 6 อุตสาหกรรม จาก 10 อุตสาหกรรมหลัก กำลังการผลิตมีค่าเฉลี่ยสูงกว่า 6 ปีที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะกระจายตัวสู่พื้นที่ต่าง ๆ มากขึ้นปีหน้า
ส่วนเศรษฐกิจไทยปีหน้า คาดการณ์จะขยายตัวร้อยละ 3.7-3.8 ขณะที่การส่งออกโตร้อยละ 4.5 แม้จะขยายต้วไม่มากเท่าปีนี้ แต่ยังเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก โดยจะมีการลงทุนภาครัฐเป็นตัวเสริม จากเม็ดเงินการเบิกจ่ายงบประมาณการลงทุนและจะทำให้การลงทุนภาคเอกชนกลับมาขยายตัวชัดเจน ทั้งนี้ มองว่าไทยยังเผชิญปัญหาโครงสร้างระยะยาวที่ต้องแก้ปัญหา เพื่อให้เศรษฐกิจโตอย่างยั่งยืน เพราะปัญหาตอนนี้ไม่สามารถเติบโตร้อยละ 7-8 เหมือนในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเศรษฐกิจเติบโตได้เพียงร้อยละ 3-4 และ เติบโตสอดคล้องกับภาวะสถานการณ์ปัจจุบัน
ส่วนปัจจัยเสี่ยงสำหรับเศรษฐกิจนั้น นายสมประวิณ กล่าวว่า ไม่กังวลการเมืองในประเทศ แต่ยอมรับห่วงความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศมากกว่า เพราะมีความไม่แน่นอนสูง โดยเฉพาะนโยบายของนายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ขณะนี้กำลังเพิ่มความสัมพันธ์กับภูมิภาคเอเชีย
ส่วนประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี สหรัฐ ได้แต่งตั้งนายเจอโรม พาวเวลล์ มาดำรงตำแหน่งประธานเฟด ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาด โดยนโยบายทางการเงินจะไม่แตกต่างจากประธานเฟดคนปัจจุบัน และคาดว่านโยบายการเงินของสหรัฐจะต่อเนื่อง เพื่อให้เศรษฐกิจสหรัฐเติบโตต่อไป
“ค่าเงินบาทระยะยาวจะอ่อนตัว เพราะมองว่าเดือนธันวาคมจะขึ้นดอกเบี้ย 1 ครั้ง ปีหน้า 3 ครั้ง และมีการลดงบดุลลง ซึ่งจะส่งผลให้เงินทุนไหลกลับ” นายสมประวิณ กล่าว.-สำนักข่าวไทย